บทที่ 38 การพนัน

ดูเหมือนผู้ดูแลร้านจะทำเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่ซูหวานหว่านพูด และรีบหันไปพูดกับชายหนุ่มชุดสีขาวด้วยท่าทีตื่นตระหนก “คุณชาย! ข้างล่างวุ่นวายไปหมดแล้ว ทุกคนต่างถามหาแต่เด็กสาวผู้นี้ ข้าไม่รู้ว่าทำไม แต่ข้าคิดว่าเขาต้องการพบนางเพื่อเรียกร้องค่าชดใช้!”

“พูดพอหรือยัง?” ซูหวานหว่านกล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจ “เฮอะ! หากเจ้ากล้าใส่ร้ายข้า คอยดูเถอะข้าจะร้องเรียนเจ้า!”

ผู้ดูแลร้านเป็นผู้ที่ผ่านโลกมาไม่น้อย เมื่อได้ยินคำว่า ‘ร้องเรียน’ ของนางจึงตอบโต้มันออกมาอย่างไม่พอใจ “เจ้าหาว่าข้าใส่ร้ายเจ้างั้นหรือ? หากเป็นเช่นนั้นแล้วก็จงลงไปดูให้เห็นกับตาเสียเถอะ จะได้รู้ว่าสิ่งที่ข้าพูดมันจริงหรือไม่จริง!”

นางไม่มีทางเชื่อเขาแน่!

ซูหวานหว่านส่งสายตาไปยังชายหนุ่มชุดขาวและหวังว่าเขาคงจะเห็นด้วยกับนาง “ท่านเชื่อเขาหรือเปล่า?”

สีหน้าที่ลังเลปรากฏขึ้นบนใบหน้าหน้าของชายหนุ่ม อันที่จริงตัวเขาก็ไม่เคยเห็นอาหารชนิดนี้มาก่อน และสิ่งที่หญิงสาวนำมาก็ดูเหมือนกับเห็ดพิษ ที่รูปร่างหน้าตาน่าทานแต่กลับฆ่าผู้คนหากเผลอกินมันเข้าไป

หลังจากพิจารณาสีหน้าของชายหนุ่มอยู่ครู่หนึ่ง หญิงสาวก็เดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จึงได้โพล่งออกมาอย่างโมโห “คุณชาย ข้ามีเรื่องบางอย่างไม่น่าฟังจะพูดให้ท่านฟัง ผู้ดูแลร้านของท่านไม่ได้จัดการร้านให้ดีพอที่จะดึงดูดผู้คนเข้ามา ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดร้านอาหารแห่งนี้ถึงไม่ค่อยได้รับความนิยมทั้ง ๆ ที่รสชาติอาหารของที่นี่ดีมาก เสียดายฝีมือพ่อครัว!”

ผู้ดูแลร้านได้ยินดังนั้นก็โกรธมาก เขายกนิ้วชี้หน้าหญิงสาว “แม่นาง! เจ้ากล่าวหาว่าข้าผิดพลาดในหน้าที่อย่างงั้นหรือ? ชักจะมากเกินไปแล้วนะ!” จากนั้นเขาก็หันไปหาผู้เป็นเจ้านาย “คุณชาย ท่านไม่ควรซื้อขายกับนังผู้หญิงคนนี้! ยิ่งตอนนี้เห็นได้ชัดว่านางเป็นคนที่แย่แค่ไหน แล้วอาหารที่นางนำมายังมีพิษอีก! ทางที่ดีก็อย่าให้นางเข้ามาเหยียบร้านนี้อีกเลยจะดีกว่า!”

“…”

คำพูดของเขานั่นแหละที่เป็นพิษ… เขาจงใจใส่ร้ายนางชัด ๆ

ผู้ดูแลร้านที่เห็นว่าซูหวานหว่านนิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมาก็ยิ่งได้ใจ เขาปรบมือและพูดต่อ “คุณชาย ท่านดูสีหน้าของนางเถอะ แสดงว่าข้าพูดถูกสินะ เหอะ!”

