เมื่อก่อนตระกูลเฉิงปฏิบัติต่อนางอย่างไร ตระกูลโจวปฏิบัติต่อนางอย่างไร และท่านชายโจวหกจะกระฟัดกระเฟียดอย่างไร… นายหญิงต่างไม่สนใจ
จะว่าไปท่านชายหวัง ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร
ปั้นฉินยิ้มอย่างกระดากอาย
บางทีคงไม่มีใครกล้าทำกับนางแบบนี้มานานแล้ว จู่ๆ มีคนประเภทนี้ขึ้นมา ก็ไม่คุ้นเคยเท่าใดนัก
“เจ้ารังเกียจและโกรธเคืองเขา นั่นเป็นเพราะเจ้าคาดหวัง” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย “คิดว่าเขาควรจะเป็นอย่างไร ไม่ควรทำอะไร แต่มีกฎเกณฑ์ของมนุษย์ข้อใดที่ทุกคนจะต้องเมตตาต่อเจ้า”
ปั้นฉินพยักหน้าอย่างเลื่อนลอย
นั่นสินะ นางแค่คิดว่าท่านชายหวังสิบเจ็ดควรทำตัวดีๆ ต่อนายหญิงมากกว่านี้หน่อย…แต่ทำไมต้องให้เขาทำตัวดีๆ ด้วยเล่า
ท่านชายหวังเป็นคนอื่นคนไกลสำหรับนายหญิง เป็นเพียงการหมั้นที่ยังไม่ได้ตกลงกันเท่านั้น เมื่อเทียบกับตระกูลโจวแล้ว เขาไม่ได้ติดหนี้ หรือทำอะไรไม่สมควรต่อพวกนาง…
“ในทางกลับกัน บนโลกใบนี้ความโหดร้ายของเขาเป็นสภาพปกติของเขา ดังนั้นคนอื่นคิดอยากจะปฏิบัติอย่างไรกับเจ้า ต้องทำตัวให้คุ้นชินไว้ คนอื่นจะชอบหรือไม่ชอบ ดีหรือไม่ดีต่อข้า เกี่ยวอะไรกัน” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย ก่อนจะหยิบหนังสือบนโต๊ะชาขึ้นมา “ไม่ได้ขัดขวางธุระกงการอะไรของตนเสียหน่อย”
หากขัดขวาง ก็อีกเรื่องหนึ่ง
ปั้นฉินพยักหน้าพลางยิ้ม
“นายหญิงเข้าใจโลกจริงๆ” นางเอ่ย
เฉิงเจียวเหนียงชะงักมือที่จับหนังสืออยู่
“อยากจะมองโลกให้เข้าใจ ต่างใช้เลือดและน้ำตาแลกมาทั้งนั้นกระมัง” นางพึมพำกับตัวเอง
แม้ตอนนี้ยังคิดไม่ออกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับตนเอง แต่ต้องไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่
ศพและสายเลือดที่เห็นในฝันเหล่านั้น…
ลืมไปได้ ก็ดี…
“นายหญิง ดื่มน้ำเถิด”
ปั้นฉินเอ่ย ก่อนจะยกแก้วน้ำให้ ขัดจังหวะการเหม่อลอยของนาง
เฉิงเจียวเหนียงรับมา ก่อนจะค่อยๆ ดื่ม
เดินมาไม่ไกล ก็ถึงหอพักม้าแล้ว
