บทที่ 274 ผู้คุ้มกันแห่งปราสาทใต้พิภพ
บทที่ 274 ผู้คุ้มกันแห่งปราสาทใต้พิภพ
ลูกกระสุนปืนใหญ่สีม่วงนั้นถูกเล็งเป้าหมายมายังทัพของสัมพันธมิตร ณ จุดที่เซียวเฟิงตั้งทัพอยู่แล้ว มันลอยผ่านน่านฟ้าและดิ่งลงมาอย่างรวดเร็วราวกับดาวตกสีม่วงที่พุ่งฝ่าชั้นบรรยากาศโลกเข้ามา!
กลุ่มของ NPC ระดังสูงมากมายที่อยู่ใกล้ ๆ เซียวเฟิงพากันวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วโดยที่ชายหนุ่มยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร เพราะแบบนี้เขาจึงไม่ได้โต้ตอบอะไรในทันที กว่าจะรู้สึกตัว รอบ ๆ ตัวเขาก็ไม่เหลือใครแล้ว
ถึงอย่างนั้น เซียวเฟิงก็ไม่ได้เกรงกลัวอะไรทั้งนั้น ใจหนึ่งก็เพราะเขามีแหวนจักรวาลที่สามารถพาเขาเทเลพอร์ตไปไกล ๆ ได้ ส่วนอีกใจหนึ่งเขาก็มีสกิลฟื้นคืนชีพอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าปืนใหญ่ผลึกอสูรนี่จะรุนแรงขนาดไหน เขาก็ไม่ตายง่าย ๆ หรอก
“ท่านอาร์คบิชอป! ข้ามาแล้ว!”
ตอนนั้นเอง ขณะที่เซียวเฟิงเตรียมจะใช้พลังของแหวนจักรวาลเพื่อหลบการโจมตี การ์ดผู้ภักดี กัปตันโบลตันก็สไลด์เข้ามาพร้อมกับยกแขนซ้ายที่มีโลกศักดิ์สิทธิ์ขึ้นป้องกัน แสงสว่างกระจายไปทั่วจากตัวโล่และกลายเป็นบาร์เรียศักดิ์สิทธิ์เข้ารับการโจมตีของปืนใหญ่ผลึกอสูรไว้ได้อย่างทันท่วงที!
พลันเมืองแสงสว่างแห่งสรวงสรรค์ปะทะเข้ากับมฤตยูสีม่วงจากแดนอสูร คลื่นอัดกระแทกก็กระจายไปทั่วพร้อมเสียงอันดันกึกก้อง!
ตู้ม!
ควันระเบิดทะยานขึ้นสูงเป็นรูปดอกเห็ดอยู่บนฟากฟ้า และด้วยความรุนแรงนั้นมันก็ซัดเอาทุกอย่างในระยะให้กระเด็นลอยออกไป ไม่เว้นแม้แต่เซียวเฟิงเองก็ตาม
-1,000,000!
ค่าตัวเลขแสดงความเสียหายเด้งขึ้นมาในอากาศ ค่าของมันสูงจนเหมือนกับจำนวนประชากรเสียมากกว่าหากไม่ติดว่าเจ้าของตัวเลขนั้นคือกัปตันโบลตันที่รับความเสียหายจากปืนใหญ่ไว้เต็ม ๆ หลังจากที่ควันดอกเห็ดเริ่มจางลงไปเยอะ เขายังคงรอดมาได้แม้จะเหลือพลังชีวิตเพียงน้อยนิดเท่านั้น
“ท่านโบลตัน ยังไหวหรือเปล่าครับ!?”
