ตอนที่ 219 ประสบการณ์การต่อสู้นองเลือด

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“โอ้!” ไป๋มู่เฟิงและองค์ชายใหญ่ต่างตกตะลึง พวกเขามองน่าหลานอวี้ด้วยความประหลาดใจ

องค์ชายใหญ่คิดในใจ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่ต้องแปลกใจแล้วว่าเหตุใดการที่เขาส่งสาวงามมาประจบสอพลอนายน้อยน่าหลานอย่างดี แต่สุดท้ายนายน้อยน่าหลานก็ไม่สนใจสตรีใดเลย ที่แท้นายน้อยน่าหลานผู้นี้นิยมชมชอบบุรุษด้วยกันเอง

เช่นนั้นครั้งต่อไปมอบเด็กหนุ่มรูปงามให้นายน้อยน่าหลานดีกว่า

เดิมทีมู่เฉียนซีก็ประหลาดใจ ที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่าน่าหลานอวี้ชอบแสดงท่าทีเป็นห่วงเป็นใยมู่ซี แต่ท่าทางของน่าหลานอวี้ที่มีต่อนางซึ่งเป็นสตรีนั้นแตกต่างกันอย่างมาก

สิ่งเดียวที่อธิบายได้ก็คือ น่าหลานอวี้เป็นพวกไม้ป่าเดียวกัน เขาคงเกิดมามิชอบสตรี ดังนั้น…

ใบหน้าของน่าหลานอวี้ทาบทาความโกรธเกรี้ยว “มู่เฉียนซี เจ้าอย่าพูดไร้สาระ!”

มู่เฉียนซียิ้มหยอกล้อก่อนจะกล่าวว่า “ได้ ข้าจะไม่พูดพล่อย ๆ พวกเจ้าก็เก็บความลับให้นายน้อยน่าหลานด้วยล่ะ”

จากนั้นมู่เฉียนซีกับไป๋มู่เฟิงจากไปอย่างรวดเร็ว น่าหลานอวี้อึ้งงันเล็กน้อย บางทีเขาคงต้องตรวจสอบใจตัวเองสักหน่อยแล้ว

มู่ซี… เด็กหนุ่มรูปงามราวกับปีศาจผู้นั้นทําให้เขาตรึงใจอย่างมาก ต่อให้ออกไปจากแคว้นจื่อเยี่ย เขาก็ยังมักจะคิดถึงมู่ซีอยู่ตลอด

เขาเคยแต่จะรอวันที่ได้พบกันอีกครั้ง ทว่าเมื่อมาทราบข่าวว่ามู่ซีมีความสัมพันธ์สนิทสนมกับผู้นำตระกูลมู่มากก็อดอิจฉาไม่ได้ ถึงกับมองผู้นำตระกูลมู่อย่างไม่พอใจ

เขารู้สึกไม่ดีเลย ทั้งสับสนมึนงงระคนแปลก ๆ อยู่ในใจ นี่มันคืออาการป่วยอย่างรักษาไม่ได้หรืออย่างไรกัน ?

ทันใดนั้นเอง เสียงองค์ชายใหญ่ตะโกนขึ้นปลุกเขาตื่นจากภวังค์ความคิด “นายน้อยน่าหลาน… นายน้อยน่าหลาน พวกเราเริ่มล่าสัตว์กันเถอะ”

น่าหลานอวี้ได้สติกลับมา กล่าวว่า “อืม ไปล่าสัตว์กัน”

เมื่อเห็นสัตว์วิญญาณอยู่ข้างหน้า ไป๋มู่เฟิงก็กล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “นั่น เจ้าตัวนั้นเป็นสัตว์วิญญาณระดับสาม เสือดาวเมฆา”

เสือดาวที่มีลวดลายเหมือนเมฆปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา รูปร่างของมันใหญ่มาก มู่เฉียนซีกล่าว “มันเป็นเพียงสัตว์วิญญาณระดับสาม  เร็วเข้า รีบลงมือเร็วเข้า!”