นี่เป็นหอพักม้าเล็กๆ เนื่องจากวันนี้ท้องฟ้าอืมครึม ฟ้าร้องไม่หยุด ทำให้หลายคนกลัวฝนตก จึงมาหยุดอยู่ที่นี่ ในยามนี้โรงเตี๊ยมเต็มไปด้วยผู้คนแน่นขนัด อย่าว่าแต่ห้องนอนเลย แม้แต่ที่ยืนในห้องโถงยังไม่มี
“พวกเรามีเงิน ให้พวกเขาออกมาจากห้อง…” ท่านชายหวังสิบเจ็ดเท้าเอวพลางเอ่ย ทำให้คนโดยรอบหันมามอง
บ่าวชราส่งสัญญาณให้เขาไม่ต้องเข้ามายุ่ง ก่อนที่ตนจะไปหาอี้เฉิง[1]ด้วยตัวเอง
แม้เงินจะมีประโยชน์ในจุดจอดพักแห่งนี้ ทว่าก็ไม่ได้มีประโยชน์มาที่สุด สิ่งที่ใช้ได้ผลมากที่สุด ณ ที่แห่งนี้คือพระราชโองการ หากมีพระราชโองการทว่าไม่มีเงินก็สามารถเข้าพักได้ บางครั้งมีเงิน ไม่มีพระราชโองการก็ไม่อาจเข้าพักห้องเดี่ยวได้ด้วยซ้ำ
ไม่นานบ่าวชราก็ก้มหน้าก้มตากลับมา
“มีห้องนอนรวมที่เขายอมให้ได้” เขาเอ่ย
ที่นอนรวมหรือ บ่าวใช้ของตระกูลหวังยังไม่นอน!
ท่านชายหวังสิบเจ็ดถลึงตามอง
“เช่นนั้นก็ไม่มีแล้ว นี่ต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อให้คนสิบคนยอมออกไปได้เชียวนะขอรับ” บ่าวชราเอ่ย
ในขณะที่ด้านนี้กำลังเถียงกันเอะอะ อีกด้านหนึ่งเฉิงเจียวเหนียงให้คนกางกระโจมด้านนอกหอพักม้าแล้ว ทำให้ท่านชายหวังสิบเจ็ดรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก ได้แต่ให้คนไปเก็บกวาดห้องนอนรวม
“ไม่ต้องกางแล้ว มีห้องให้นอน” เขาเดินเข้ามาเอ่ย
เฉิงเจียวเหนียงนั่งอยู่บนรถม้า มองปั้นฉินที่กำลังใช้เตาไฟ ไม่รู้ว่าทำอะไร มีกลิ่นหอมลอยมาตามลม
“ห้องประเภทนั้น ข้านอนไม่ได้” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย
ยังกล้ายั่วโมโหอีก! ท่านชายหวังสิบเจ็ดถลึงตามมอง
“มีห้องแต่นอนไม่ได้ แต่นอนในกระโจมกลางป่าได้อย่างนั้นหรือ” เขาถาม
“ก็ใช่น่ะสิ” เฉิงเจียวเหนียงพยักหน้า “กระโจมของข้าดีมากเลยนะ”
ท่านชายหวังสิบเจ็ดมองไปทางนั้น รถเฉิงเจียวเหนียงที่เขาเข้าใจว่าใส่ของพื้นเมืองจากเมืองหลวง ถูกเปิดออกโดยผู้ติดตามตระกูลโจว และเริ่มย้ายของออกมาทีละชิ้นสองชิ้น…
พรม โต๊ะชา โต๊ะข้างเตียง เตาไฟ โคมไฟ…
ยกเตียงเตี้ยๆ สี่ขาออกมา…
กระโจมหนึ่งหลัง…
โต๊ะกินข้าวหนึ่งตัว…
นี่ยังไม่หมด ยังยกม่านบังลมออกมาด้วย…
ม่านบังลม!
ล้อเล่นหรือเปล่า!
