ตอนที่ 217 เส้นลมปราณฟื้นคืน

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“มู่ซี ระวัง!” แสงสีขาวปรากฏวาบขึ้นขวางหน้ามู่เฉียนซี

“พลังจอมภูตธาตุแสง!”

พลังจอมภูตธาตุแสงเป็นพลังจอมภูตพลังธาตุที่หายากมาก มันเป็นหนึ่งในร้อยล้านของจอมภูตที่จะปรากฏขึ้น และนี่เป็นพลังการปกป้องที่แข็งแกร่งที่สุดของพลังธาตุ ถึงแม้ว่านักฆ่าผู้นั้นจะเป็นถึงจักรพรรดิแห่งภูต แต่ก็ยังถูกพลังของน่าหลานอวี้สกัดกั้นออกไปได้

— ตูม! —

ในขณะนั้นเอง ไป๋กั๋วกงก็ลงมือทันที

“บังอาจยิ่งนักที่กล้าบุกเข้ามาลอบฆ่าถึงจวนกั๋วกงของข้า” พลังของท่านกั๋วกงระเบิดพุ่งตรงไปยังนักฆ่าผู้นั้นจนได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที

ในเมื่อลงมือครั้งแรกไม่สำเร็จ นักฆ่าผู้นั้นจึงต้องหนีเอาชีวิตรอดชนิดที่ว่าหัวซุกหัวซุน ทว่าทันใดนั้น แสงสีขาวอันนุ่มนวลสว่างวาบขึ้นมา ขณะเดียวกันกรงเล็บอันแหลมคมข่วนเข้าที่คอของนักฆ่าผู้นั้นอย่างรวดเร็ว

“อู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทานในใต้หล้า มาแล้ว!  กล้าดีอย่างไรคิดมาทำร้ายนายท่านของข้า เจ้ามันคิดสั้นเกินไป” เสียงอันเย่อหยิ่งของอู๋ตี้ดังก้องออกมา

— ฟึ่บ! —

เข็มยาพุ่งออกไปปักเข้าที่แขนของนักฆ่า จากนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่าพลังในร่างกายของเขาทั้งหมดสลายหายไป ไม่สามารถขยับได้ในฉับพลัน

มู่เฉียนซีค่อย ๆ อ้าปาก กล่าวขึ้นอย่างช้า ๆ “เจ้าเป็นคนของสำนักเหยียนหลัวเหมิงใช่หรือไม่ ?”

ไป๋กั๋วกงผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวขึ้นว่า “ประเดี๋ยวก่อน! สำนักเหยียนหลัวเหมิงถูกท่านผู้นำตระกูลมู่ทำลายล้างไปสิ้นซากแล้วไม่ใช่หรอกหรือ ?”

ในครานั้น เจ้าสำนักเหยียนหลัวเหมิงนำคนไปก่อกวนในพิธีฉลองการเป็นผู้ใหญ่ของท่านผู้นำตระกูลมู่ที่จวน แต่ผลสุดท้าย นักฆ่านับร้อยก็ถูกฆ่าสังหารสิ้นลมจนหมดเกลี้ยง แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสก็ไม่เหลือ แต่นักฆ่าที่ยังมาไม่ถึงจวนตระกูลมู่ในตอนนั้นกลับพากันหนีไปเสียก่อน ดังนั้นจึงมีคนอีกจำนวนมากที่หนีรอดไปได้

น่าหลานอวี้แค่นเสียงเย็นชา กล่าวว่า “ท่านไป๋กั๋วกง ดูเหมือนว่าจวนกั๋วกงของท่านจะไม่ปลอดภัยเอาเสียแล้ว กลางวันแสก ๆ เช่นนี้ยังมีคนกล้าบุกเข้ามาทำร้ายมู่ซีได้”

ไป๋กั๋วกงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “จวนกั๋วกงรักษาความปลอดภัยไม่เข้มงวดพอ ทำให้คนร้ายเข้ามาได้ เห็นทีคงทำให้ท่านหมอปีศาจตกใจเสียแล้ว”

ทันใดนั้นไป๋จื้อหลิน นายท่านรองแห่งจวนกั๋วกงก็มาถึง เขากล่าวด้วยสีหน้าประหลาดใจ “นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าจวนกั๋วกงของเราจะมีนักฆ่าบุกเข้ามาได้เช่นนี้ ท่านพ่อ นักฆ่าผู้นี้ให้ข้าเอาตัวมันไปสอบสวนเถอะ ท่านพ่อจะได้พาหมอปีศาจไปดูอาการมู่เฟิง ดีหรือไม่ ?”

