มู่เฉียนซีกล่าวในทันใด “พาข้าไป ข้าจะช่วยเขาเอง”
“ขอรับ”
เสื้อคลุมสีขาวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงสด ใบหน้าเนียนราวหยกในเวลานี้ซีดขาวราวกระดาษ คนผู้นี้คือนายน้อยแห่งบ้านประมูลอันดับหนึ่ง—น่าหลานอวี้
มู่เฉียนซีไม่นึกเลยว่าจะต้องมาเจอเขาในสภาพบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ นับว่าโชคดีที่เขายังมีลมหายใจอยู่ มิเช่นนั้นแล้วแม้แต่นางคงรู้สึกไร้หนทางอย่างแท้จริง
เข็มยาหลายเข็มฉีดเข้าร่างของน่าหลานอวี้ มู่เฉียนซีเอามือเปิดปากเขาและยัดยาเข้าไปในปาก จากนั้นทำได้เพียงรอให้เขาฟื้นขึ้นมา
น่าหลานอวี้ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา แววตาเขาเจือความสับสนงุนงง จากนั้นแววตาของเขาค่อย ๆ ดูชัดเจนไม่เลื่อนลอย และเขาก็ได้เห็นร่างสตรีชุดสีม่วงผู้งดงาม
เมื่อได้เห็นใบหน้าของสตรีผู้นี้ เขาคิดว่าตนเองได้เห็นนางฟ้าผู้งดงามเข้าให้แล้ว แต่เมื่อเขากลับมามีสติสัมปชัญญะเต็มร้อยส่วนอีกครั้ง ก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
แท้ที่จริงแล้วเขาคงได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส ดวงตาคงพร่ามัวเห็นภาพหลอนไป นางฟ้าผู้งดงามจะมาปรากฏกายให้เขาเห็นในเวลานี้ได้อย่างไร ?
น่าหลานอวี้กล่าวถามขึ้นมา “ที่นี่ที่ไหนรึ ?”
มู่เฉียนซี “ที่นี่คือหอหมอปีศาจ หากไม่ใช่ที่นี่ เจ้าคิดว่าเจ้าจะมีชีวิตรอดฟื้นขึ้นมาได้เช่นนี้รึ ?”
“หอหมอปีศาจ เช่นนั้นแล้วมู่ซีล่ะ ? มู่ซีเป็นคนช่วยชีวิตข้าเอาไว้ใช่หรือไม่ ?” น่าหลานอวี้แทบจะผุดลุกขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
มู่เฉียนซีส่ายศีรษะ กล่าวอย่างจนปัญญาระอาใจ “ในฐานะที่เจ้าเป็นคนป่วย ข้าว่าเจ้านอนลงจะดีกว่า ลุกขึ้นมาเช่นนี้รังแต่จะทำให้มึนศีรษะเสียเปล่า ๆ หรือเจ้าคิดว่าตัวเองยังบาดเจ็บไม่พอ หืม ?”
“ข้าอยากเจอมู่ซี” น่าหลานอวี้กล่าวอย่างเอาแต่ใจ
มู่เฉียนซียังคงส่ายศีรษะ “ต้องขอโทษด้วย ตอนนี้เจ้ายังเจอมู่ซีไม่ได้”
น่าหลานอวี้เริ่มโกรธเล็กน้อย “เป็นเพราะเจ้าไม่อยากให้มู่ซีเจอข้าใช่ไหมเล่า ?”
“แล้วเจ้าจะทำไมรึ ?” มู่เฉียนซีเริ่มประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อก่อนน่าหลานอวี้เป็นบุรุษผู้มีนิสัยดีมาก เขามักจะยิ้มแย้มให้กับคนแปลกหน้าและคนใกล้ชิดราวกับบุปผาเบ่งบานอยู่เสมอมิใช่หรือ ?
ทว่ามาวันนี้มันเกิดอะไรขึ้น ?
