บทที่ 611 ออกมา
สีหน้าของซางถ่าหลินเปลี่ยนไป ความเยือกเย็นในแววตาของเขากลายเป็นความโกรธแค้น เขาตกมาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร
ตอนที่เขาตื่นขึ้นมา และพบกับคู่รักที่ดูไม่ธรรมดา เขาจึงคิดที่จะหลอกใช้ทั้งสอง ซางถ่าหลินต้องการจะพาพวกเขาไปที่นั่น และบังคับให้ทั้งสองกลายเป็นคนของตัวเอง แต่ใครจะรู้ว่าเหตุการณ์จะกลับตาลปัตร แผนนั้นล่มไม่เป็นท่า และตอนนี้ตัวเขายังตกอยู่ในกำมือของอีกฝ่ายอีกด้วย
ทำให้เขาเคร่งเครียดอย่างมาก
หนิงเมิ่งเหยามองสีหน้าอันเคร่งขรึมของซางถ่าหลิน จึงหัวเราะอย่างอดไม่ได้ “ซางถ่าหลิน จริงๆ แล้วพวกเราก็อยากจะร่วมมือกับเจ้า น่าเสียดายจริงๆ”
ถ้อยคำของซางถ่าหลินนั้นฟังดูสมจริง แต่หลังจากใคร่ครวญในคำพูดของเขาแล้ว นางก็รู้สึกว่ามันมีความเจ้าเล่ห์อยู่ในนั้น
เหมียวเจียงเป็นเมืองที่ลึกลับที่สุด โดยเฉพาะฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงที่มีหูมีตาอยู่ทุกแห่งหน เขาต้องการจะขยายอาณาเขตของเหมียวเจียง แต่ตอนนี้ กลับบอกว่าเหมียวเจียงไม่มีความทะเยอทะยานเช่นนั้น ไม่ว่าหนิงเมิ่งเหยาจะคิดอย่างไรก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้
“เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน” ซางถ่าหลินถามอย่างอดไม่ได้
“ตอนที่เจ้าพาพวกเรามาที่นี่”
เขาสามารถหลบหนีโดยใช้ห้องลับนี้ได้ แต่ทำไมเขาจึงต้องอยู่ที่นี่มาเป็นเวลาหลายปีด้วยเล่า เขาอาจจะหมดสติอยู่บ่อยครั้ง แต่เพราะเขามีเจ้าจิ้งจอกน้อยอยู่ด้วย มันจึงไม่ใช่ปัญหาเลย
ซางถ่าหลินมองทั้งสองคนอย่างหวาดกลัว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความฉงน ‘พวกเขาทั้งสองคนรู้ตั้งแต่แรกแล้วหรือนี่’
ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วขณะมองดูทางเดินลับอันมืดมิด ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาจะทำผิดพลาดครั้งใหญ่ที่คิดไปว่าทั้งคู่ไม่ใช่บุคคลอันตราย
สองสามีภรรยาเดินตามหลังซางถ่าหลินอย่างใกล้ชิด จนเดินมาถึงห้องลับ และหลังจากที่เดินออกจากห้องนั้น พวกเขาก็เข้ามาในบ้านหลังใหญ่
เมื่อผู้คนในลานบ้านเห็นพวกเขาทั้งสามคน ต่างก็ตื่นตระหนก
“ฝ่าบาท พวกเขาสองคนนี้คือใครกันหรือขอรับ”
ขณะนี้ถือเป็นช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน พวกเขาจึงไม่อาจปล่อยให้คนทั้งสองขัดขวางแผนการของเขาได้
หนิงเมิ่งเหยายิ้มจางๆ เยาะเย้ย ก่อนจะพูดขึ้น “ซางถ่าหลิน เจ้ามีผู้ใต้บังคับบัญชาที่ดีเสียจริงเชียว” คำพูดของนางเต็มไปด้วยการประชดประชันและรังเกียจ
ซางถ่าหลินจับจมูกของตน ก่อนจะยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน เขาจะพูดอะไรได้เล่า
หนิงเมิ่งเหยาหยิบโอสถเม็ดหนึ่งให้กับเขา “กินมันเสีย แม้ว่าเจ้าจะยังไม่หายดี แต่เจ้าก็จะไม่รู้สึกทรมาน หลังจากที่พวกเราจากไปแล้ว”
ซางถ่าหลินมองหญิงสาวและกินโอสถนั้นเงียบๆ ผู้คนที่อยู่รอบข้างต่างเข้าใจความหมายในคำพูดของนาง
“เจ้าให้ฮ่องเต้กินอะไรเข้าไป”
เฉียวเทียนช่างหรี่ตาลงเล็กน้อย ขณะมองนิ้วที่ชี้มายังภรรยาของตน ดวงตาของเขาฉายประกายความเย็นชาในทันที
เขาพุ่งตัวไปดึงและบิดมือของชายผู้นั้นอย่างแรง จนเกิดเสียงกระดูกหักดังลั่น จากนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง
หนิงเมิ่งเหยาแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น นางหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดแขนให้สามี “พวกเราไม่ชอบให้ใครมาชี้หน้า”