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา นางมองไป๋จื้อหลินด้วยหางตา “ไม่ต้องหรอก ในเมื่อเป็นคนของสำนักเหยียนหลัวเหมิง เช่นนั้นก็ส่งไปให้ข้าสอบสวนที่หอหมอปีศาจเถอะ” มู่เฉียนซีโบกมือให้มู่อีเอาตัวไป

ทว่าไป๋จื้อหลินยังคงยืนกราน เขากล่าว “เรื่องเกิดในจวนไป๋กั๋วกง ก็ควรจะให้คนของจวนกั๋วกงเป็นคนจัดการจะดีกว่า”

มู่เฉียนซีมองไป๋จื้อหลินด้วยสีหน้าอ่านยากก่อนจะกล่าวว่า “นายท่านรองไป๋ ท่านดูรีบร้อนจะเอาตัวนักฆ่าไปสอบสวน คงจะมิใช่ว่ามีความลับอะไรที่บอกใครไม่ได้หรอกนะ ?”

ใบหน้าของไป๋จื้อหลินผิดปกติไปทันที ขณะที่ดวงตายาวแคบของน่าหลานอวี้เบิกขึ้นเล็กน้อย เขาเองก็รู้สึกได้ว่าไป๋จื้อหลินผู้นี้ผิดปกติไปเช่นกัน

ไป๋จื้อหลินถูกมองด้วยสายตาฉงนสงสัย เขาก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก “ท่านหมอปีศาจ ท่านคิดมากไปแล้ว” เขาพยายามกล่าวคลายสถานการณ์ให้ดีขึ้น

มู่เฉียนซี “เช่นนั้นก็เอาตัวไปหอหมอปีศาจเถอะ”

ไป๋กั๋วกงนั้น มิใช่ว่าเขาไม่สงสัย เขากล่าวอย่างเย็นชาขึ้นมา “จื้อหลิน เจ้าถอยไปก่อน”

“ขอรับท่านพ่อ”

เมื่อมู่เฉียนซีเห็นไป๋มู่เฟิงอีกครั้ง นางสังเกตว่าใบหน้าของไป๋มู่เฟิงดีขึ้นมากแล้ว และเมื่อเห็นมู่เฉียนซี ไป๋มู่เฟิงก็กล่าวขึ้นด้วยความตื่นเต้น “โอ้! มู่ซี เจ้ามาแล้ว”

น่าหลานอวี้กล่าวขึ้น “เจ้านี่เองไป๋มู่เฟิง คุณชายน้อยของจวนกั๋วกง  ข้ามีนามว่าน่าหลานอวี้”

ไป๋มู่เฟิงผงะไปชั่วครู่ “นายน้อยน่าหลาน ข้าไม่นึกมาก่อนว่านายน้อยน่าหลานจะรู้จักกับมู่ซีด้วย”

น่าหลานอวี้ “ข้ากับมู่ซีเรารู้จักกันมานานแล้ว”

มู่เฉียนซี “ไป๋มู่เฟิง อาการของเจ้าดีขึ้นมากแล้ว การรักษาขั้นต่อไปอาจจะต้องเจ็บปวดสักหน่อย เจ้าต้องอดทนควบคุมเอาไว้ให้ได้ เข้าใจหรือไม่ ?”

เส้นลมปราณขาดเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องรักษาให้ฟื้นกลับขึ้นมาใหม่ และการรักษาให้เส้นลมปราณเชื่อมกลับมาอีกครั้งนั้น ผู้ถูกรักษาต้องเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมาก

ไป๋มู่เฟิงกล่าวเพื่อให้มู่ซีวางใจ “เจ้าลงมือเถอะมู่ซี ข้าไม่กลัว ไม่ว่าอย่างไรข้าจะไม่ยอมเป็นคนไร้ประโยชน์เป็นแน่”

มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวขึ้น “ในเมื่อเจ้ารับรู้ได้เช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว”

