บทที่ 36.5 ฮูหยิน รอข้าด้วย! (5)

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

บทที่ 36 ฮูหยิน รอข้าด้วย! (5) Ink Stone_Romance

เขาไม่ได้อ่อนข้อให้ซูหลิน แต่สถานการณ์มันบังคับ…

เห็นได้ชัดเลยว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาเป็นคนที่ต่อกรด้วยยาก อีกฝ่ายเองก็ไม่ให้เวลาเขามากนัก ไม่งั้นเขาคง…

เขาคงไม่มีจัดการซูหลินอย่างรุนแรงภายในครั้งเดียวแบบนี้หรอก เขาอยากจะค่อยๆ ทรมานดูซูหลินค่อยๆ ตายจากไปแบบนั้นต่างหาก ถึงจะเรียกได้ว่าแก้แค้นสำเร็จ

เอ็นข้อมือและเอ็นข้อเท้าถูกตัดขาดจนหมดสิ้น เส้นเลือดใหญ่ถูกฟันจนไม่เหลือ ไม่นานเลือดก็ไหลนองท่วมตัว ถึงขนาดได้ยินเสียงของสิ่งมีชีวิตที่ค่อยๆ หายไปจากร่างกายของเขาอย่างชัดเจน

ซูหลินเอนพิงอยู่ตรงนั้นด้วยร่างกายที่อ่อนปวกเปียก เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกหวาดกลัวทรมานมากถึงเพียงนี้

“ซู…ซูอี้…” เสียงของเขาสั่นเทา รู้สึกเพียงแต่ว่าร่างกายของตนค่อยๆ แข็งทื่อ “พวกเราเป็นคนบ้านเดียวกัน วันนี้เจ้าลงไม้ลงมือกับข้าเยี่ยงนี้ เจ้า…เจ้าไม่กลัวว่ากรรมมันจะตามสนองเจ้า ให้เจอกับสภาพเดียวกับข้าแบบนี้งั้นหรือ?”

แววตาของซูอี้ส่องประกายขึ้นเล็กน้อย สีหน้าภายใต้แสงจันทร์นี้ช่างเจ็บปวดเสียเหลือเกิน

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบ ซูหลินก็คิดว่าเส้นทางแห่งความตายเหมือนจะมีช่องโหว่ปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้า เขาตั้งสติแล้วรวบรวมแรงกำลังที่เหลืออยู่พูดออกมา “ไม่ว่าระหว่างเราจะมีความแค้นอะไรต่อกัน ทว่าตอนนี้เจ้าสังหารข้าไป มันก็ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อตัวเจ้าเลย ครั้ง…ครั้งนี้เจ้าปล่อยข้าไปสักครั้งเถอะ รอข้ากลับไปที่จวนแล้ว ข้าจะบำเหน็จให้เจ้าเป็นเท่าตัวเลย แค่…แค่…”

เมื่อเห็นว่าซูอี้ไม่ได้พูดปฏิเสธ เขาก็เริ่มมั่นใจขึ้นมาอีก รีบพูดขึ้นอย่างร้อนรนว่า “ถึงแม้เจ้าจะต้องการตำแหน่งซื่อจื่อแห่งจวนอ๋องฉางซุ่นก็ตาม ข้า…ข้าก็จะมอบมันให้เจ้า! ไม่ว่าเจ้าต้องการอะไร ข้าจะชดใช้ให้เจ้าทั้งหมด!”

“ชดใช้รึ?” ซูอี้พูดเย็นชาออกมาหนึ่งคำ จู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นแล้วถอนหายใจออกมา จากนั้นหันหน้าขวับมองซูหลินด้วยแววตาอาฆาตแค้นอย่างเห็นได้ชัด ตวัดคมดาบลงไปบนลำคอของซูหลินอีกครั้ง

ซูหลินตกใจกลัวจนกลั้นหายใจเอาไว้ ตะโกนออกมาว่า “ข้าเป็นพี่ชายของเจ้านะ เจ้ากล้าลงมือกับข้าอย่างนี้ได้เยี่ยงไร เจ้าคนเนรคุณ เจ้า…”

แต่เนื่องด้วยเสียเลือดมากเกินควร ทำให้น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นไม่มีพลังมากสักเท่าไร่ เสียงเบาเหมือนเสียงแมลงวัน พลันเงียบหายไปพร้อมกับสายลมยามค่ำคืน

“เนรคุณก็เนรคุณสิ!” ซูอี้พูดแทรกเขา เก็บดาบเข้าฝัก กระตุกมุมปากยิ้มหยัน เผยสีหน้าเจ้าเล่ห์ดุร้ายอันเย็นชาออกมา เขาพูดเสียงเบาแต่กลับทำให้อีกฝ่ายหนาวเย็นจนเสียวสันหลังวาบ “อย่างไรก็ตาม…ข้าก็ไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก จริงไหมเล่า?”