น่าหลานอวี้พยักหน้า “ได้”

— ฟึ่บ!  ฟึ่บ! —

ฉับพลันทันใดเงาร่างสองร่างพุ่งออกไป

กระบี่มังกรเพลิงของมู่เฉียนซีคํารามออกมา ขณะเดียวกันไป๋มู่เฟิงก็ดึงดาบยาวของเขาออกมา

— ฟึ่บ! —

เงาร่างสีม่วงพุ่งมา พลันกระบี่มังกรเพลิงกวัดแกว่งไปมาลงบนร่างของเสือดาวเมฆาตัวนี้

เลือดสด ๆ พุ่งออกมาด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!

เมื่อเห็นว่าคู่หูของมันถูกฆ่าโดยมนุษย์ผู้นี้ เสือดาวเมฆาอีกตัวก็พุ่งเข้าใส่มู่เฉียนซีอย่างบ้าคลั่ง

มู่เฉียนซีแค่นเสียงเย็นชาทันที “พวกเจ้าคิดจะจัดการข้า แค่ความแข็งแกร่งของพวกเจ้าคงไม่เพียงพอ รู้เอาไว้เสียด้วย!”

— ปัง!  ปัง!  ปัง! —

เมื่อกระบี่อีกหลายเล่มตกลงมา เสือดาวเมฆาทั้งหมดก็ถูกมู่เฉียนซีโจมตี

ในพริบตา มู่เฉียนซีนางจัดการเสือดาวเมฆาที่อยู่รอบ ๆ ได้ทั้งหมด ทว่าเวลานี้ไป๋มู่เฟิงยังคงต่อสู้กับเสือดาวเมฆาอยู่

ไป๋มู่เฟิงถูกโจมตีเข้าแล้ว  ผู้นำตระกูลมู่อายุน้อยกว่าเขาแท้ ๆ แต่นางแข็งแกร่งยิ่งนัก สมแล้วที่ได้กลายเป็นผู้นำตระกูลใหญ่  อันตัวเขานั้นยังไม่เอาไหน ยังต้องการให้ท่านปู่เข้าข้าง ยังทำให้ท่านปู่ทุกข์ใจ…

เขาจะต้องไม่เป็นเช่นนี้อีกต่อไป จะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้

พลังจอมภูตแผ่กระจายออกมา ไป๋มู่เฟิงใช้พลังทั้งหมดของตนเองกวัดแกว่งกระบี่ออกไป

— ฉึก! —

ในที่สุดเสือดาวเมฆาที่อยู่ตรงหน้าก็ถูกไป๋มู่เฟิงโจมตี

มู่เฉียนซีเดินไปข้าง ๆ เขาก่อนจะกล่าวว่า “กระบวนท่ากระบี่ไม่เลว แต่ประสบการณ์การต่อสู้ยังไม่ได้ หากเจ้าฆ่ามันอีกไม่กี่ครั้ง เจ้าจะชำนาญแน่นอน”

ไป๋มู่เฟิงพยักหน้า “อืม ข้าจะพยายาม”

— ปัง!  ปัง! —

จากนั้นในป่าล่าสัตว์ ไป๋มู่เฟิงเดินตามรอยเท้าของมู่เฉียนซีไป ฆ่าสังหารอย่างไม่หยุดยั้งจนประสบการณ์การต่อสู้ของเขาถือว่าเริ่มชํานาญมากขึ้น เรื่อย ๆ แล้ว แต่เมื่อเทียบกับมู่เฉียนซีก็ยังถือว่าห่างไกล การโจมตีในแบบของนางนั้นเสมือนนางมีพลังไร้ที่สิ้นสุด

มู่เฉียนซีกระซิบหวังกระตุ้นไป๋มู่เฟิงให้ตั้งใจมากขึ้น “หลังจากกินยาฟ้าดินซวนหวงไปสองเม็ดติดต่อกันแล้ว การฟื้นคืนความแข็งแกร่งของเจ้ายังช้าขนาดนี้เลยเชียวหรือ ?”