เซียวเฟิงรีบร่ายโฮลี่ไลท์และถ้อยคำแห่งเงาให้กับกัปตันโบลตันทันทีเพื่อช่วยรักษา
ปืนใหญ่ผลึกอสูรนั่นจะน่ากลัวเกินไปแล้ว! ขนาดกัปตันโบลตันที่อยู่ในระดับเดียวกับบอสเทพเจ้าเลเวล 30 ที่มีพลังชีวิตกว่า 200,000 หน่วยยังต้องเกือบกลายเป็นซากหลังจากรับการโจมตีไปครั้งเดียว
โชคยังดีที่สกิลป้องกันของตัวกัปตันโบลตันนั้นแข็งแกร่งมาก ๆ เขาจึงรอดจากการโจมตีของปืนใหญ่ผลึกอสรูที่สร้างความเสียหายได้ระดับ 1,000,000 หน่วยได้! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแม่ทัพเหลาหู่รวมถึง NPC ระดับสูงคนอื่น ๆ ต่างพากันวิ่งหนีไปเร็วขนาดนั้น
การที่ต้องเผชิญหน้ากับความเสียหายระดับนั้น บางทีต่อให้เป็น NPC ระดับตำนานเองก็อาจจะโดนเป่าหายไปในทีเดียวด้วยเหมือนกันหากไม่ได้ป้องกันเอาไว้ น่าแปลกใจจริง ๆ ที่มีอาวุธทรงพลานุภาพเช่นนี้คอยป้องกันเมืองแห่งความโศกเศร้าเอาไว้ด้วย!
“ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว ท่านอาร์คบิชอป ในเมื่อตอนนี้พวกมันรู้ถึงการมาของพวกเราแล้ว พวกเราจำเป็นต้องบุกเข้าไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วล่ะ กว่าปืนใหญ่ผลึกอสูรจะชาร์จเสร็จอีกรอบมันก็ใช้เวลานานพอสมควร เราใช้โอกาสนี้เข้าปะทะไปเลยดีกว่า ไม่งั้นแล้วทัพสัมพันธมิตรของพวกเราได้เจ็บหนักอีกแน่! ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีปืนใหญ่ผลึกอสูรอยู่ในเมืองแห่งความโศกเศร้าด้วย ตามปกติแล้วอาวุธพลังทำลายล้างสูงขนาดนี้น่าจะอยู่แค่ในเมืองหลัก ๆ ของพวกเผ่าพันธุ์แห่งความมืดแท้ ๆ!”
พลังการรักษาของเซียวเฟิงนั้นแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก ราวกับเขาสามารถเสกพลังชีวิตของกัปตันโบลตันที่หายไปให้กลับคืนมาในพริบตาเลย เพราะงั้นเมื่อไม่ต้องห่วงเรื่องพลังชีวิต กัปตันโบลตันจึงรีบหันมาอธิบายให้เซียวเฟิงฟังอย่างรวดเร็ว
“ทุกคนฟังทางนี้! มุ่งหน้าเข้าไปยังเมืองแห่งความโศกเศร้า แล้วโจมตีได้เลย!”
ไม่มีการลังเล เซียวเฟิงตะโกนสั่งทัพ จากนั้นก็กระโดดขึ้นหลังเสี่ยวเสวียไปในทันที
ฮี้!
สิ้นเสียงสั่งทัพ เสียงแตรเขาสัตว์อันเป็นสัญญาณประกาศเริ่มสงครามก็ดังขึ้น เหล่าทัพที่ 3 แห่งจักรวรรดิไม่รอช้าที่จะเคลื่อนที่ไปด้านหน้าและเข้าโจมตีเมืองแห่งความโศกเศร้าอย่างหนักหน่วง ทัพของวิหารแห่งแสงเองก็เช่นกัน หน่วยพาลาดินชั้นสูงทั้ง 5 หน่วยกับหน่วยผู้พิพากษาเข้าร่วมกับทัพที่ 3 พวกเขาทั้งหมดมุ่งหน้าสู่เมืองแห่งความโศกเศร้าไปพร้อม ๆ กัน
ฟุ่บ!
ทันใดนั้นเอง สถานการณ์ทางฝั่งเมืองแห่งความโศกเศร้าก็เปลี่ยนไปด้วย พื้นดินโล่งเตียนในระยะห้าพันเมตรรอบเมืองนั้น จู่ ๆ ก็เริ่มจะไม่ใช่พื้นดินโล่ง ๆ อย่างที่ควรเป็น เหล่าทหารกระดูกมากมายนับไม่ถ้วนต่างพากันโผล่ขึ้นมาจากดินจนเกิดความวุ่นวายไปหมด!
การปะทะกันเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คิด พวกเขาทั้งหมดต่อสู้กันก่อนจะได้เข้าใกล้ตัวเมืองเสียอีก
“แม่ทัพใหญ่! ดูเหมือนว่าทางเมืองแห่งความโศกเศร้าเองก็จะเตรียมตัวไว้แล้วเหมือนกัน แม้ว่าพวกมอนสเตอร์พวกนี้จะไม่ได้แข็งแกร่งอะไรนัก แต่ด้วยจำนวนมากขนาดนี้ พวกมันน่าจะรั้งขาทัพของเราได้นานพอที่จะหน่วงรอจนกว่ากระสุนนัดที่สองของปืนใหญ่ผลึกอสูรจะชาร์จเสร็จเลยครับ!”
แม่ทัพที่ 3 เหลาหู่เดินเข้ามาและพูดกับเซียวเฟิงด้วยความกังวล
เขาพูดถูก จำนวนของพวกมันเยอะราวกับเป็นทะเลกระดูกไปแล้ว แม้ว่าพวกมันจะเป็นเพียงมอนสเตอร์ระดับสูงเลเวล 20 ซึ่งน้อยกว่านักรบระดับต่ำที่สุดของทัพสัมพันธมิตรถึงสิบเลเวล แต่เพราะจำนวนที่มากล้นของมัน การขัดขวางเส้นทางของทัพหลักจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรนัก
“ไม่ต้องกังวลไป”
เซียวเฟิงไม่ได้ออกความเห็นใด ๆ ทะเลกระดูกพวกนั้นมีมากมายจริง ๆ เผลอ ๆ จะพอ ๆ กับจำนวนผู้เล่นที่พากันมาในตอนนี้เลยด้วย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเป็นแค่มอนสเตอร์เลเวล 20 ระดับสูงเท่านั้น นอกจากผู้เล่นจะไม่ได้เดือดร้อนอะไรแล้ว พวกเขายังดูคึกคักกันเป็นพิเศษอีกด้วย
ทันทีที่สงครามเริ่มต้น พวกเขาก็ไม่ต้องรอให้ทัพใหญ่ขอความช่วยเหลือเลย กิลด์จำนวนมากมายต่างบุกทะลวงไปด้านหน้าและไล่ฟาดฟันโครงกระดูกที่ลุกขึ้นมาจากดินกันอย่างบ้าระห่ำภายใต้แรงจูงใจที่ว่า ค่าประสบการณ์และอัตตราการดร็อปไอเทมมากขึ้นเป็นสิบเท่า เพราะงั้นแล้วทะเลกระดูกตรงหน้านี้จึงไม่ต่างอะไรกับหมูในอวยเลย
“เปิดทางให้ฉันที”
ข้อความส่วนตัวจากเซียวเฟิงถูกส่งให้หลิวเฉียงเหว่ยและสกายตามลำดับ กิลด์ของทั้งสองยืนอยู่ใกล้ ๆ กัน หลังจากที่ทั้งสองได้รับข้อความจากเวียวเฟิงแล้ว พวกเขาก็เริ่มเข้าปะทะกับโครงกระดูกเหล่านั้นพร้อมกับเปิดทางให้ทัพใหญ่สามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าต่อได้ในทันที
ทัพสัมพันธมิตรที่ประกอบด้วยทหารกว่าสองแสนนาย ไม่ได้โดดเด่นอะไรในสงครามขนาดใหญ่นี้เลย ด้วยการนำทัพของเซียวเฟิง เขานำพาทัพขนาดมหึมาที่ถูกขนาบข้างไปด้วยมิดซัมเมอร์และวอร์สปิริตเสมือนกำแพงมนุษย์ที่คอยกันพวกทหารโครงกระดูกออกไป จนตอนนี้พวกเขากำลังเข้าใกล้ ด้านหลังของเมืองแห่งความโศกเศร้ากันแล้ว
เค้าโครงของเมืองเริ่มชัดเจนขึ้น เผยให้เห็นความตระหง่านสูงใหญ่และน่าหวาดกลัวต่อสายตาของทุกคน เสาแต่ละต้นที่เปรียบเสมือนเครื่องค้ำยันเมืองนี้มีขนาดใหญ่และแหลมคมราวกับคมเขี้ยว ด้วยเหตุนี้เมื่อมองไกล ๆ จึงเห็นว่าเมืองแห่งความโศกเศร้านี้เหมือนเป็นสัตว์ร้ายตัวใหญ่ที่กำลังหมอบอยู่ในม่านหมอกก็มิปาน!