ซูหวานหว่านมองหน้าผู้ดูแลร้านด้วยสีหน้าโกรธเคืองและพูดอะไรไม่ออกจนต้องเบือนหน้าหนีไป

จนสุดท้าย ชายหนุ่มชุดขาวก็ยืนขึ้นและพูดด้วยใบหน้าอันเรียบเฉย “แม่นาง ข้าว่าเราไม่มีอะไรให้คุยกันแล้ว”

หมายความว่าเขาเชื่อในสิ่งที่ผู้ดูแลร้านพูดงั้นหรือ?

สักพักนางก็หันมายิ้มให้เขา “คุณชาย พักเรื่องข้อตกลงเหล่านั้นไว้ก่อนเถอะ เรามาเดิมพันกันดีไหม?”

ชายหนุ่มไม่เก่งเรื่องการพนันและไม่ต้องการจะเดิมพัน ทว่าเมื่อหันกลับมามองใบหน้าที่ปิดความโกรธไว้ไม่มิดของซูหวานหว่าน เขาก็จำต้องพยักหน้ารับและตอบตกลง

“เดิมพัน… ด้วยอะไร?”

“เมื่อสักครู่ผู้ดูแลร้านของท่านกล่าวหาว่าอาหารของข้าเป็นพิษ งั้นเรามาเดิมพันกันดีกว่าว่าอาหารของข้าเป็นพิษจริงหรือไม่ ซึ่งการเดิมพันครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องการซื้อขาย เพราะอย่างไรเสียหากมันเป็นพิษจริง พวกเราก็ไม่สามารถนำมันมาปรุงอาหารได้อยู่แล้ว และข้าจะชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดและค่ารักษาให้กับคนที่กินอาหารของข้าเข้าไป รวมถึงจ่ายค่าเสียเวลาให้กับแขกทุกคนในร้านแห่งนี้ด้วย”

“หุบปากซะ!” ผู้ดูแลร้านพูดขัดขึ้นอย่างไร้มารยาท “คุณชาย ท่านอย่าไปฟังเรื่องไร้สาระที่นางพูด นางดูไม่เหมือนกับคนที่มีเงินเกิน 1 อีแปะด้วยซ้ำ!”

ซูหวานหว่านไม่สนใจในคำพูดของผู้ดูแลร้าน ทว่ากลับยิ้มเยาะก่อนจะพูดต่อ “หากว่าอาหารของข้าไม่เป็นพิษ ราคาต่อ 1 ชั่งมันจะกลายเป็น 100 อีแปะ! แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าข้าชนะเดิมพันนี้แน่ ๆ และก็ไม่ต้องตกใจไป ข้าจะมอบสูตรอาหารให้เจ้าด้วยราคาถูก ๆ ร้านของเจ้าจะได้เจริญรุ่งเรืองกว่านี้”

นางพูดด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ จนทำให้ผู้ดูแลร้านถึงกับหมั่นไส้และพูดออกไปอย่างไม่พอใจ

“อะไรนะ! 100 อีแปะเชียวเหรอ! เจ้าจะเหิมเกริมเกินไปแล้ว เนื้อหมูป่าดี ๆ ยังราคาไม่ถึง 30 อีแปะต่อ 1 ชั่งเลย!”

“อาหารของข้าดีกว่าเนื้อหมูป่านั่นเป็นไหน ๆ!” ซูหวานหว่านยืนขึ้นเถียงเสียงแข็ง นางจ้องมองไปยังผู้ดูแลร้านอย่างไม่ลดละ “เอาล่ะ ข้าขอเพิ่มเงื่อนไขอีกอย่างละกัน หากข้าชนะท่านต้องเปลี่ยนผู้ดูแลร้าน!”

