บทที่ 615 ต้องได้มันมาครอบครอง + บทที่ 616 กระบี่ไร้ราชาในราคาเกินเอื้อม

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 615 ต้องได้มันมาครอบครอง

หนิงเมิ่งเหยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เฉียวเทียนช่างพูดถูก มันไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาเลย

หลังจากที่เสี่ยวเอ้อร์ขึ้นมาเสิร์ฟขนมทานเล่นและน้ำชา เขาก็ปิดประตูลง “เฟิงเอ๋อร์ หากมีของที่เจ้าชอบ ก็บอกพ่อกับแม่ได้เลยนะ”

“ขอรับ” เฉียวโม่เฟิงไม่รู้จักร้านประมูลสินค้ามาก่อน แต่เมื่อได้ยินเสียงจากผู้คนด้านล่างที่ฟังดูกระตือรือร้นกัน ในใจของเขาก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที

แต่สิ่งของที่นำมาประมูลในครั้งนี้ไม่ค่อยดีนัก แม้แต่เฉียวโม่เฟิงก็ยังไม่ถูกใจของชิ้นใดเลย

ในช่วงท้ายของงานประมูล หนิงเมิ่งเหยารู้สึกว่าผู้คนด้านล่างเริ่มแตกตื่นเมื่อกระบี่หิมะโปรยถูกนำขึ้นมาจัดแสดง

หญิงสาวมองดูกลุ่มคนที่มีดวงตาสีแดงก่ำ “พวกเขาไม่สงสัยเลยหรือว่ามันเป็นของปลอมหรือไม่”

เฉียวเทียนช่างส่ายหน้า “ร้านประมูลสินค้าแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังในเหมียวเจียว สิ่งของที่นำมาประมูลนั้นจึงไม่ใช่ของปลอม ทำให้ผู้คนต่างตื่นเต้นกันอย่างมาก”

“อย่างนี้นี่เอง” หญิงสาวไม่สนใจเรื่องนี้นัก

อย่างไรก็ตาม เมื่อกระบี่เล่มนั้นปรากฏขึ้น ดวงตาของหนิงเมิ่งเหยาก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ “นี่ไม่ใช่กระบี่หิมะโปรย มันคือกระบี่ไร้ราชาต่างหาก”

เฉียวเทียนช่างมองหนิงเมิ่งเหยาด้วยความตกใจ “เจ้าแน่ใจหรือ”

“ใช่ กระบี่หิมะโปรยนั้นเหมาะกับหญิงสาว ส่วนกระบี่ไร้ราชาจะเหมาะกับชายหนุ่ม นอกจากนี้ด้านหลังของตำราการใช้กระบี่หิมะโปรยยังมีการเขียนถึงการใช้พลังของกระบี่ไร้ราชาไว้อีกด้วย ดังนั้นพวกเราต้องประมูลมันมาให้ได้” หนิงเมิ่งเหยาเคยเห็นความสามารถของกระบี่ไร้ราชามาก่อน ตอนที่นางฝึกดาบ ตอนนั้นหญิงสาวสาบานกับตัวเองว่าจะต้องตามหากระบี่ไร้ราชาให้พบ แต่นางก็ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอมันที่นี่

มันดูบังเอิญเกินไป

“ตกลง” พวกเขานำของมีค่าติดตัวมามากมาย ทั้งธนบัตร ตำลึงเงิน ตำลึงทอง และอัญมณีต่างๆ จากห้องศิลา แน่นอนว่าเครื่องประดับเหล่านั้นย่อมมีราคาสูงมาก

เมื่อกระบี่ไร้ราชาปรากฏขึ้นในงานประมูล ผู้คนด้านล่างต่างตื่นตาตื่นใจ พวกเขาดูตื่นเต้นอย่างมาก ราวกับว่ากระบี่เล่มนี้เป็นสมบัติอันล้ำค่า

ไม่นานหลังจากนั้น ผู้คนก็เริ่มเสนอราคาที่ห้าหมื่นตำลึงเงิน และจำนวนเงินที่ประมูลแต่ละรอบก็เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันตำลึงเงิน

เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งก้านธูป ราคาของกระบี่เล่มนี้ก็สูงถึงหนึ่งแสนเก้าหมื่นตำลึงเงินตามที่คาดการณ์เอาไว้