ดูเหมือนว่าเมื่อเขาเห็นหน้านางแล้วจะพาลไม่สบอารมณ์ไปเสียอย่างนั้น เขาอารมณ์เสียใส่นางราวกับเป็นศัตรูกันตั้งแต่ชาติปางก่อน มู่เฉียนซีคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่าเขาเป็นอะไรกันแน่
หรือว่าใบหน้านี้ของนาง จะงดงามสู้ใบหน้าของอาถิงไม่ได้ ?
มู่เฉียนซีไม่ทราบจริง ๆ ว่าเหตุใดน่าหลานอวี้ถึงได้มีท่าทีโกรธเพียงนี้ นางหันหลังกลับไป กล่าวว่า “เจ้ารักษาอาการบาดเจ็บก่อนเถอะ โกรธมากไปเดี๋ยวจะกระทบต่ออาการบาดเจ็บของเจ้าเอาได้”
น่าหลานอวี้รอดชีวิตจากการช่วยเหลือของมู่เฉียนซี หลังจากนั้นหลายวัน มู่เฉียนซีนางเก็บตัวอยู่แต่ในห้องตำรา นางต้องการหาวิธีและเตรียมยาเพื่อที่จะรักษาอาการของไป๋มู่เฟิงต่อไป
เส้นลมปราณเขาขาด ถือว่าได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสทว่าใช่ว่าจะรักษาให้กลับคืนมาไม่ได้ นางมีหม้อเทพปาฮวางชิงมู่อยู่ในมือ นางสามารถปรับใช้กับการรักษาแผนปัจจุบันได้ นางต้องหลอมต้องปรุงยาดี ๆ ออกมาได้แน่
…
หลังจากที่น่าหลานอวี้หายจากอาการบาดเจ็บ เขาก็ต้องการถามเบาะแสของหมอปีศาจมู่ซีจากพวกคนในหอหมอปีศาจ
พวกเขาตอบน่าหลานอวี้ไปว่า “โดยปกติแล้วท่านหมอปีศาจมักจะเก็บตัวปรุงยาอยู่ในห้องปรุงยาเท่านั้น”
“อืม… เช่นนั้นพาข้าไปที่ห้องตำราของมู่ซีหน่อยได้หรือไม่ ?”
“ต้องขออภัยนายน้อยน่าหลานด้วย ห้องตำราหมอปีศาจนอกจากท่านผู้นำตระกูลมู่กับท่านนักปรุงยาจวินโม่ซีแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดมีสิทธิ์เข้าไปได้”
“มู่เฉียนซีเข้าไปได้ เหตุใดข้าถึงเข้าไปไม่ได้ ?”
“นายน้อยน่าหลาน ทำเช่นนี้ไม่ได้จริง ๆ ขอรับ หมอปีศาจกับท่านผู้นำตระกูลมู่มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมากราวกับเป็นคนคนเดียวกัน ดังนั้นท่านผู้นำตระกูลจึงเข้าไปได้ขอรับ”
ในเวลานี้น่าหลานอวี้รู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก
“ท่านผู้นำตระกูลมู่ของพวกเจ้ามีคู่หมั้นแล้วมิใช่รึ ?” น่าหลานอวี้กล่าวเชิงบ่นพลางคิดในใจ ‘นางมีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้วแท้ ๆ ยังจะมาใกล้ชิดมู่ซีอีกรึ ?’
