ตอนที่ 221 ความในใจของน่าหลานอวี้

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

— ตูม!  ตูม!  ตูม! —

ร่างแต่ละร่างล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง

คนเหล่านี้บาดเจ็บสาหัสด้วยเพราะพิษที่เข้าสู่ร่างกาย ทำให้พวกเขาสูญเสียพลังในการต่อสู้ไปโดยสิ้นเชิง

น่าหลานอวี้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มุมปากกระตุก เดิมทีเขาคิดจะมาช่วยนาง แต่ดูแล้วเหมือนจะไร้ประโยชน์  ช่างเป็นสตรีที่แปลกประหลาดอย่างแท้จริง

มู่เฉียนซี “จะให้ข้าไว้ชีวิตพวกเจ้ารึ ? พวกเจ้าเป็นพวกทำผิดไม่คิดชีวิต หากวันนี้พลังของข้าไม่เพียงพอที่จะสู้รบปรบมือกับพวกเจ้า มีหวังข้าต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกเจ้าเป็นแน่”

ชาเทียนเห็นแววตาเย็นชาของนางคู่นั้นพลันตระหนกตกใจ ดูเหมือนว่าสตรีอายุน้อยผู้นี้ไม่ใช่คุณหนูลูกหลานตระกูลคนร่ำรวยธรรมดา ๆ เสียแล้ว

“หากพวกเจ้าไว้ชีวิตข้า ข้าจะบอกความลับกับพวกเจ้าอย่างหนึ่ง ในป่าแห่งนี้มีสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีอยู่ ที่พวกข้าเข้ามาในที่แห่งนี้และอยู่เฝ้านานถึงเพียงนี้ ก็เพื่อจะรอให้สมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีนั่นเติบโตอย่างเต็มที่”

ดวงตามู่เฉียนซีเปล่งประกายขึ้นทันที “สมุนไพรวิญญาณระดับปฐพี เจ้าแน่ใจรึ ?”

“ข้าแน่ใจ! ขอเพียงแค่เจ้าไว้ชีวิตข้ากับพวก ข้าจะพาเจ้าไปตรงที่มีสมุนไพรนั่นอยู่ทันที”

แสงประกายประหลาดวาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี “ตกลง ข้าวางยาพิษในร่างของพวกเจ้าอยู่ หากกล้าโกหกข้า เราจะได้เห็นดีกันแน่”

ชาเทียนได้ยินวาจาสตรีตรงหน้า พลันตกใจกลัวจนทั่วทั้งร่างสั่นเทิ้ม เขากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ต่อให้ข้าชอบโกหก แต่ข้าก็ไม่กล้าโกหกกับเจ้าหรอก”

น่าหลานอวี้ “มู่เฉียนซี เจ้าไม่กลัวพวกมันจะหลอกใช้เอารึ ?”

มู่เฉียนซีกล่าวพลางยืดอก “เหอะ! มียาพิษของข้าอยู่ หากพวกมันคิดจะหลอกใช้ข้า ทางเดียวคือตายอย่างอนาถ”

ชาเทียน “ที่นั่นมีสัตว์วิญญาณระดับสูงมากมาย พลังความแข็งแกร่งของเจ้าเพียงพอที่จะไปที่นั่นได้ เพียงแต่…”

มู่เฉียนซี “ไป๋มู่เฟิง เราได้สัตว์วิญญาณมาพอสมควรแล้ว หากเจ้าอยากจะได้อีกก็หาสัตว์วิญญาณระดับต่ำแล้วออกไปจากป่านี้ได้เลย ส่วนข้า หากข้าได้สมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีมา ข้าจะรีบตามออกไป”

“ตกลง” ไป๋มู่เฟิงพยักหน้าตอบรับ

หลังจากที่ไป๋มู่เฟิงจากไป มู่เฉียนซีกล่าวกับชาเทียน “เอาล่ะ ครานี้เจ้าพร้อมที่จะนำทางข้าหรือยัง ?”

ทันใดนั้นน่าหลานอวี้กล่าวแทรกขึ้นมา “ข้าไปด้วย ข้าไปด้วย!”

