บทที่ 37 ชายหนุ่มชุดขาว

ณ บริเวณชั้น 1 ของร้าน

ความเงียบงันเกิดขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยอารมณ์โทสะของชายผู้ดูแลร้าน “ข้าว่าข้าก็เขียนมันไว้ชัดอยู่แล้วไม่ใช่หรือว่าห้ามนำอาหารเข้ามา ใครมันตาบอดมองไม่เห็นป้ายที่ข้าติดไว้!”

“ข้ามองแล้ว ทว่าไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร แต่อาหารที่ข้านำเข้ามาไม่เหมือนกับอาหารที่ร้านนี้” ซูหวานหว่านตอบกลับอย่างสุภาพพร้อมทั้งหยิบจานเปล่าที่เคยใส่เห็ดผัดทั้งสองชนิดออกมา “สิ่งนี้คือวัตถุดิบบนภูเขาที่ข้าเก็บมาด้วยตัวเอง หากเดาไม่ผิด ข้าว่าร้านของท่านคงไม่มีอะไรแบบนี้ขาย เพราะฉะนั้นก็หมายความว่าข้าไม่ได้ฝ่าฝืนกฎใช่หรือไม่?”

ผู้ดูแลร้านไม่ได้สนใจคำพูดของเด็กสาว “ยังไงก็ไม่ได้! นี่มันเป็นอาหารประเภทผัดที่ร้านของเราก็มีเหมือนกัน!”

“ก็ได้ หากท่านคิดว่าสิ่งที่ท่านพูดนั้นถูกต้องแล้วล่ะก็…” ซูหวานหว่านยิ้มเล็กยิ้มน้อยพร้อมกับหยิบเห็ดทั้งสองชนิดขึ้นมา “นี่วัตถุดิบที่ข้าเก็บมาจากภูเขา ข้าให้ท่าน…ถือเป็นการขอโทษ”

ผู้ดูแลร้านผู้นั้นกวาดสายตาดูถูกไปยังซูหวานหว่านและหันกลับไปส่งสัญญาณให้กับเด็กในร้านคนหนึ่ง “พวกข้าไม่ได้ต้องการอาหารของเจ้า เมื่อครู่เจ้าบอกว่าจะจ่ายค่าชดเชย 3 เท่าของค่าอาหาร จ่ายตามที่ตกลงไว้เถอะแม่นาง”

เด็กในร้านผู้นั้นพูดออกมาตามหน้าที่ แต่ในใจแล้วกลับชื่นชมซูหวานหว่านเป็นอย่างมาก อันที่จริงเขาก็ไม่ค่อยชอบนิสัยแย่ ๆ ของผู้ดูแลร้านผู้นี้สักเท่าไร

เดิมทีหญิงสาวก็ไม่ได้อยากจะขายพวกเห็ดให้พวกเขา จึงยอมควักเงินจ่ายเงินค่าอาหารไปอย่างเสียดาย ยังไม่ทันที่หญิงสาวหันหลังกลับ ผู้ดูแลร้านก็พูดไล่หญิงสาวและพี่ชายออกมาทันทีอย่างไม่พอใจ “รีบ ๆ ไปได้แล้ว”

ซูหวานหว่านไม่ตอบโต้สิ่งใด พลันใดลูกค้าในร้านคนหนึ่งที่เคยลิ้มลองเห็ดของนางไปสองสามคำก็เข้ามาขวางนางไว้ เขาชี้ไปที่เห็ดพวกนั้น

“แม่นาง หากขายของพวกนั้นให้ข้า ข้าจะให้เจ้า 40 อีแปะ!”

“ท่านว่าอย่างไรนะ? เมื่อครู่จะมีคนให้ข้าถึง 50 อีแปะ ใจร้ายเกินไปหรือเปล่าที่ให้ข้าเพียง 40 อีแปะ?”