ซูหลินตกใจจนอ้าปากค้าง ไม่เหลือแม้แต่แรงที่จะพูดคำใดใด เขาเพียงเบิกตาจ้องมองอีกฝ่ายเขม็ง ราวกับว่าต้องการจะสื่อความเคียดแค้นและความไม่สบอารมณ์ที่มีออกมาทางสายตาให้ซูอี้รับรู้

ทว่าซูอี้กลับหันหลังเดินจากออกไปไม่แม้แต่แยแสเขา

เขาค่อยๆ เดินจากออกไป จนกระทั่งหยุดฝีเท้าลง ทิ้งระยะห่างเพียงสองก้าวตรงเบื้องหน้าของคนชุดดำคนนั้น มุมปากยกขึ้นยิ้มเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะอ่อนโยนแต่ให้ความรู้สึกเยือกเย็นจนเข้ากระดูกดำแบบนั้น

“ขอบคุณนะ!” เขากล่าวขึ้น ในขณะที่กำลังจะพูดขึ้นต่อ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นสวบๆ ในป่าไม้ข้างๆ

เขาคิดอยู่ชั่วครู่จากนั้นก็กระโดดโหนตัวขึ้นไป แอบอยู่ในพุ่มไม้บนต้นไม้สูงตรงที่เขาเคยแอบซ่อนอยู่ก่อนหน้านี้แล้วกลั้นหายใจเอาไว้

จากนั้นเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นไล่เลี่ยกัน สองข้างทางของป่านั่นมีร่างของคนชุดดำสองคนปรากฏขึ้น

“หัวหน้า!” คนชุดดำสองคนนั้นเข้าไปทำความเคารพชายชุดดำอีกคน

“อืม!” คนคนนั้นยืนนิ่งไม่ขยับ เพียงแค่หยักหน้ารับรู้แล้วเบนสายตาไปยังร่างไร้ชีวิตนั้น พูดขึ้นเสียงเย็นชา “พาตัวเขาไปเถอะ เดี๋ยวข้าจัดการคราบเลือดตรงนี้เอง”

“รับทราบ!” สองคนนั้นขานตอบ เมื่อเห็นสภาพการตายของซูหลินแล้วก็นึกสงสัย

พวกเขาเป็นสายลับ วิธีการสังหารคนต้องเด็ดเดี่ยวว่องไว การสังหารให้สิ้นชีพภายในดาบเดียวนั่นถือเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุด

พวกเขาสองคนหันสบตามองหน้ากัน แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ทำเพียงแค่แบกร่างของซูหลินขึ้นแล้วกลับไปยังทิศทางที่เพิ่งเข้ามา

เมื่อเสียงฝีเท้าของสองคนนั้นห่างออกไปไกลแล้ว ซูอี้ถึงค่อยกระโดดลงมาจากต้นไม้

คนคนนั้นไม่ได้สนใจเขา ทว่ากลับเดินตรงไปกวาดตามองไปรอบทิศ จากนั้นใช้ฝักดาบจ้วงดินและใบไม้ขึ้นกลบรอยเลือดเอาไว้

เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินจากไปโดยไม่แม้แต่ชายตามองซูอี้

“นี่!” ซูอี้ขมวดคิ้ว เดินตามเขาไปอย่างไม่สบอารมณ์ เอื้อมมือจะไปดึงแขนเสื้อของอีกฝ่ายเอาไว้ แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับสะบัดแขนหลบได้ทัน

คนคนนั้นรีบเร่งฝีเท้าพยายามออกไปจากที่นี่ให้ไวยิ่งขึ้นเพื่อจะสลัดเขาทิ้ง

ซูอี้เองก็รวมแรงกำลังทั้งหมดเร่งฝีเท้าตามไป

คนหนึ่งอยู่หน้าอีกคนตามอยู่ด้านหลัง เมื่อมาถึงนอกเขตป่าแล้วก็ได้ยินเสียงม้าวิ่งดังขึ้น

ซูอี้ตกใจขึ้นทันพลัน…

เขาปล่อยม้าของตนทิ้งไว้อยู่ด้านนอก หรือว่ามันจะถูกคนอื่นพบเจอเข้าแล้ว

เป็นอย่างที่คิด…ตอนที่เขาเริ่มรู้สึกแปลกใจขึ้นมา ด้านนอกก็มีคนจับม้าของเขาเอาไว้แล้วตะโกนเสียงดังว่า “ในป่ามีคนอยู่!”

แววตาคนชุดดำที่อยู่ด้านหน้าจ้องเขม็ง ชักดาบออกมาจากฝักอย่างว่องไว

จู่ๆ ซูอี้ก็คิดอะไรออกขึ้นมาฉับพลัน เขาตะโกนเสียงดังออกมาว่า “ฮูหยิน ท่านจะไปไหนน่ะ? รอข้าด้วยสิ!”

ถึงแม้คนคนนั้นจะเข้มแข็งมากถึงเพียงใด แต่เมื่อถูกเขาเล่นแบบนี้ใส่ก็ย่อมตกใจจนเดินเซเป็นธรรมดา ฝีเท้าของคนคนนั้นค่อยๆ ช้าลง ซูอี้ที่ตามอยู่ด้านหลังเองก็เร่งฝีเท้าตามจนทัน เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ถอดเสื้อคลุมสีเงินแล้วคลุมตัวอีกฝ่ายเอาไว้ ดึงผ้าสีดำที่ปิดหน้าออกพลางใช้มือยีผมอีกฝ่ายจนยุ่งเหยิง

จากนั้นดึงตัวเข้ามากอด ในขณะเดียวกันด้านนอกก็มีทหารสวมชุดสีน้ำเงินในมือถือดาบเอาไว้สี่ห้าคนพุ่งเข้ามา

———————————–