เมื่อหนิงเมิ่งเหยาเห็นว่าผู้ที่แข่งประมูลนั้นลดจำนวนลงเรื่อยๆ และตอนนี้ราคาของมันอยู่ที่สองแสนตำลึงเงิน หญิงสาวจึงหรี่ตาลงเล็กน้อย และริมฝีปากสีแดงของนางก็เผยอขึ้น “สองแสนตำลึงทอง”

ทุกคนต่างเงียบสนิทเมื่อได้ยินตัวเลขที่นางเสนอมา ทั้งนี้เงินจำนวนสองแสนตำลึงทองมีค่าเท่ากับสองล้านตำลึงเงิน นั่นหมายความว่าราคาที่หญิงสาวเสนอมานั้นเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่าเลยทีเดียว

แม้ว่าจะมีคนอยากแข่งประมูลต่อ แต่ก็ต้องยอมหยุดลงอย่างไม่มีทางเลือก

หากหน่วยเงินยังเป็นตำลึงเงิน พวกเขาอาจจะยังพอมีโอกาสประมูลต่อ แต่ตอนนี้มันเป็นตำลึงทองแล้ว พวกเขาจึงไม่มีทางที่จะประมูลชนะได้เลย

เฉียวโม่เฟิงหนังตากระตุกขณะมองพ่อและแม่ที่อยู่ข้างๆ ท่านแม่ของเขาราวกับเป็นเด็กน้อยที่ใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย เขาหันมองท่านพ่อที่ไม่ได้คัดค้านการกระทำของท่านแม่เลยแม้แต่น้อย

“เฟิงเอ๋อร์ ท่านพ่อกับท่านแม่มีเงินอยู่มากมาย เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องเศษเงินพวกนี้หรอก” หนิงเมิ่งเหยาพูดขึ้น เมื่อเห็นว่าลูกชายดูไม่ค่อยพอใจนัก

มันเป็นเรื่องจริงไม่ใช่หรือ นางเป็นถึงนายหญิงแห่งทงเป่าไจ แล้วจะไม่มีเงินได้อย่างไร

ขณะที่หนิงเมิ่งเหยากำลังคิดว่าตนเองจะได้ครอบครองกระบี่เล่มนั้น จู่ๆ ก็มีใครบางคนตะโกนออกมาจากกลุ่มฝูงชน “สามแสนตำลึงทอง”

แน่นอนว่าทุกคนต่างได้ยินเสียงนั้น

หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อย และหันไปมองเฉียวเทียนช่าง “เทียนช่าง”

“ข้าคิดว่ามีคนที่ต้องการกระบี่เล่มนั้นเช่นกัน”

“ห้าแสนตำลึงทอง”

ผู้คนด้านล่างต่างเบิกตากว้างราวกับว่าอีกฝ่ายเสียสติไปแล้ว คนผู้นั้นเพิ่มราคาประมูลจากหนึ่งแสนเป็นสองแสน ช่างบ้าระห่ำเหลือเกิน หากพวกเขามีเงินมากมายขนาดนั้น ก็แบ่งให้พวกเราบ้างเถอะ

“หกแสน”

หนิงเมิ่งเหยาฮึดฮัด “หนึ่งล้าน”

หญิงสาวมุ่งมั่นที่จะประมูลกระบี่เล่มนี้ให้ได้ หากมีใครคิดจะท้าทาย นางก็จะทำให้อีกฝ่ายพ่ายแพ้อย่างหมดท่า

เฉียวเทียนช่างมองภรรยาอย่างไม่ยี่หระนัก แต่เฉียวโม่เฟิงนั้นกลับเบิกตากว้างพร้อมกับอ้าปากค้าง ‘ท่านแม่ใช้เงินมากมายขนาดนั้นเพื่อเอาชนะคนอื่นหรือนี่’

เฉียวเทียนช่างสังเกตเห็นว่าลูกชายเบิกตาโพลงและอ้าปากค้าง เขาจึงช่วยปิดปากให้เขาอย่างอ่อนโยน

“เจ้าต้องคุ้นชินกับมันได้แล้ว” จริงๆ แล้วหนิงเมิ่งเหยาไม่ใช่คนที่ใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย แต่กรณีนี้มันต่างไปจากปกติ เพราะนางเจอสิ่งที่ตนเองชอบและต้องการมันจริงๆ