มู่เฉียนซีขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวว่า “เจ้าเกลียดชังข้าจะเป็นจะตายมิใช่รึ ? แล้วจะไปกับข้าทำไมกัน ? หรือว่าเจ้าสนใจสมุนไพรวิญญาณนั่นด้วย ?”

น่าหลานอวี้ “สมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีเป็นสิ่งหายากอย่างยิ่ง ต่อให้ข้าสนใจ ข้าก็ไม่อาจแย่งคนสองบุคลิกอย่างเจ้าได้ ข้าเพียงแค่กลัวเจ้าจะตายในป่านี้ต่างหากเล่า หรือจะให้มู่ซีมาเก็บศพเจ้าจากที่นี่ไป ?”

มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “นายน้อยน่าหลาน เจ้าเป็นคนหน้าเนื้อในเสือ เหตุใดถึงได้เปลี่ยนเป็นคนปากร้ายเช่นนี้เสียแล้วล่ะ ?”

น่าหลานอวี้รู้สึกอย่างไรนั้น เขาบอกตัวเองไม่ถูกเช่นกัน หลังจากที่ได้เจอกับมู่ซี เขาก็ไม่เป็นตัวของตัวเองอีกเลย เขากลับเป็นคนที่จริงจังมากกว่าปกติซึ่งก็ไม่รู้เช่นกันว่าเพราะเหตุอันใด

ทว่าเมื่อได้เจอกับสตรีผู้นี้ เขากลายเป็นคนที่ชอบเสแสร้ง ทั้งยังใจร้ายอย่างที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ บัดซบโดยแท้!

น่าหลานอวี้กล่าวขึ้นหลังจากที่เงียบไปพักใหญ่ “ก็ใครใช้ให้เจ้าเป็นคนที่ข้าเกลียดที่สุดกันเล่า ?”

มู่เฉียนซีส่ายหน้า นางได้แต่คิดว่ามีน่าหลานอวี้ติดตามไปด้วยก็ดี จะได้เพิ่มกำลังในการต่อสู้อีกหนึ่งแรง ครั้นแล้วชาเทียนก็นำทางทั้งสองเข้าไปในหุบเขา

หลังจากที่เข้ามาในหุบเขา ชาเทียนระมัดระวังตัวมากขึ้น

เมื่อกลิ่มหอมของยาพัดโชยลอยมา มู่เฉียนซีก็ได้เห็นต้นไม้ต้นสีแดงปรากฏอยู่ตรงหน้านาง บนต้นมีผลสีแดงที่เติบโตอยู่อย่างสวยสดงดงาม

แววตามู่เฉียนซีทอประกายความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “อา… นั่นสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพี แต่ว่า…”

นี่คือสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพี—ต้นอัคคีเพลิงสวรรค์ แต่สมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีชนิดนี้ไม่สามารถใช้ระงับพิษอย่างที่นางต้องการได้

ทว่าหากกินผลอัคคีเพลิงสวรรค์นี้เข้าไป จะทำให้ผู้ที่มีพลังต่ำกว่าระดับจักรพรรดิ สามารถทะลวงพลังเลื่อนขั้นจากขั้นเดิมได้หนึ่งระดับ  ดังนั้นสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีชนิดนี้จึงถือเป็นสมุนไพรวิญญาณที่ล้ำค่ามาก ไม่แปลกที่ผู้คนปรารถนาจะได้มันมาครอง

แต่ต่อให้มันจะช่วยให้อาการป่วยของท่านอาทุเลาลงหรือหายไปไม่ได้ มันก็เป็นถึงสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพี อย่างไรเสียสมุนไพรล้ำค่าเช่นนี้มู่เฉียนซีนางไม่พลาดอย่างแน่นอน

ขณะที่ร่างสีม่วงเข้าไปใกล้ต้นอัคคีเพลิงสวรรค์ ทันใดนั้นสิงโตอัคคีตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่หทายจะจู่โจมนาง

สัตว์ศักดิ์สิทธิ์!

สมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีต้นนี้มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองอยู่ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้ดูเหมือนจะเป็นเจ้าแห่งสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ พลังของมันแข็งแกร่งยิ่งนัก

มู่เฉียนซีรีบหลบการโจมตีนี้ นางหลบหลีกได้ทันจึงทำให้อุ้งเท้าที่ทรงพลังของสิงโตอัคคีประทับร่องรอยไว้ที่พื้นดินแทนที่จะเป็นร่างกายของนาง

“อู๋ตี้เสี่ยวหง เจ้าทั้งสองออกมา” มู่เฉียนซีตะโกนขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด

“อู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทานในใต้หล้า มาแล้ว!  เจ้าสิงโตหน้าโง่ กล้าทำร้ายนายท่านของข้ารึ ? ตาย!”

“คิดจะเล่นเปลวเพลิงกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างข้าน่ะหรือ ? เจ้าคิดผิดแล้ว ข้าจะสั่งสอนเจ้าประเดี๋ยวนี้!” เปลวเพลิงสีแดงเข้มพุ่งออกมา ฉับพลันทันใดเสี่ยวหงปรากฏตัวอย่างงดงาม

“เพลิงเผาสวรรค์!” เสี่ยวหงคำราม

— ตูม!  ตูม!  ตูม! —

กระบี่มังกรเพลิงถูกชักออกมา แน่นอนว่ามู่เฉียนซีไม่พลาดโอกาสการต่อสู้กับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้

ร่างของนางรวดเร็วราวภาพกะพริบที่ไปรวมตัวกับอู๋ตี้และเสี่ยวหง ทั้งสามลงมือสู้รบในทันที  ขณะเดียวกันน่าหลานอวี้ยืนดูการต่อสู้อย่างตื่นเต้นอยู่ข้าง ๆ ทว่าชาเทียนในเวลานี้ เขาเปล่งพลังอันโหดร้ายออกมาคิดจะฉวยโอกาสโจมตีมู่เฉียนซี

น่าหลานอวี้เห็นท่าไม่ดี เขารีบเข้าไปขวางหน้าชาเทียนเอาไว้

“พ่อหนุ่มน้อย รนหาที่ตายอีกคนรึ ?” ชาเทียนแค่นเสียงถาม

— ปัง! —

น่าหลานอวี้ถูกโจมตีจนร่างกระเด็นลอยไป มุมปากมีรอยเลือดเล็กน้อย

พลังระดับจักรพรรดิโจมตีพลังปรมาจารย์ภูต แน่นอนว่าส่งผลร้ายเป็นอย่างมาก

กลิ่นอายของเลือดทำให้ดวงตามู่เฉียนซีฉายแววอันตรายมากยิ่งขึ้น นางตะโกนสั่งเสียงดังลั่น “เสี่ยวหง อู๋ตี้ เจ้ารับมือกับสิงโตอัคคีนี่ไว้”

อึดใจต่อมาร่างสีม่วงกะพริบไปปรากฏอยู่ตรงหน้าชาเทียน นางตะโกนด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “ข้าเตือนเจ้าแล้วไม่ใช่รึว่าข้าวางยาพวกเจ้าเอาไว้ หากเจ้าคิดไม่ซื่อแล้วละก็ ข้าก็จะไม่เกรงใจเจ้า!”

ชาเทียนหัวเราะเสียงเย็นก่อนจะกล่าวว่า “ฮ่า ๆ ๆ สาวน้อย เจ้าหยุดขู่ให้ข้ากลัวได้แล้ว เพียงเท่านี้ข้าก็ตกใจมากพอแล้ว ข้าไม่รู้สึกว่าตัวข้าเองโดนวางยาเลยสักนิด อุบายกระจอก ๆ เพียงแค่นี้คิดว่าจะคุมข้าได้รึ ? ฝันไปเถอะ!”

เขารวบรวมพลังวิญญาณทั้งหมด ยกมือขึ้นพร้อมที่จะโจมตีมู่เฉียนซี

“รอให้ข้าฆ่าเจ้าได้สำเร็จก่อนเถอะ สมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีนั่นจะตกเป็นของข้า ต่อไปข้าก็จะไม่เกรงกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ!”