ที่นี่กลายเป็นร้านขายผักไปเสียแล้ว…

ผู้ดูแลโกรธจัดกับความวุ่นวายที่เห็นตรงหน้า

“แม่นาง หยิบข้าวของของเจ้าออกไปเสีย! อย่าให้ข้าต้องพูดจาหยาบคายไปมากกว่านี้เลย”

ซูหวานหว่านตกใจเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าเขาที่เป็นผู้ดูแลร้านควรสนใจวัตถุดิบดี ๆ เช่นนี้ไม่ใช่หรือไง? นางไม่เข้าใจความคิดแปลก ๆ และสมองทึบ ๆ ของเขาเลยจริง ๆ

“ผู้ดูแล…” เสียงเรียกของเด็กในร้านอาหารคนหนึ่งเอ่ยเรียกผู้ดูแลร้าน และเข้ามากระซิบบางอย่างกับเขา ทว่าผู้ดูแลกลับใช้ฝ่ามือฟาดเข้าที่หัวของเด็กในร้านผู้นั้นอย่างแรงเหมือนกับไม่พอใจในสิ่งที่เพิ่งได้ยิน

“พูดไร้สาระ! เจ้าอยากให้ข้าซื้อของจากนางรึ! เจ้ายังสติดีอยู่หรือไม่!”

เดาจากคำพูดของผู้ดูแลที่โพล่งออกมาอย่างไม่พอใจ เด็กในร้านคนนั้นคงอยากจะให้หัวหน้าของเขาซื้อวัตถุดิบนี้ไปไว้ปรุงอาหาร

ทว่าคนที่จะสามารถซื้อของจากเด็กสาวจริง ๆ ไม่ใช่เขาผู้เป็นแค่เด็กในร้าน แต่ต้องเป็นผู้ดูแลต่างหาก!

ชายผู้นี้ไม่มีความรู้มากพอในการเป็นผู้ดูแลอาหารเลยด้วยซ้ำ ซูหวานหว่านไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเขากลายมาเป็นผู้ดูแลอาหารเจวียเซ่อได้อย่างไร

ซูหวานหว่านส่ายหัวและหันไปพูดกับทุกคนว่า “เอาล่ะทุกท่าน… ข้าว่าเราออกไปพูดคุยกันข้างนอกดีกว่า หากพวกท่านต้องการสิ่งนี้จริง ๆ แค่ทิ้งที่อยู่ไว้ก็พอ เดี๋ยวข้าขึ้นเขาไปเก็บมันแล้วจะนำไปส่งให้พวกท่านที่บ้าน ทว่าแน่นอนว่าราคาจะต้องเป็นสองเท่าเพราะว่ามีค่าแรงขนส่ง”

ทุก ๆ คนที่อยู่ตรงนี้ล้วนแต่งกายด้วยชุดผ้าไหมอย่างดี ดูเหมือนว่าจะมีฐานะกันทุกคน ซูหวานหว่านมั่นใจเลยว่าถึงแม้จะพูดออกไปเช่นนั้นแล้ว พวกเขาก็จะไม่ปฏิเสธข้อเสนออยู่ดี

ซูหวานหว่านเดินนำลูกค้าเพื่อออกไปคุยด้านนอก ทว่านางก็ต้องหยุดฝีเท้าเมื่อมีเสียงอันนุ่มนวลของชายหนุ่มผู้หนึ่งเรียกนางจากข้างหลัง

“แม่นาง ช้าก่อน!”

ซูหวานหว่านหันไปตามเสียงเรียกและได้พบกับชายผู้หนึ่งในชุดสีขาวกำลังเดินลงมาจากบันไดอย่างช้า ๆ

ทันทีที่ผู้ดูแลได้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มผู้นี้ สีหน้าของเขาถึงกับซีดเผือดลงทันที เหตุใดไม่มีใครบอกเขาเลยว่าคุณชายอยู่ที่นี่!

ท่าทางของชายผู้ดูแลได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขาเดินไปหาชายหนุ่มด้วยท่าทีนอบน้อมและโค้งคำนับเขาราวกับสุนัขรับใช้

“คุณชาย… เหตุใดท่านไม่บอกข้าก่อนว่าท่านจะมา เจ้า! เจ้าที่อยู่ตรงนั้น ไปหาเหล้าและอาหารชั้นดีมาให้คุณชายเร็วเข้า!”