“ต่อให้ท่านผู้นำตระกูลจะมีคู่หมั้นอยู่แล้ว เรื่องนั้นก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของท่านหมอปีศาจกับท่านผู้นำตระกูลแต่อย่างใดขอรับ”
ใบหน้าของน่าหลานอวี้เริ่มแสดงความโกรธเกรี้ยว “เช่นนั้นหากมู่ซีออกมา รีบบอกให้เขาไปหาข้าด้วย”
“ขอรับ”
น่าหลานอวี้ที่กำลังพักฟื้นอยู่ในหอหมอปีศาจ เมื่อได้ยินว่าหมอปีศาจมู่ซีกับท่านผู้นำตระกูลอย่างมู่เฉียนซีมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันราวกับเป็นคนคนเดียวกัน เขารู้สึกไม่ดีคล้ายจะตรอมใจ อาการบาดเจ็บของเขาก็ยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ
ในเวลานี้นั้นเขาต้องการพบมู่ซีมาก เขาคิดถึงมู่ซียิ่งนัก
มู่เฉียนซีที่เก็บตัวอยู่ในห้องเป็นเวลาสามวัน ในที่สุดนางก็ปรุงยาออกมาได้สำเร็จ นางแปลงเป็นอาถิงและเตรียมตัวที่จะไปรักษาอาการป่วยของไป๋มู่เฟิง ทว่าทันทีที่ก้าวเท้าออกมาจากห้อง นางก็รับรู้ได้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมองมาที่นาง
มู่เฉียนซีหันไปมอง นางยิ้มบาง ๆ พลางกล่าว “น่าหลานอวี้ เจ้าฟื้นตัวได้เร็วมาก เจ้าสามารถลุกขึ้นมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้แล้ว”
น่าหลานอวี้ “มู่ซี ข้าคิดว่าเจ้าจะลืมข้าไปแล้วเสียอีก”
มู่เฉียนซี “ข้าจะลืมเจ้าได้อย่างไรกันเล่า ? เพียงแต่ว่าคราก่อนจากกันกะทันหันไปหน่อยก็เท่านั้น”
“ข้าต้องขอโทษด้วย คราก่อนเกิดปัญหาขึ้นเล็กน้อยที่บ้านประมูลจึงต้องรีบกลับไป ไม่ทันได้บอกลาเจ้าเลย” น่าหลานอวี้รีบกล่าวคำขอโทษ จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเรื่องทันที “แต่ถึงแม้ว่าข้าจะจากไปโดยที่ไม่ได้บอกลา มู่ซี เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องช่วยข้าแล้วหนีหน้าข้าเช่นนี้ก็ได้”
มู่เฉียนซี “เอ่อ… ข้าต้องรีบปรุงหยูกยา ไม่มีเวลาออกมาหาเจ้า แต่ก็มีคนที่นั่งเฝ้าเจ้าจนเจ้าฟื้นขึ้นมามิใช่หรือ ?”
มู่เฉียนซีอยากจะกระอักเลือดเสียจริง ๆ นางรึอุตส่าห์นั่งเฝ้าจนเขาฟื้นขึ้นมาเลยเชียว ช่างไม่รู้จักบุญคุณคน!
น่าหลานอวี้ทำเสียงฮึดฮัดขึ้นมาทันที “เหอะ! เจ้าคงหมายถึงมู่เฉียนซีท่านผู้นำตระกูลมู่นั่นนะรึ ?”
น้ำเสียงของน่าหลานอวี้ที่พ่นวาจาออกมานั้นย่ำแย่อย่างมาก ดูเหมือนเขาจะเกลียดขี้หน้ามู่เฉียนซีสตรีผู้นำตระกูลมู่อย่างเต็มที่
มู่เฉียนซีกล่าวถามขึ้นว่า “น่าหลานอวี้ นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เจ้าเจอกับมู่เฉียนซี เหตุใดเจ้าถึงได้เกลียดชังนางเช่นนั้นรึ ?”
มู่เฉียนซีลอบคิดในใจ ‘ถึงแม้ข้าจะต่อต้านใครมานักต่อนัก แต่กับเจ้าข้าก็ไม่ได้วางท่าทีต่อต้านแต่อย่างใด ข้านึกไม่ออกจริง ๆ ว่าข้าไปทำอะไรให้ไม่พอใจตั้งแต่ตอนใด เจ้าถึงได้เกลียดชังกันได้มากเช่นนี้’
น่าหลานอวี้ “ข้าไม่ได้เกลียดชังนางสักหน่อย ข้าเพียงแค่รู้สึกว่านางมีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้ว เช่นนั้นนางก็ควรรักษาระยะห่างกับเจ้าไว้บ้าง ทำตัวเช่นนี้มันไม่ดี มู่ซี เจ้าเองก็อยู่ห่าง ๆ นางเอาไว้ล่ะ อย่าไปใกล้ชิดนางมากเกินไปเชียว”
ใบหน้าของมู่เฉียนซีฉายแววความโกรธขึ้งออกมา “เรื่องนี้ข้าทำไม่ได้ ข้าชอบนาง”
นางเป็นนาง นางก็ต้องชอบตนเองอยู่แล้ว อีกอย่าง นางจะทำตัวออกห่างจากตัวเองได้เช่นไรกัน ?