คำว่า ‘หนึ่งล้าน’ ของหญิงสาว ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้น ทุกคนต่างรู้ดีว่ามันไม่ใช่หนึ่งล้านตำลึงเงิน แต่เป็นตำลึงทอง

บทที่ 616 กระบี่ไร้ราชาในราคาเกินเอื้อม

และแล้วกระบี่ไร้ราชาก็ถูกประมูลในราคาหนึ่งล้านตำลึงทอง ราคานี้สร้างความตื่นตระหนกกับเหล่าเศรษฐีที่อยู่ที่นี่อย่างมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้คนในร้านประมูลสินค้าที่อึ้งไปตามๆ กัน ทุกคนเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงเหมือนกับว่ากำลังเจอผีอยู่ก็ไม่ปาน

คนผู้นี้มาจากไหนกันถึงสามารถจ่ายเงินเป็นตำลึงทองได้ นอกจากนี้ ผู้ชนะประมูลยังเป็นเสียงหญิงสาวอีกด้วย

สถานการณ์ด้านล่างเริ่มคุกรุ่นขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ผู้คนในร้านประมูลสินค้าเองยังรู้สึกตกตะลึง หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ‘คนพวกนี้เป็นอะไรกันถึงได้ตื่นเต้นขนาดนี้’

หญิงสาวคิดเช่นนั้น ก่อนจะรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก

กระบี่ไร้ราชามีเพียงเล่มเดียวเท่านั้น คนอื่นๆ อาจจะไม่รู้ แต่นางนั้นตระหนักถึงคุณค่าของมันดี

แม้ว่าหนึ่งล้านตำลึงทองนั้นจะเป็นเงินจำนวนมาก แต่มันก็เป็นแค่เงินที่หญิงสาวสามารถหาได้ใหม่ แต่ถ้าหากนางปล่อยให้กระบี่เล่มนี้หลุดมือไป ก็จะไม่สามารถหาจากที่ไหนได้อีก เพราะมันมีเพียงด้ามเดียวในโลก

หญิงสาวจึงไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องครอบครองกระบี่เล่มนี้มาให้ได้

ที่สำคัญที่สุดคือ นางจะมีกระบี่หิมะโปรยคู่กับกระบี่ไร้ราชา เมื่อกระบี่ทั้งสองอยู่ด้วยกัน พวกเขาก็จะมีพลังอำนาจเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ

“เทียนช่าง พวกเขาเป็นอะไรไป”

เฉียวเทียนช่างยิ้มอย่างแผ่วเบา ชายหนุ่มดึงแขนภรรยาและมองตานาง ก่อนจะยิ้มกว้าง “พวกเขาอาจจะเสียขวัญอย่างมาก” เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย และยังคงยิ้มต่อไป

หนิงเมิ่งเหยารู้สึกไม่พอใจ ก่อนจะพูดอย่างเย็นชา “คนพวกนี้มีตาแต่หามีแววไม่” หญิงสาวพูดอย่างหนักแน่น

ผู้คนด้านล่างต่างได้ยินคำพูดของนาง และนั่นทำให้พวกเขากลับมาได้สติอีกครั้ง

“หนึ่ง…หนึ่งล้านตำลึงทอง มีใครจะประมูลสูงกว่านี้หรือไม่”

“ให้ตาย คนบ้าที่ไหนมาขัดขวางพวกเรา พวกเขาช่างกล้านักที่เพิ่มจำนวนเงินหลายเท่าในครั้งเดียวเช่นนี้” หญิงสาวคนหนึ่งจากห้องส่วนตัวอีกห้องพูดขึ้นพลางขบฟันกรอด นางดูฉุนเฉียวอย่างมาก

สำหรับพวกนาง เงินจำนวนหกแสนตำลึงทองนั้นก็ถือว่าเป็นเงินจำนวนมหาศาลแล้ว และราคาประมูลที่พวกเขาสามารถเสนอได้สูงที่สุดก็คือแปดแสนตำลึงทองเท่านั้น แต่หญิงสาวอีกคนกลับประมูลที่หนึ่งล้านตำลึงทอง ‘แล้วพวกนางจะเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างไรเล่า’