นางบ้าไปแล้วจริง ๆ เขาไม่รู้หรอกนะว่าที่นางทำไปเป็นเพราะอยากเอาชนะหรือเพราะความไร้เดียงสา อย่างไรก็ตามจากสิ่งที่นางพูดมันทำให้เขาเกิดความรู้สึกอยากจะลงเดิมพัน เมื่อนั้นชายหนุ่มชุดขาวเขาจึงพยักหน้าตอบตกลงทันที “ก็ได้… ข้าตกลง”

“อะไรนะคุณชาย!” ผู้ดูแลร้านถึงกับตัวสั่นกลัวจนสีหน้าซีด คุณชายใช้เขาเดิมพันจริง ๆ งั้นหรือ แล้วหากแพ้ขึ้นมาตนเองจะทำอย่างไร!

“คุณชายฟังคำพูดไร้สาระของนางได้อย่างไรกัน!” ผู้ดูแลร้านโวยวายอย่างตื่นตระหนก

เขาลุกยืนขึ้นและเดินออกจากห้องไปพร้อมกับซูหวานหว่านโดยที่ไม่ได้สนใจสีหน้าซีดเซียวของผู้ดูแลร้านแต่อย่างใด ส่วนผู้ดูแลร้านที่เห็นก็ทำอะไรไม่ได้

ณ ด้านล่างของร้านอาหาร

“แม่นางคนนั้นอยู่ที่ใด เรียกนางออกมาเดี๋ยวนี้!”

“ใช่! เร็วเข้าพวกเรามีเรื่องต้องคุยกับนาง!”

“…”

ยังไม่ทันก้าวเท้าลงไปถึงชั้นล่าง เสียงอื้ออึงของลูกค้าภายในร้านที่เอาแต่ร้องเรียกหาซูหวานหว่านก็ดังขึ้นมาให้ได้ยิน ทำให้ผู้ดูแลร้านได้ใจและหัวเราะเยาะซูหวานหว่าน “คุณชาย! ดูสิอาหารของนางเป็นพิษต่อทุกคนที่กินมันเข้าไป นางจะต้องชดใช้ให้กับทุกคนเป็นแน่!”

“เจ้าแน่ใจงั้นหรือว่าข้าต้องเป็นคนชดใช้?” ซูหวานหว่านเหยียดยิ้ม

“มันแน่นอนอยู่แล้ว!” ผู้ดูแลร้านหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ทว่าซูหวานหว่านกลับมองว่านั่นแปลกประหลาดและน่าสงสารเสียเหลือเกิน ดูสิเขาทั้งแก่ แถมหูตาก็ไม่ค่อยจะดีอีก

ชายหนุ่มชุดขาวก็ยังคงไม่ได้สนใจพฤติกรรมของผู้ดูแลร้านและเดินนำซูหวานหว่านไปหาลูกค้าภายในร้าน พลันใดนั้นก็มีชายอ้วนพุงพลุ้ยคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาขวางหน้านางไว้พร้อมกับโวยวาย

”แม่นาง! นี่ท่านหายไปคุยกันนานเลย ท่านปล่อยให้พวกเรารอเสียตั้งนานรู้หรือไม่”

ผู้ดูแลร้านก็เหมือนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขาขมวดคิ้วจ้องเขม็งไปยังชายผู้นั้นพร้อมทั้งพูดขัดขึ้นมา “เจ้า! ไม่ใช่ว่าเจ้าโดนพิษเข้าไปอยู่ไม่ใช่หรือ? เมื่อครู่ข้ายังเห็นเจ้าฟุบลงกับโต๊ะแล้วยังบ่นปวดท้องอยู่เลย!”