เวลานี้ความแข็งแกร่งของมู่เฉียนซีหยุดนิ่งอยู่ที่จุดสูงสุดของจอมภูตระดับเจ็ด และยังไม่สามารถทะลวงผ่านขึ้นไปได้ นี่เป็นผลข้างเคียงของความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของนาง

ส่วนไป๋มู่เฟิงที่ต่อสู้กันมาตลอดทาง พลังที่เพิ่มมากขึ้นจากสมุนไพรวิญญาณนั้น สุดท้ายมันก็มั่นคงขึ้นอย่างสมบูรณ์ ถือว่าวางรากฐานได้ดี!

ในตอนนั้นเอง เงาร่างหลายร่างก็พุ่งเข้ามาหาพวกเขา พวกเขายิ้มและกล่าวออกมาว่า “คุณชายน้อยไป๋มู่เฟิง เจ้ายังอยู่ดีอีกรึ ? เช่นนั้นก็พอดีเลย คุณชายใหญ่ของพวกข้ามีของขวัญให้พวกเจ้า เจ้าเตรียมตัวให้ดีเถอะ”

จากนั้นมู่เฉียนซีและไป๋มู่เฟิงก็ได้ยินเสียงสั่นสะเทือน มันเป็นตอนที่เสียงคํารามของสัตว์วิญญาณนับไม่ถ้วนดังระงม สัตว์วิญญาณกลุ่มหนึ่งที่อยู่ด้านหน้าน่ากลัวอย่างมาก สีหน้าของไป๋มู่เฟิงเปลี่ยนไปทันที เขากล่าวว่า “นั่น!  สัตว์วิญญาณ!  มีสัตว์วิญญาณมากมายขนาดนี้เลยรึ ?”

“เจ้าสารเลวเฮยอู๋ตี้! เจ้ากล้าดีอย่างไรมาวางแผนกับข้าเช่นนี้  ผู้นำตระกูลมู่ รีบหนีเร็วเข้า!”

ทว่ามู่เฉียนซีกลับไม่วิ่งหนีไป แววตานางฉายประกายกระหายการต่อสู้

ตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่นางได้ต่อสู้กับเสือดาวหิมะจากดินแดนลับของดินแดนหิมะ นางเข้าใจดีว่าการต่อสู้นั้นเป็นของจริง และครั้งนี้ มันน่าจะเป็นการต่อสู้ที่ท้าทายขีดจํากัด สามารถเพิ่มพลังการต่อสู้ของนางได้มากที่สุด

สัตว์วิญญาณเหล่านี้ระดับต่ำสุดคือสัตว์วิญญาณระดับสี่ และสัตว์วิญญาณระดับห้ามีหนึ่งหรือสองตัว  เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทําให้ชีวิตจอมภูตผู้หนึ่งต้องจบไปในป่าล่าสัตว์แห่งนี้

มันมากันหลายสิบตัว นั่นยิ่งอันตรายมาก!

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น ไม่มีความตระหนกเจืออยู่ในน้ำเสียงนางแม้แต่น้อย “ไป๋มู่เฟิง เจ้าหาที่หลบซ่อนตัวไว้ ข้าจะขวางทางพวกมันเอง”

“อู๋ตี้ เสี่ยวหง คุ้มกันข้าด้วย!”

“ขอรับนายท่าน”

ต่อมา สิ่งที่ทําให้ไป๋มู่เฟิงประหลาดใจคือมู่เฉียนซีหยุดสัตว์วิญญาณเหล่านี้ไว้ได้จริง ๆ

มู่เฉียนซีนางกวัดแกว่งกระบี่มังกรเพลิงออกไป ขณะเดียวกันเข็มยาก็พุ่งออกไป มู่เฉียนซีกําลังต่อสู้อย่างสุดชีวิต ทําให้ผู้คนที่มองยังมองตามไม่ทัน

การพยายามต่อสู้อย่างสุดความสามารถเท่านั้นถึงจะสามารถเป็นผู้แข็งแกร่งได้

ทว่าเวลานี้ไป๋มู่เฟิงซ่อนตัวอยู่ใต้การคุ้มครองของคนอื่น เขาจะแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไร

แม้ศัตรูจะแข็งแกร่งกว่าเขามาก แต่เขาก็ไม่สามารถหวาดกลัวได้ ไป๋มู่เฟิงดึงดาบยาวของตัวเองออกมาก่อนจะพูดว่า “ผู้นำตระกูลมู่ ข้าก็ต้องสู้ไปกับเจ้าด้วย!”