หญิงสาวคนนั้นครุ่นคิดอย่างโกรธแค้น

พวกนางใช้เงินจำนวนมากกว่าจะได้ข้อมูลมาว่าที่นี่จะมีการประมูลกระบี่หิมะโปรย แต่ตอนนี้พวกเขากลับต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคใหม่ เพิ่งผ่านมาแค่ครึ่งทาง แต่ใครบางคนกลับประมูลกระบี่เล่มนั้นด้วยทองจำนวนมหาศาล และแย่งชิงมันไปต่อหน้าต่อตา แล้วทีนี้พวกนางจะกลับไปอธิบายกับท่านอาจารย์อย่างไรเล่า

ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ หญิงสาวกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก จากนั้นมองอีกฝ่ายที่ยังดูโกรธแค้น ก่อนจะพูดขึ้น “หญิงสาวผู้นั้นมีเงินจำนวนมาก อีกทั้ง…นางค่อนข้างจะมีอำนาจทีเดียว”

“เจ้าจะบอกให้พวกเราปล่อยมันไปเช่นนั้นหรือ” หญิงสาวคนนั้นเอ่ยขึ้น

“พวกเราไปเจรจากับพวกเขาเป็นการส่วนตัวได้” ชายผู้นั้นขมวดคิ้วและเอ่ยอย่างเรียบๆ

แม้ว่าคำพูดของเขาจะเป็นความจริง แต่ดวงตาของหญิงสาวก็ยังไม่สบายใจนัก

เมื่อไม่มีผู้ใดประมูลต่อ ดังนั้นกระบี่ไร้ราชาจึงตกเป็นของหนิงเมิ่งเหยาในทันที

หลังจากผู้ประมูลส่งมอบกระบี่ให้ เฉียวเทียนช่างก็ยื่นตั๋วตำลึงทองให้อีกฝ่าย

เมื่อผู้ที่มาส่งมอบกระบี่เห็นความหนาของปึกตำลึงทองที่ชายหนุ่มยื่นมาให้ ก็อ้าปากค้าง สองสามีภรรยาคู่นี้ไม่กลัวถูกปล้นหรืออย่างไร

เมื่อขั้นตอนการชำระเงินและส่งมอบกระบี่เสร็จสิ้น หนิงเมิ่งเหยาและครอบครัวของนางก็ไม่สนใจสิ่งของอื่นๆ อีก พวกเขาจึงออกจากงานประมูลไป

หลังจากที่พวกเขากลับมาถึงบ้าน หญิงสาวก็ขอให้ชิงซวงช่วยดูแลลูกๆ ทั้งสองคน ก่อนจะพาสามีไปที่สวนหลังบ้าน

พวกเขาหยิบตำราการใช้กระบี่ออกมาอ่านด้วยกัน หลังจากอ่านจบ เฉียวเทียนช่างก็เข้าใจในทันทีว่าทำไมหนิงเมิ่งเหยาจึงต้องการครอบครองกระบี่ไร้ราชาถึงเพียงนี้ นั่นเพราะมันมีประโยชน์กับพวกเขาอย่างมากนั่นเอง

หลังจากได้กระบี่เล่มนั้นมา ทั้งสองคนก็ฝึกฝนมันตามวิธีในตำราการใช้กระบี่จนลืมเวลากินข้าว นั่นทำให้ชิงซวงไม่รู้จะทำอย่างไรกับพวกเขาดี

ห้าวันต่อมา มีใครบางคนมาเคาะประตูหน้าบ้านพวกเขา

หนานอวี่มองดูชายสองคน และหญิงอีกหนึ่งคนตรงหน้า ก่อนจะขมวดคิ้วและเอ่ยถาม “พวกเจ้าเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่หรือ”

“พวกเรามาหานายท่านของเจ้า มีธุระสำคัญจะคุยด้วย” ชายที่ยืนอยู่ริมสุกเอ่ยอย่างสุภาพและดูไม่มีเจตนามุ่งร้าย

หนานอวี่มองชายผู้นั้น และบอกพวกเขาให้รอ ก่อนจะปิดประตูลง

ใบหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นซีดเผือดและดูไม่พอใจ อีกฝ่ายปฏิบัติเช่นนี้กับนางได้อย่างไร นี่ช่างเป็นความอัปยศยิ่งนัก