เหตุเกิดจากชายผู้นี้เขาดูเหมือนจะมีอาการปวดท้องจากการกินอาหารของซูหวานหว่าน จนทำให้ผู้ดูแลร้านตัดสินใจวิ่งขึ้นไปบอกเรื่องนี้กับเจ้านายของเขาอย่างรวดเร็ว ทว่าดูท่าทางแล้วเขาไม่เหมือนคนที่ได้รับพิษ… มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ชายร่างอ้วนพุงพลุ้ย “เป็นเจ้าสิที่โดนพิษ เจ้าได้ยินเสียงข้าร้องเช่นนั้น ทำไมเจ้าไม่รีบไปบอกให้พ่อครัวรีบทำอาหารมาให้ข้าสักที! ข้าหิวจนปวดท้องไปหมดแล้ว!”

“พวกเราก็แค่หิวกันแค่นั้นเอง! เหตุใดท่านถึงไม่สนใจกัน ท่านไปทำอะไรอยู่!?”

ในอีกด้านหนึ่ง เด็กในร้านรีบวิ่งมาออกหน้าขอโทษกับทุกคนและรีบไปเร่งพ่อครัวให้ทำอาหารให้กับลูกค้า เช่นนั้นทำให้สีหน้าของลูกค้าภายในร้านดีขึ้น

ส่วนทางด้านซูหวานหว่านก็แอบกระซิบกับชายหนุ่มชุดขาวด้านข้างว่า

“หากเป็นไปได้ข้าว่าท่านน่าจะเปลี่ยนผู้ดูแลร้านเป็นเด็กในร้านคนนั้น เขาเป็นคนดีมาก”

ทว่าผู้ดูแลร้านที่อยู่ข้าง ๆ ก็ดันหูดีได้ยินในสิ่งที่ซูหวานหว่านพูด “เจ้าพูดอะไร! คิดว่าข้าฟังไม่รู้เรื่องหรือไง!”

ก่อนที่ผู้ดูแลร้านจะฟาดงวงฟาดงาไปมากกว่านี้ ชายหนุ่มชุดขาวก็พูดขัดขึ้นมาและมองไปที่เขาด้วยสายตาเย็นชา “รีบเก็บข้าวของของเจ้าแล้วไปเสีย ร้านอาหารแห่งนี้ไม่ต้อนรับคนแบบเจ้าอีกต่อไป”

“ทะ…ท่าน!” สีหน้าของผู้ดูแลร้านซีดเผือดด้วยความกลัว กำลังเปิดปากพูดอะไรบางอย่างออกมา ชายในชุดขาวก็ยกมือขึ้นแล้วกระตุกนิ้ว ทันใดนั้นชายฉกรรจ์สองคนก็เดินเข้ามาหิ้วปีกของอดีตผู้ดูแลร้านออกไปตามคำสั่ง

ซูหวานหว่านพยักหน้าอย่างชอบใจแล้วจึงหันไปยิ้มให้กับทุกคนที่อยู่รอบ ๆ อย่างเป็นมิตร จากนั้นซูหวานหว่านกับชายหนุ่มชุดขาวจึงกลับขึ้นไปคุยกันเรื่องข้อตกลงทางการค้าของทั้งคู่ต่อ ซึ่งชายหนุ่มได้รักษาสัญญาที่ได้ให้ไว้ต่อนาง ราคาของเห็ดคือ 100 อีแปะต่อเห็ด 1 ชั่ง ทำให้เด็กสาวพึงพอใจ และนางเองก็ทำตามที่บอกไว้

นางให้สูตรอาหารไปถึงสามสูตรด้วยกัน เมื่อชายหนุ่มรับไปเขาถึงกับต้องประหลาดใจ ตัวหนังสือที่ถูกเขียนเอาไว้นั้นไม่ได้ถูกเขียนด้วยพู่กันเหมือนปกติ แต่เหมือนกับถูกเขียนด้วยอะไรที่เรียวและเล็กกว่านั้น และเขาก็ต้องประหลาดใจยิ่งขึ้นไปอีกเมื่ออ่านสิ่งที่ถูกเขียนไว้

“แม่นาง… พริก พริกไทย กระเทียม ของพวกนี้มันคืออะไรกัน?”