ท่าทีของซางถ่าหลินยังคงนิ่งเฉย แต่ก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง เขารู้ว่าทั้งสองคนมีความสามารถที่น่าทึ่ง แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีฝีมือมากถึงเพียงนี้ เมื่อครู่นี้ เขามองชายหนุ่มที่เข้ามาจู่โจมไม่ทันด้วยซ้ำไป
เฉียวเทียนช่างจับมือของภรรยาและเอ่ยอย่างแผ่วเบา “เหยาเหยา ไปกันเถอะ”
“ตกลง พวกเราหายตัวไปหลายวันแล้ว ข้าเกรงว่าพวกนั้นจะเป็นห่วง” หนิงเมิ่งเหยาลูบคางของตนเองพลางยิ้ม
ชายหนุ่มพยักหน้า “อืม ไปกันเถอะ”
ทั้งสองคนหมุนตัวและจากไป โดยที่มิได้พูดอะไรกับซางถ่าหลิน ผู้คนที่อยู่รอบข้างต่างไม่พอใจนัก แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมา จึงทำได้เพียงข่มความโกรธแค้นไว้ในใจเท่านั้น
หนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างเพิ่งเข้ามาในลานบ้านแห่งนี้ ก่อนจะรีบจากไป ราวกับว่าไม่เคยย่างเท้าเข้ามาที่นี่มาก่อน
หลังจากออกมาได้ หนิงเมิ่งเหยาก็รู้สึกมืดแปดด้าน นางไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ใด
“ถามใครสักคนแถวนี้กันเถอะว่าที่นี่อยู่ไกลจากเมืองนั้นแค่ไหน” เฉียวเทียนช่างไม่รู้เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้มากนัก ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเท่านั้น
หลังจากสอบถามคนละแวกนี้ พวกเขาก็พบว่าตนเองอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองนัก
“ถ้าเช่นนั้น ไปดูกันว่าท่านพ่อของข้าได้รับการช่วยเหลือแล้วหรือยัง” ตอนนี้ หนิงเมิ่งเหยาเริ่มเป็นกังวลมากขึ้น
เฉียวเทียนช่างพยักหน้า “เอาล่ะ ไปกันเถอะ”
บทที่ 612 กลับไป
เฉียวเทียนช่างและหนิงเมิ่งเหยาซื้อม้าสองตัวก่อนจะควบมันไปยังเมืองแห่งนั้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อพวกเขามาถึง ก็รู้สึกได้ว่ามีความผิดปกติบางอย่าง ราวกับที่แห่งนี้อยู่ภายใต้กฎอัยการศึกก็ไม่ปาน
มีผู้คนคอยจับตาดูอยู่ทุกแห่งหน หญิงสาวหรี่ตาลงและหันไปหาสามี ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ดูเหมือนว่าพวกเขาจะทำสำเร็จ แต่ตอนนี้เราไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นอย่างไรกันบ้าง”
กฎอัยการศึกนั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างรุนแรง การหลบหนีจึงทำได้ยากพอสมควร
เมื่อสองสามีภรรยาเข้าไปด้านใน ก็ถูกเหล่าทหารหยุดเอาไว้ทันที ก่อนจะมองพวกเขาอย่างสงสัย โดยเฉพาะเมื่อเห็นแววตาเหยียดหยามของหนิงเมิ่งเหยา
ดวงตาของหญิงสาวค่อยๆ เย็นชาลง นางไม่ชอบถูกจ้องมองเช่นนี้ นางแทบอยากจะควักลูกตาอีกฝ่ายออกมาเสีย
‘ชายผู้นี้มองหาที่ตายหรืออย่างไรกัน’
เฉียวเทียนช่างไม่สนใจสถานการณ์ปัจจุบัน ก่อนจะจับไหล่ของชายคนนั้น แล้วเหวี่ยงตัวจนอีกฝ่ายล้มลงกับพื้นอย่างแรง
หลังจากนั้นไม่นาน ทหารที่ถูกชายหนุ่มจับโยนก็กลับมาได้สติอีกครั้ง ก่อนจะมองเขาอย่างโกรธแค้น
“ไอ้พวกเวร กล้าดีอย่างไรจึงทำกับข้าเช่นนี้! พวกเจ้าสองคนอยากตายหรืออย่างไร ทหาร สองคนนี้น่าสงสัย ฆ่าพวกเขาเสีย” ชายคนนั้นจ้องมองเฉียวเทียนช่างอย่างเคร่งขรึม พร้อมกับขบฟันกรอดขณะออกคำสั่ง
กลุ่มคนค่อยๆ มุ่งหน้ามาทางสองสามีภรรยา ทันใดนั้น หญิงสาวก็เมองไปที่อื่น ก่อนจะสังเกตเห็นหงอิง ที่คอยมองดูลาดเลาอยู่จากมุมๆ หนึ่ง
หนิงเมิ่งเหยายิ้มอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเคลื่อนไหวมือเล็กน้อยเพื่อส่งสัญญาณที่มีเพียงหงอิงเข้าใจเพียงแค่คนเดียว