— ตูม!  ตูม! —

พวกเขาทั้งสองไม่รู้ว่าพวกเขาเฉียดผ่านความตายไปกี่ครั้งแล้ว การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด ทุกคนได้รับบาดเจ็บ โดยไป๋มู่เฟิงเป็นผู้ที่บาดเจ็บหนักที่สุด

ในตอนนั้นเอง มู่เฉียนซีก็ฟันกระบี่ลง “มังกรเพลิงสังหาร!”

— ตูม!  ตูม! —

มังกรยักษ์สีแดงเพลิงพุ่งเข้าใส่สัตว์วิญญาณเหล่านี้ เพียงชั่วอึดใจเดียว สัตว์วิญญาณเหล่านี้ทั้งหมดก็ล้มลงไป

มู่เฉียนซีเลียเลือดที่มุมปากก่อนจะกล่าวขึ้น “ในที่สุดข้าก็ก้าวข้ามระดับแปดแล้ว มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นถึงจะข้ามผ่านไปได้”

— ตึง! —

“อา…” เสียงครวญครางดังออกมาขณะที่ไป๋มู่เฟิงล้มลงกับพื้น

มู่เฉียนซีรีบหยิบเม็ดยาออกมาหลายเม็ดเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของเขา  นางทําให้เขารู้สึกตัว จากนั้นจึงยื่นยารักษาอาการบาดเจ็บหนึ่งขวดให้และกล่าวเชิงบังคับ “เอ้า นี่ เจ้าต้องกินมันให้หมด”

ไป๋มู่เฟิงขมวดคิ้วมองยานั้น “ยะ… ยาระดับสี่! ให้ข้ากินมันทั้งหมดนี่เลยรึ ?”

มู่เฉียนซี “ใช่ ข้าบอกให้เจ้ากินทั้งหมดเจ้าก็กินซะ ไม่อย่างนั้นการฟื้นฟูจะช้ามาก หากเจ้าไม่กินแล้วจะรีบฝึกการต่อสู้ได้อย่างไร ?”

ไป๋มู่เฟิงพยักหน้า “ได้ ข้าจะกิน”

เมื่อกินยาวิเศษระดับสี่ไปสิบกว่าเม็ด ไป๋มู่เฟิงก็แทบไม่อยากจะเชื่อในผลลัพธ์  เขาเคยได้ยินว่าตระกูลมู่ในแคว้นจื่อเยี่ยร่ำรวยมาก แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าผู้นำตระกูลมู่จะสามารถให้กินยาระดับสี่ปริมาณมากได้ตามใจชอบ

ไป๋มู่เฟิงถามขึ้นทันที “ผู้นําตระกูลมู่ ท่านมีความสัมพันธ์อะไรกับหมอปีศาจมู่ซีรึ ? พวกเจ้าทุกคนแซ่มู่ อีกทั้งวิธีการรักษาผู้คนก็ยังเหมือนกันอีก”

เขานึกฉงนสงสัยว่าพวกเขาเป็นพี่น้องฝาแฝดกันหรืออย่างไร แต่แม้ว่าทั้งสองจะดูแตกต่างราวกับไม่ใช่มนุษย์ ทว่าก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

มู่เฉียนซีกล่าวเสียงเรียบ “ข้ามีความสัมพันธ์อันดีกับเขา อะไรที่เขาสามารถทำได้ข้าก็ข้าทำได้  เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นเช่นนี้แหละ”

ขณะนั้นเอง มีเสียงคนผู้หนึ่งดังขึ้นมา เป็นเสียงกล่าวถามด้วยความตกใจ “เฮ้! พวกเจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่ ?”

.