“ไม่ต้องลำบากหรอก” เขาพูดโดยที่ไม่ได้แม้แต่จะมองไปที่ผู้ดูแลด้วยซ้ำ ทว่ากลับเดินตรงเข้าไปหาซูหวานหว่าน

ใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าขาวราวกับกระเบื้อง คิ้วคมเข้มดุจคมดาบ ดาวตาเรียวสวยเปล่งประกายราวกับดวงดาราที่เจิดจรัส ร่างกายของเขาสะอาดสะอ้านน่ามอง อีกทั้ง…กลิ่นของเขาก็ทำให้รู้สึกสดชื่นอย่างแปลกประหลาด ถึงอย่างนั้นหากเทียบกับฉีเฉิงเฟิงแล้ว ซูหวานหว่านคิดว่าฉีเฉิงเฟิงดูดีกว่าชายหนุ่มตรงหน้าเล็กน้อย

แล้วนางจะไปนึกถึงฉีเฉิงเฟิงทำไมกัน!

“แม่นางเรามาตกลงกันดีกว่า” ชายหนุ่มพูดด้วยท่าทางที่สุภาพและสง่างามทำให้หญิงสาวเดาได้ไม่ยากว่าเขาต้องการอะไร นางจึงตอบตกลง

ทุกคนรู้สึกไม่พอใจเมื่อหญิงสาวถูกดึงตัวไปโดยที่ยังไม่ได้พูดคุยรายละเอียดอย่างอื่นเลย “นี่แม่นาง! เจ้ายังไม่ได้ขายของตามที่พูดไว้เลย จะไปง่าย ๆ แบบนี้หรือ!”

ชายหนุ่มชุดขาวขมวดคิ้วเมื่อได้ยินลูกค้าพูดเช่นนั้น และนึกขึ้นได้ว่าจุดประสงค์หลักของซูหวานหว่านนั้นคือมาขายของ และเขาก็จะสนองให้กับนางตามที่ต้องการ

“ไม่ต้องกังวลไป หลังจากที่ข้าคุยกับแม่นางคนนี้แล้ว ข้าจะให้พ่อครัวเตรียมอาหารที่พวกท่านต้องการให้ ทุกคนเชิญนั่งจิบเหล้ารออย่างสบายใจเถิด” พูดจบชายหนุ่มในชุดขาวก็ส่งสัญญาณให้กับเด็กในร้านในร้านเพื่อให้เขาพาซูหวานหว่านเข้าไปในห้องที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างเงียบ ๆ

ส่วนผู้ดูแลร้านที่เดินตามชายชุดขาวอยู่ ก็เอ่ยออกมาว่า “คุณชาย! ท่านไม่รู้หรือว่านังเด็กนี่มันทำอะไรลงไปบ้าง นางไปซื้ออาหารมาจากร้านอื่นแล้วเอาเข้ามากินในร้านของเรา เห็นได้ชัดว่าจะมาก่อกวนร้านเรา ไหนจะยังมาขายของอีก มันจะมากเกินไปแล้ว!”

“หุบปากของเจ้าไปเถอะ” ชายหนุ่มชุดขาวพูดพร้อมหันกลับมาจ้องเขม็งใส่ “แล้วก็ไม่ต้องตามข้ามาด้วย”

ชายผู้ดูแลถึงปิดปากเงียบและถอยกลับไป ทั้งไม่กล้าหันมาสบตาเขาเลยแม้แต่น้อย

ณ ห้องส่วนตัว

เมื่อซูหวานหว่านและชายหนุ่มชุดขาวได้นั่งลงแล้ว นางก็เปิดประเด็นพูดถึงจุดประสงค์ของตนในทันที “ที่เจ้าบอกว่าจะซื้อวัตถุดิบของข้า เจ้าคิดว่าให้ข้าได้เท่าไร?”

ซูหวานหว่านไม่ค่อยเชื่อใจชายผู้นี้และก็ไม่คิดว่าเขาจะให้ราคาสูงนัก

“หากเจ้าตกลงยอมขายให้กับข้า ข้าจะให้ตามราคาสูงสุดที่ผู้คนพวกนั้นเสนอให้กับเจ้าและเพิ่มไปอีก 5 อีแปะ ซึ่งรวมแล้วเป็น 60 อีแปะต่อ 1 ชั่ง เจ้าคิดว่ายังไง?”

1 ชั่งเขาให้ 60 อีแปะอย่างนั้นหรือ?