หงอิงต้องการจะเข้าไปช่วย แต่สัญญาณมือจากอีกฝ่ายกลับบอกให้พวกเขาออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด
สองสามวันที่ผ่านมา พวกเขารอให้หนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างกลับมา และตอนนี้ เมื่อเห็นว่าทั้งคู่กลับมาแล้ว พวกเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้น
หงอิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวจากไป
หลังจากที่นางออกไป หนิงเมิ่งเหยาก็รู้สึกโล่งอก
ในตอนแรกหญิงสาวเป็นกังวล เพราะไม่รู้ว่าจะหาพวกเขาเจอได้จากที่ใด แต่ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้ว พวกเขายังอยู่ที่นี่ และอยู่ตรงหน้าของนางอีกด้วย
หนิงเมิ่งเหยายิ้มอย่างแผ่วเบา จากนั้นสองสามีภรรยาจึงหันหลังชนกัน หญิงสาวเคลื่อนไหวข้อมือ ก่อนที่กระบี่อ่อนอันสวยงามจะปรากฏขึ้นในมือ กระบี่เล่มนี้ก็คือกระบี่หิมะโปรยที่นางได้มาจากห้องศิลานั่นเอง
“เหยาเหยา ลุยกันเถอะ จบการต่อสู้ครั้งนี้ให้เร็วที่สุด” เฉียวเทียนช่างสังเกตเห็นหงอิงแล้วเช่นกัน เขาจึงเข้าใจว่าความหมายของภรรยาคืออะไร
หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะ และร่วมมือกับสามี ไม่นานหลังจากนั้น พื้นก็เต็มไปด้วยศพของเหล่าทหารที่ทั้งสองคนสังหารอยู่เต็มรอบข้าง
“เจ้า…เจ้า… เรียกทหารมาที่นี่เพิ่มเร็วเข้า พวกเราพบคนที่บุกเข้าไปในบ้านหลังนั้นแล้ว” วรยุทธ์ของคู่รักคู่นี้ช่างทรงพลังอย่างยิ่ง ดังนั้นพวกเขาจะต้องเกี่ยวข้องกับคนที่บุกเข้าไปในบ้านหลังนั้นแน่ๆ หากเขาจับตัวคนพวกนี้ได้ ก็คงจะได้รับรางวัลอย่างแน่นอน
ชายผู้นั้นตั้งข้อสันนิษฐานไว้ได้ถูกต้อง แต่น่าเสียดายที่ชีวิตของเขากลับไม่ยืนยาวพอที่จะอยู่ชื่นชมรางวัลที่เขาควรจะได้รับ
ทหารในเมืองมุ่งหน้ามาที่นี่มากขึ้น และมันเป็นไปตามแผนที่เฉียวเทียนช่างคิดเอาไว้ ระหว่างที่เขาและภรรยากำลังต่อกรกับคนเหล่านี้ หงอิงก็จะมุ่งหน้ากลับไปเพื่อพาหนานกงเยี่ยนที่บาดเจ็บและคนอื่นๆ ออกไป หลังจากนั้นพวกเขาจึงค่อยกลับมาสมทบที่นี่เพื่อช่วยทั้งสองคนอีกครั้ง
แม้ว่าสองสามีภรรยาจะมีกำลังมากเพียงใด แต่การปะทะกับทหารจำนวนมากก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พวกเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
โชคดีที่ตอนนี้ หงอิงได้พาไป๋อีและคนอื่นๆ มาสมทบที่นี่แล้ว จากนั้นพวกเขาจึงร่วมต่อสู้ ทำให้ลดแรงกดดันลงอย่างมาก
หนิงเมิ่งเหยารีบเข้าไปหาหงอิง และมองนาง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายผงกศีรษะให้ หญิงสาวจึงโล่งใจ “ดี ตอนนี้ก็ถึงเวลาปิดฉาก”
พวกเขาต้องจบการต่อสู้ครั้งนี้ให้เร็วที่สุด เพราะเขาไม่รู้เลยว่าที่นี่มีทหารกี่คนกันแน่
หงอิงและคนอื่นๆ เข้าใจสถานการณ์ดี ว่าหากพวกเขาไม่ยุติศึกครั้งนี้โดยเร็ว ก็คงจะหนีออกไปได้ยากขึ้น
ทหารจำนวนมากดาหน้าเข้ามาพร้อมๆ กัน ทหารที่ล้อมพวกเขาเอาไว้นั้นต่างก็เสียชีวิต หรือไม่ก็บาดเจ็บสาหัสกันทั้งสิ้น
จากนั้นหนิงเมิ่งเหยาและคนที่เหลือก็หาจังหวะหลบหนี
หลังจากพวกเขาหนีออกมาได้ ก็มีชายสวมหน้ากากในชุดคลุมสีขาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในเมืองแห่งนั้น
ใบหน้าของชายผู้นั้นถมึงทึงเมื่อเห็นสภาพความวุ่นวาย และซากศพที่เกลื่อนพื้นที่นี่
“แล้วคนล่ะ” เขารีบมาที่นี่ทันทีที่รู้ข่าว แต่ใครจะคิดว่ามันยังช้าเกินไปอยู่ดี
“พวกเขาหนีไปได้ขอรับ”