มู่เฉียนซีพ่นคำสามคำออกมาอย่างเกรี้ยวกราด “ฝันไปเถอะ!”

จากนั้นเส้นเลือดของชาเทียนกระตุกขึ้นอย่างรุนแรง เขาพยายามควบคุมพลังวิญญาณทั้งหมดแต่ก็ไม่สามารถทำได้ ต่อมาร่างของเขาแข็งทื่อราวกับหินก็มิปาน

“จะ… เจ้า…” ดวงตาของเขาเบิกกว้างจนแทบถลนออกมาพลางมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยความตกใจ นี่มัน…

ที่นางบอกว่าวางยาพิษไว้ มิใช่แค่ขู่!

มู่เฉียนซีแค่นเสียงเย็นชา “พิษของหมอปีศาจ หากวางแล้วทำให้เจ้ารู้สึกตัวได้ เช่นนั้นข้าก็ต้องเอาหน้ามุดแผ่นดินหนีแล้ว!”

มู่เฉียนซีปักเข็มยาเข้าไปในร่างของเขาอีกเข็ม “เหอะ! หากเจ้าคิดจะเล่นงานข้าอีก ก็เตรียมตัวใช้ชีวิตอยู่ในป่าราวกับแดนนรกนี้ได้เลย!”

“อ๊าก!” เสียงกรีดร้องเสียดแทงหัวใจดังสนั่นลั่นป่า

มู่เฉียนซีเดินไปข้าง ๆ น่าหลานอวี้ คนผู้นี้เป็นนายน้อยแห่งบ้านประมูลอันดับหนึ่ง บนร่างของเขาสวมเสื้อเกราะแพงลิบลิ่ว แน่นอนว่าชาเทียนไม่อาจฆ่าเขาให้ตายได้

หลังจากที่มู่เฉียนซีรักษาอาการบาดเจ็บให้เขา ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ข้าไม่เข้าใจเจ้าจริง ๆ นายน้อยน่าหลาน  เจ้าเกลียดชังข้ามากไม่ใช่รึ ?”

ถึงแม้จะเกลียดชังนาง แต่ก็ยังช่วยปกป้องนางอยู่ดี เพราะเหตุใดกัน ?!

น่าหลานอวี้มองสตรีชุดม่วงที่ยืนอยู่ตรงหน้า ปากก็กล่าวว่า “ใช่! ข้าเกลียดชังเจ้า หากเจ้าตายไปก็เท่ากับข้าหมดมารหัวใจข้าไปคนหนึ่งซึ่งมันดีต่อข้า แต่เหตุใดเวลาที่เกิดอันตรายขึ้นกับเจ้า ข้าควบคุมตัวเองไม่ได้ต้องไปช่วยเจ้า ?”

แววตาตกตะลึงปรากฏขึ้นในดวงตาของมู่เฉียนซี “มารหัวใจ ? อะไรคือมารหัวใจ ?”

น่าหลานอวี้กล่าวอย่างอิจฉา “เจ้าเป็นคนพิเศษของมู่ซี  มู่ซีชอบเจ้ามาก ส่วนข้าก็ชอบมู่ซีมากเหมือนกัน เช่นนี้แล้วเจ้าจะไม่ใช่มารหัวใจของข้าได้อย่างไรเล่า ?”

เขาเพียงแค่รู้สึกชอบมู่ซีผู้นั้นมาก แต่สิ่งที่บังเอิญนั่นก็คือผู้ที่เขาชอบเป็นบุรุษเหมือนกันกับเขา น่าหลานอวี้รู้สึกว่าตนเองไม่จำเป็นต้องปกปิดความรู้สึกนี้อีกต่อไป

เวลานี้มู่เฉียนซีตกใจราวกับฟ้าผ่าลงมา นางกล่าวถามอย่างตระหนก

“ว่าอย่างไรนะ ? เจ้าชอบมู่ซีอย่างนั้นรึ ?!”

.