ทว่านั่นก็ยังไม่มากตามความต้องการของนาง

“หากข้ายอมขายให้ท่านด้วยราคา 60 อีแปะต่อ 1 ชั่ง ตามที่ท่านเสนอแล้วล่ะก็ หากหลังจากนี้มีคนมาเสนอราคาให้ข้า 70 อีแปะ ท่านว่าข้าจะขายหรือไม่ขาย”

ชายหนุ่มชุดขาวยังคงอยู่ในอารมณ์ที่สงบนิ่งหลังจากได้ยินคำพูดของซูหวานหว่าน “หากเจ้ายังคงกังวลเรื่องเงินอยู่ ข้าสัญญาได้ว่าหากผูกขาดกับข้า เจ้าจะไม่ต้องกังวลเรื่องจำนวนเงินอีกต่อไป”

60 อีแปะต่อ 1 ชั่งนี่มันยังน้อยไปอีกหรือไง? เกือบจะแทบเท่าหมู 2 ชั่ง ราคา 80 อีแปะ! ชายหนุ่มคิดอย่างไม่พอใจ

หญิงสาวผู้นี้เหมือนจะเป็นลูกชาวบ้านธรรมดา แต่ช่างโลภ! หากเขาไม่ได้ประโยชน์จากการค้านี่แล้วล่ะก็ เขาคงไม่ยอมจ่ายให้กับนางถึงขนาดนี้หรอก

“แล้วเจ้าต้องการเท่าใดกัน?” ชายหนุ่มชุดขาวถามกลับด้วยท่าทางสุภาพ

นี่เขาโยนมาให้นางคิดราคาเองงั้นหรือ? นี่มันง่ายเกินไปหรือเปล่า?

ซูหวานหว่านอมยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะพูดว่า “มันขึ้นอยู่กับเจ้า… ข้ามีเวลาน้อยเพราะต้องไปทำอย่างอื่นต่อ ดังนั้นข้าจะให้โอกาสเจ้าสามครั้ง เพียงสามครั้งเท่านั้น ให้เจ้าเสนอราคามา หากมันเหมาะสมข้าจะตอบตกลง แต่หากไม่… ข้าก็จะไปที่อื่น”

ไม่เคยมีใครหน้าไหนกล้ากดดันชายหนุ่มทั้งยังหัวเราะใส่เขาเช่นนี้มาก่อน!

ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ซูหวานหว่านก็พูดแทรกขึ้นมาด้วยคำพูดน่าสนใจ “ข้ามั่นใจได้เลยว่าตอนนี้ยังไม่มีใครเคยได้ลิ้มลองสิ่งมหัศจรรย์จากภูเขาของข้า หากเจ้าตัดสินใจร่วมมือกับข้า เจ้าจะไม่เสียอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นข้าจะบอกสูตรลับที่สามารถปรุงให้อร่อยเหมือนกับที่ข้าให้แก่เจ้าอีกด้วย!”

ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าผู้หญิงธรรมดา ๆ คนนี้ถึงมีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย นางสมกับเป็นเจ้าของกิจการมากกว่าตัวเขาเองเสียอีก!

ก่อนที่ชายหนุ่มชุดขาวจะตัดสินใจ ก็มีเสียงดังลั่นมาจากตรงประตูซะก่อน

ผู้ดูแลเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับวิ่งหน้าตั้งเข้ามาความตื่นตระหนก

“แย่แล้วท่าน! แย่แล้ว! ลูกค้าของเราเป็นลมเพราะอาหารเป็นพิษ ขะ…ข้าถามแล้ว ผู้คนบอกว่าเพิ่งกินสิ่งมหัศจรรย์จากภูเขาของเด็กสาวนั่นเข้าไป”

ซูหวานหว่านได้ยินเช่นนั้นก็โกรธมากพร้อมกับตะโกนสวนออกมาทันที “โปรดระวังคำพูดของเจ้าด้วย!”

ที่ผู้ดูแลเพิ่งพูดมานั่นหมายความว่าอาหารที่ซูหวานหว่านนำมานั้นเป็นพิษ? ซึ่งนั่นเป็นไปไม่ได้! นางกินเห็ดพวกนี้มาตั้งนานนางยังไม่เห็นเป็นอะไรเลย มันจะมีพิษไปได้อย่างไร!

นี่มันจงใจกล่าวหากันชัด ๆ!