สิ้นเสียงกล่าวนี้ เข็มยาหลายเข็มเจาะเข้าที่แขนของไป๋มู่เฟิงในทันที จากนั้นเมื่อยาออกฤทธิ์ เส้นเลือดสีเขียวกระตุกขึ้นอย่างรุนแรง ดูโหดร้ายอย่างผิดปกติ

“อ๊าก!” เสียงร้องตะโกนที่เสียดแทงหัวใจร้องดังสนั่นขึ้น ทำให้ไป๋กั๋วกงเป็นกังวลใจยิ่งนัก

“ท่านหมอปีศาจ นี่… เอ่อ…”

มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม นางพยักหน้าเพื่อเป็นการบอกให้ไป๋กั๋วกงวางใจ “ขั้นตอนนี้เขาต้องผ่านมันไปด้วยตัวเขาเอง ท่านไป๋กั๋วกง ต่อให้ท่านเป็นกังวลใจไป มันก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว อย่างไรท่านพยายามสงบอารมณ์และรอผลลัพธ์เถิด”

หลังจากที่เสียงร้องตะโกนของไป๋มู่เฟิงสิ้นสุดลง พลังวิญญาณก็แผ่ซ่านออกมาจากในห้อง ไป๋กั๋วกงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเจือความตื่นเต้น “สำเร็จแล้ว สำเร็จแล้วจริง ๆ”

ไป๋กั๋วกงพรวดพราดเข้าไปด้านใน ขณะที่ไป๋มู่เฟิงกล่าวขึ้นด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน “ท่านปู่ เส้นลมปราณของข้าเชื่อมฟื้นคืนมาได้แล้ว เพียงแต่ว่าข้าทะลวงพลังได้เพียงแค่จอมภูตระดับหนึ่งเท่านั้น”

มู่เฉียนซีเองก็ดีใจไปกับสองปู่หลาน ทว่านางกล่าวอย่างจริงจัง “ท่านไป๋กั๋วกง ข้าช่วยไป๋มูเฟิงได้เพียงแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น ไม่สามารถช่วยเขาไปได้ตลอดทุกครั้ง หากท่านต้องการให้เขาเติบโตขึ้น หนึ่งคือท่านต้องฝึกฝนให้เขา สองคือกำจัดบุคคลอันตรายที่คิดร้ายกับเขาออกไปให้พ้นทาง”

ม่านตาไป๋กั๋วกงหดลงอย่างรวดเร็ว เขากล่าว “ข้าทราบแล้วหมอปีศาจ หากมีความคืบหน้าเกี่ยวกับนักฆ่าเหล่านั้น อย่างไรรีบแจ้งข้าด้วย ข้าขอขอบใจเจ้ามาก”

มู่เฉียนซีพยักหน้ารับคำ “ได้ ข้ารับปาก เรื่องรักษานี้ไม่เป็นไร ข้าเต็มใจ”

หลังจากที่รักษาไป๋มู่เฟิงเสร็จเรียบร้อยแล้ว มู่เฉียนซีและน่าหลานอวี้ก็จากไป  ทว่าสุดท้ายน่าหลานอวี้ก็กลับไปยังหอหมอปีศาจกับมู่เฉียนซี

มู่เฉียนซีกล่าวถามขึ้น “น่าหลาน เจ้าน่าจะมีที่พักอยู่ที่แคว้นชิงใช่ไหม ? เช่นนั้นแล้วเหตุใดเจ้าจึงจะกลับไปยังหอหมอปีศาจกับข้าล่ะ ?”

น่าหลานอวี้ “ข้าไม่ได้เจอเจ้ามานานแล้วมู่ซี เจ้ายังคิดจะรีบไล่ให้ข้ากลับอีกหรือ ?”

“ได้เจอกันทั้งทีข้าจะรีบไล่เจ้าไปทำไมกันเล่า ? ข้าเพียงถามเจ้าเฉย ๆ  อ้อ อีกอย่าง เจ้าอย่าลืมจ่ายค่ารักษาให้ข้าด้วยล่ะ”

“ได้ ไม่มีปัญหา”

น่าหลานอวี้ไม่ยอมกลับไป มู่เฉียนซีจึงยังคงใช้ร่างของอาถิง

หลังจากที่ทั้งสองรับประทานสำรับอาหารเสร็จเรียบร้อย มู่เฉียนซีก็กล่าวถามขึ้น “น่าหลาน แล้วเจ้าบาดเจ็บสาหัสเช่นนั้นมาได้อย่างไรกันรึ ?”