กรรร…!!
เสียงคำรามของอสูรร้ายดังกึกก้องพร้อมกับการปรากฏตัวของบอสระดับสูงระลอกแรก มันเป็นบอสระดับเทพเจ้าเลเวล 30 ที่คอยคุ้มกันเมืองแห่งนี้อยู่! บอสผู้คุ้มกันประจำเมืองแห่งความโศกเศร้า!
“ข้าจะรับมือมันเอง!”
หัวหน้าเหล่าทัพพาลาดินอย่างกัปตันโบลตันวิ่งขึ้นไปด้านหน้า เพื่อนำเหล่าพาลาดินคนอื่น ๆ ที่มาจากเมืองหลักซึ่งแต่ละคนล้วนแต่มีระดับเทียบเท่าบอสเทพเจ้าเลเวล 30 กันทั้งนั้น
“เป้าหมายของพวกเราคือประตู! ทำลายประตูนั่นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!”
เซียวเฟิงออกคำสั่งเสียงดัง ประตูเมืองตรงหน้านั้นไม่ได้หนาเหมือนกำแพงเมืองส่วนอื่น ๆ มันถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดหากจะโถมกำลังเข้าใส่ ยิ่งกว่านั้นถ้าเกิดทำลายและเปิดทางเข้าให้กำลังหลักของผู้เล่นได้โถมเข้าไปในเมืองได้มันคงจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า
“กรรรรร”
“รู้สึกได้ถึงความชั่วร้ายที่แผ่ออกมาเลยแฮะ”
อย่างไรก็ตาม การโจมตีจุดเปราะบางนั้นกลับไม่ได้ราบรื่นอย่างที่หวัง การปรากฏตัวของผู้คุ้มกันแห่งเมืองแห่งความโศกเศร้าถือเป็นจุดเริ่มต้นที่เห็นได้ชัด ตอนนี้เหล่าบอสระดับสูงเริ่มพากันปรากฏตัวออกมาและพร้อมเข้าปะทะกับทัพสัมพันธมิตรแล้ว!
“ต้านเอาไว้จนกว่าทัพสนับสนุนจะมาสมทบ! ระหว่างนั้นก็ระดมโจมตีใส่ประตูไปก่อนเลย!”
ตอนนี้ทัพสัมพันธมิตรถูกตรึงให้ต้องปะทะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว ไม่ว่าจะการโจมตีระยะใกล้หรือระยะไกล พวกมันมากันจากทุกทิศทาง แต่ถึงอย่างนั้นเซียวเฟิงก็ยังคงไม่รู้สึกกังวล ผู้เล่นทั้งหมดจัดการเหล่าทัพโครงกระดูกมากมายได้ในเวลาอันสั้น และมันทำให้พวกเขาสามารถตามทัพสัมพันธมิตรมาได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นทัพสัมพันธมิตรจำเป็นต้องทำลายประตูให้ได้ก่อนที่พวกเขาจะมากันหมดเท่านั้น
“ใช้โฮลี่ไลท์! จงปกป้องพวกเรา”
ทัพของบิชอปกว่ายี่สิบคนตามด้วยผู้ประกอบพิธีกรรมอีกกว่าร้อยคนวิ่งเข้ามาเสริมในทันใด การร่ายเวทของพวกเขาทำให้หมอกแห่งสงครามที่ปกคลุมพื้นที่บริเวณนั้นอยู่ต้องสูญสลายไปด้วยแสงสว่างประดุจอาทิตย์ที่แย้มแสงหลังหมู่มวลเมฆเพื่อมอบความหวังให้แก่มวลมนุษย์อีกครั้ง!