น่าหลานอวี้ได้ยินวาจามู่ซี สีหน้าของเขาไม่ค่อยจะดีนัก เขาถามขึ้น “มู่ซี เจ้าเคยบอกข้าว่าเจ้ามิชอบสตรีไม่ใช่หรือ ? แล้วเหตุใดเจ้าถึง…?” น้ำเสียงที่กล่าวนั้นแฝงไปด้วยความโกรธระคนไม่พอใจ
มู่เฉียนซีกล่าวพลางถอนหายใจ “นางเป็นข้อยกเว้น”
คำพูดนี้เป็นคำพูดที่แทงใจดำของน่าหลานอวี้อย่างมาก มีคำถามเกิดขึ้นภายในใจของเขามากมายนัก ตัวเขาเองนั้นก็รู้สึกว่ายิ่งสนทนากับมู่ซีมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น
น่าหลานอวี้กล่าวถาม “มู่ซี เจ้าจะออกไปข้างนอกรึ ?”
“ใช่ ไป๋มู่เฟิงหลานชายของไป๋กั๋วกงเป็นผู้ป่วยในการดูแลของข้า ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน เขาถูกคนลอบทำร้ายจนเส้นลมปราณขาด อาการของเขาสาหัสยิ่งนัก ข้าต้องรีบกลับมาเตรียมยารักษาเส้นลมปราณเพื่อที่จะได้ทำให้พลังเขากลับมาให้ได้ ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงขังตัวเองอยู่ในห้องถึงสามวัน ทว่าเวลานี้มีวิธีรักษาแล้ว ข้าจะออกไปรักษาเขาประเดี๋ยวนี้”
น่าหลานอวี้ได้ยินเช่นนี้ถึงกับตกใจนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เส้นลมปราณขาดเจ้าก็สามารถรักษาให้ได้อย่างนั้นรึ ? มหัศจรรย์เกินไปแล้วกระมัง ?”
มู่เฉียนซีเลิกคิ้วพลางกล่าว “ทำไมรึน่าหลาน ? เจ้าไม่เชื่อว่าข้าจะรักษาได้เช่นนั้นรึ ?”
น่าหลานอวี้ยิ้ม กล่าวว่า “หากเป็นผู้อื่นพูดข้าก็คงจะไม่เชื่อ แต่นี่เป็นมู่ซีพูด ข้าเชื่ออยู่แล้ว เจ้าจะไปจวนท่านไป๋กั๋วกง หากไม่ถือสาข้าขอไปด้วยได้หรือไม่ ?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ขาสองขาก็เป็นของเจ้า หากเจ้าใคร่จะไปก็ไปได้ อีกอย่าง อาการของเจ้าก็ดูเหมือนจะดีขึ้นมากแล้ว”
มู่เฉียนซีไปจวนกั๋วกงกับน่าหลานอวี้
“ท่านหมอปีศาจ นายน้อยน่าหลาน!”
น่าหลานอวี้มาที่แคว้นชิงค่อนข้างบ่อย จวนไป๋กั๋วกงเป็นจวนที่ต้อนรับบุคคลสำคัญ แน่นอนว่าคนที่นี่ต้องรู้จักมักคุ้นน่าหลานอวี้
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “พาข้าไปหาไป๋มู่เฟิงเถอะ”
ในขณะที่มู่เฉียนซีกับน่าหลานอวี้จะไปที่เรือนของไป๋มู่เฟิง ทันใดนั้นกลิ่นอายแห่งการสังหารแผ่กระจายเข้าใส่มู่เฉียนซี จวนกั๋วกงกว้างใหญ่เช่นนี้ ยังจะมีนักฆ่าบุกเข้ามาได้อีกหรือ ?
.