“ข้ามาทำธุระทางทิศตกนิดหน่อย ระหว่างทาง โชคไม่ดีเจอเข้ากับพวกศัตรู คนที่คอยปกป้องข้า เหล่าองครักษ์เงาของข้า ล้วนถูกพวกมันฆ่าสังหารไปเสียหมด ส่วนข้าหนีรอดมาได้ มู่ซีเจ้าไม่ต้องกังวลใจไป หลายปีที่ผ่านมานี้ข้าอยู่รอดปลอดภัยมาได้ ต่อไปข้าจะมีชีวิตที่ดีกว่าพวกมันแน่นอน” ดวงตาที่ยาวและแคบของเขานั้นเบิกขึ้นเล็กน้อยขณะเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

บ้านประมูลอันดับหนึ่งในเซี่ยโจว เศรษฐีอันดับหนึ่งที่ร่ำรวยล้นฟ้าเช่นนี้ แน่นอนว่าเบื้องหลังต้องมีศัตรูรอบด้าน แต่มู่เฉียนซีไม่ได้ซักถามอะไรเขาต่อ

“อีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้ ข้าจะปิดหอหมอปีศาจไปก่อน หากเจ้าจะพักอยู่ที่หอหมอปีศาจต่อก็แล้วแต่เจ้า แต่หากไม่อยู่ต่อ เจ้าก็หาที่อยู่ใหม่แล้วกัน”

น่าหลานอวี้ผงะไปครู่หนึ่ง “มู่ซี นาน ๆ ครั้งที่ข้าจะมาทางทิศตกของเซี่ยโจว เจ้าไม่คิดจะเจียดเวลาอยู่เป็นเพื่อนข้าสักหน่อยเลยหรือ ?”

มู่เฉียนซี “นายน้อยน่าหลาน ข้านี้เป็นหมอปีศาจ ข้าต้องปรุงยา ต้องรักษาคน ต้องฝึกฝน เจ้าเล่นไปคนเดียวก่อนเถอะ”

เมื่อถูกมู่เฉียนซีปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้ น่าหลานอวี้ก็แสดงท่าทางเสียใจระคนเจ็บปวดอย่างมาก

แท้ที่จริงแล้วมู่เฉียนซีไม่ได้อยากจะปิดหอหมอปีศาจแต่อย่างใด นางเพียงแค่จะแปลงร่างกลับเป็นตัวเองเหมือนเดิมก็เท่านั้น

เดิมทีนางเพียงอยากจะพักผ่อนสักเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นน่าหลานอวี้มองด้วยท่าทางที่ไม่เป็นสุขเช่นนี้ นางก็รู้สึกไม่ดี

มู่เฉียนซีเริ่มชาชินกับอากัปกิริยาสองบุคลิกของเขาแล้ว นางกล่าว “นายน้อยน่าหลาน หากเจ้าไม่ชอบที่นี่เจ้าก็ไปเสียเถอะ”

น่าหลานอวี้ “อืม อันที่จริงข้าเองก็มีธุระที่จะต้องจัดการเช่นกัน แต่รอให้เจ้าปิดหอหมอปีศาจก่อนข้าค่อยไป”

น่าหลานอวี้ไม่มีท่าทีที่จะจากไปแต่อย่างใด

สำหรับทัศนคติของน่าหลานอวี้ ทำให้มู่เฉียนซีถึงกับเอามือกุมขมับ

……

ในช่วงเวลาต่อมา

มู่เฉียนซีนางอยู่ในร่างเดิมของตนเอง ส่วนใหญ่นางจะขลุกอยู่ที่หอหมอปีศาจเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ อีกทั้งนางพยายามหาสมุนไพรวิญญาณที่ต้องการทว่าก็หาไม่เจอ  ในขณะเดียวกันนั้น ไป๋มู่เฟิงมาที่หอหมอปีศาจ

“มู่ซี มู่ซี…”

มู่เฉียนซีเดินออกไปก่อนจะถามว่า “เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ?”

.