“เอาล่ะ!”
ทันทีที่ร่างของ NPC ในทัพสัมพันธมิตรถูกห่อหุ้มไว้ด้วยแสงสีทอง ความสามารถในการโจมตีของพวกเขาก็สูงขึ้นและมากพอที่จะทะลวงประตูเมืองเข้าไปแล้ว!
ขณะเดียวกันทางฝั่งของเผ่าพันธุ์แห่งความมืดที่ถูกโฮลี่ไลท์ชโลมต่างก็พากันร้องโหยหวนก่อนจะกลายเป็นละอองหมอกสีดำและหายไปในที่สุด
เซียวเฟิงมองไปยังกลุ่มของบิชอปและโฮลี่ไลท์ที่ถูกร่ายออกมาด้วยความชื่นชม เข้าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรทั้งนั้น เพราะภาพที่ปรากฏนี้ประจักษ์ชัดแล้วว่าเลเวลสกิลของพวกเขาไม่ใช่ธรรมดาเลยจริง ๆ!
“เอ๊ะ? นั่น… อย่าบอกนะว่า…”
ทันใดนั้นเอง ขณะที่เซียวเฟิงกำลังกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เขาก็พบกับบางสิ่งบางอย่างอยู่ที่มุมหนึ่งของสนามรบ ร่างของบอสอันเดดขนาดใหญ่ที่ถือโล่เหล็กนั้นดึงดูดสายตาของเซียวเฟิงเป็นอย่างมาก
จริง ๆ หากจะบอกว่าเพราะมันเป็นบอสอันเดดเซียวเฟิงจึงสนใจก็คงจะได้ไม่เต็มปากนัก เพราะที่แห่งนี้เองก็มีบอสอันเดดปรากฏตัวอยู่มากมาย แต่ถ้าจะบอกว่าบอสอันเดดตัวนี้ค่อนข้างจะพิเศษกว่าตัวอื่น ๆ นั้นก็ไม่เกินเลยนัก เพราะชื่อของมันที่แสดงให้เห็นอยู่นั้น ก็คือ ผู้คุ้มกันชั้นที่ 3 แห่งปราสาทใต้พิภพ!
มันคือบอสประจำดันเจี้ยนมหาสุสานใต้พิภพที่เซียวเฟิงตามหาอยู่ก่อนหน้านี้!
“เอาจริงดิ?”
เขาถึงกับตกใจและจ้องมองไปยังเป้าหมายเพื่อใช้ทักษะการตรวจสอบขั้นสูงเช็กไปด้วยว่ามันใช่สิ่งที่เขาตามหาอยู่หรือเปล่า
ผู้คุ้มกันชั้นที่ 3 แห่งปราสาทใต้พิภพ
เลเวล : 30
ประเภท : เทพเจ้า
ธาตุ : อันเดด
พลังชีวิต : 200,000/200,000 หน่วย
พลังโจมตี : 2,850-3,000 หน่วย
พลังโจมตีเวท : 1,600-1,800 หน่วย
พลังป้องกันกายภาพ : 2,700-2,800 หน่วย
พลังป้องกันเวทมนตร์ : 2,800-2,900 หน่วย
สกิล : โล่กระดูกอันเดด, โล่คลั่ง, พุ่งชน, คงกระพัน, ถ้อยคำอันเดด, ต่อต้านอันเดด, คำสัญญาแห่งความตาย, ซากศพ, พลังแห่งทวยเทพ
คำโปรย : ‘ผู้คุ้มกันชั้นที่ 3 แห่งปราสาทใต้พิภพ ถูกผู้คุมแห่งมหาสุสานใต้พิภพสั่งให้มาคุ้มกันเมืองแห่งความโศกเศร้าโดยพลัน’
“ไอ้เวรเอ้ย! เป็นแกจริง ๆ ด้วย! ฉันอุตส่าห์พยายามตามหาแทบตาย หนีมาอยู่ที่นี่เอง!”
ไม่มีอะไรต้องพูดอีกแล้ว ข้อสงสัยทุกอย่างมันถูกคลี่คลายหมดแล้ว มิน่าล่ะเซียวเฟิงถึงได้รู้สึกคุ้น ๆ กับพวกมอนสเตอร์โครงกระดูกเหล่านี้ ที่แท้เขาเคยเจอมันมาก่อนแล้วที่ภูเขากระดูกนี่เอง! พวกนี้ไม่ใช่แค่คล้าย แต่พวกมันเดินทางมาจากภูเขากระดูกเลย! ไม่เพียงแค่มอนสเตอร์ตัวจ้อยเท่านั้นที่มา แต่แม้แต่บอสประจำชั้นเองก็มาด้วย!
“ท่านโบลตัน! มากับผมที!”
เซียวเฟิงตัดสินใจได้โดยไม่ต้องลังเล เขาต้องจัดการไอ้เจ้าบอสผู้คุ้มกันชั้นที่ 3 ของปราสาทใต้พิภพให้ได้! แม้ว่าเขาควรจะไปคุมทัพสัมพันธมิตรก่อน แต่สำหรับเซียวเฟิงแล้ว อาร์ติแฟกต์มังกรนั้นถือว่าสำคัญกว่า ดังนั้นเซียวเฟิงจึงค่อนข้างจะให้ความสนใจกับบอสตัวนี้มากกว่าการทำลายประตูเมืองไปแล้ว
“อวยพรอาวุธ! อวยพรความกล้า! อวยพรชีวิต! อวยพรการป้องกัน!”
ด้วยบัฟทั้งสี่นี้ มันไม่ได้ช่วยให้สงครามในครั้งนี้ได้เปรียบขึ้นมาแต่อย่างใด นั่นเพราะที่นี่มีบอสระดับสูงมากเกินไป มิหนำซ้ำ ไม่ว่าบอสตนไหนก็สามารถฆ่าเซียวเฟิงได้เพียงพริบตาเดียวโดยไม่สนบัฟใด ๆ
แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่เตรียมตัวอะไรเลย ให้บัฟพวกนี้ช่วยกันการโจมตีจากบอสตัวเล็ก ๆ บ้างก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว ยังไงเสียโอกาสก็คือโอกาสวันยันค่ำนั่นแหละ
ด้วยการคุ้มกันของกัปตันโบลตัน เซียวเฟิงสามารถฝ่าสมรภูมิที่ยุ่งเหยิงและเข้าหาบอสผู้คุ้มกันชั้นที่ 3 แห่งปราสาทใต้พิภพได้ในที่สุด เขาหยุดอยู่ในระยะที่เหมาะสมก่อนจะร่ายสกิลโฮลี่ไลท์ให้ครอบคลุมไปทั่วสนามรบขณะที่ยังนั่งอยู่บนหลังของเสี่ยวเสวีย ซึ่งมันทำให้ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์แห่งความมืดหรือสัมพันธมิตรต่างก็ถูกแสงสีทองห่อหุ้มกันไว้ทั้งหมด
-1,072!
-688!
-36,000!
+1,220!
-21,000!
+6,800!
-832!
-4,027!
…
เศษฝุ่นของอันเดดที่ถูกแผดเผาลอยขึ้นกระจายไปในอากาศราวกับกลุ่มควัน ในขณะที่ตัวเลขแสดงค่าต่าง ๆ ไม่ว่าจะสีแดงบ้างสีเขียวบ้างต่างก็ปรากฏทับซ้อนกันไปหมด เผ่าพันธุ์แห่งความมืดทุกตนที่ถูกแสงศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างกำลังทุกข์ทรมาณในขณะที่พันธมิตรทั้งหลายกำลังได้รับการฟื้นฟู!
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังไม่จบ เซียวเฟิงรีบหยิบคทานักปราชญ์ที่เสียหายขึ้นมาอย่างไม่รอช้า ก่อนจะร่ายสกิลถ้อยคำแห่งเงามืดต่อในทันที!