“เจ้าย้ายบ้านมาทั้งหลังเลยหรือ” เขาเบิกตาโพลง พลางตะโกน “หรือว่าเจ้าตัดสินใจจะนอนในป่าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
“ที่ไหนกันเล่า แค่ชินเท่านั้นเอง” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย
ชินเท่านั้นจริงๆ
อย่าว่าแต่ตอนนี้เลย คิดถึงตอนแรกที่นางโซซัดโซเซออกมาจากวัดเต๋าในปิ้งโจว ไม่มีเงินติดตัวแม้แต่แดงเดียว นายหญิงก็ไม่เคยยอมลำบากเรื่องการกินอยู่อีกเลย
เจอสถานการณ์เลวร้ายอย่างไร นายหญิงสามารถทนได้ ทว่ายามได้ดีแล้ว นางไม่เคยยอมคล้อยตามคนอื่น
“นายหญิง กินขนมก่อนเถิด” ปั้นฉินเอ่ย พลางประคองจานใบเล็กไปให้
ขนมทอดกรอบเหลืองทองบนจานขาวเครื่องเคลือบ ดึงดูดใจอย่างมาก
เฉิงเจียวเหนียงรับมา
“ข้าเหนื่อยแล้ว ต้องกินอะไรสักหน่อย ท่านชายโปรดอย่าถือสา” นางเอ่ย พร้อมกับคำนับเพื่อขอโทษ
ท่านชายหวังสิบเจ็ดร้องเฮอะ
จะกินแล้วยังแสร้งทำเป็นจริงจังเช่นนี้อีก!
“รอเดี๋ยว ให้พวกเขาไปเตรียมข้าว” เขาเอ่ย ก่อนจะหันกลับไป ก็ไม่ลืมที่บ่นพึมพำ “พาผู้หญิงออกมาด้วยวุ่นวายสิ้นดี!”
เห็นท่านชายหวังสิบเจ็ดเดินฉับๆ ออกไป พ่อบ้านเฉาที่ยืนอยู่อีกด้าน และไม่กล้าพูดอะไรมาตลอด ก็ด่าว่าไอ้โง่อย่างอดไม่ได้
“นายหญิง เราจะรอให้ท่านชายหวังจัดการหรือ…” เขาถามด้วยความเคารพ
“ครัวที่นี่ทำไม่ได้” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย
“เช่นนั้นข้าน้อยจะไปซื้อเนื้อและผักที่ห้องครัว” พ่อบ้านเฉาตอบทันที
เฉิงเจียวเหนียงพยักหน้า
พ่อบ้านเฉาสั่งให้ผู้ติดตามจุดไฟและฝังหม้อ แล้วรีบไล่ให้ผู้ติดตามสองสามคนนำเงินไปที่ห้องครัวหลังเรือน
อีกด้านท่านชายหวังสิบเจ็ดเข้าไปในห้องโถงและกระโดดออกมาในทันใด อย่าว่าแต่เข้าไปเฝ้าโต๊ะกินข้าวเลย แม้แต่จะยืนยังยืนไม่ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีผู้คนจำนวนมากกำลังรีบเดินทาง สตรี คนชรา คนพิการและเด็กนั่งยองๆ กระจัดกระจาย พลางส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์
ท่านชายหวังสิบเจ็ดยกมือปิดปากและถอยกลับอย่างช่วยไม่ได้
“ท่านชาย คนเยอะ หอพักม้าบอกว่าทำอาหารอย่างอื่นไม่ได้ มีแต่ขนมเปี๊ยนึ่งและผัดผัก” บ่าวชราเดินเข้ามาบอกเสียงเบา
นี่มันเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอย่างไม่ต้องสงสัย ระเบิดอารมณ์โมโหในทันใด
ที่นอนก็ไม่มี อาหารก็กินไม่มีให้กิน ขายหน้าต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นชัดๆ!
“ให้เงินพวกเขา ให้เงินพวกเขา…” เขาตะโกน พูดได้เพียงครึ่งเดียว ก็มีคนกระแอมอยู่ด้านหลัง
“ท่านชาย”
ท่านชายหวังสิบเจ็ดหันหน้า บ่าวชราก็หันไปมองเช่นหัน ไม่รู้ว่าตอนไหนที่ชายสี่ห้าคนมายืนอยู่ข้างหลัง ชายคนหนึ่งอายุประมาณสี่สิบปี ดูเป็นมิตรใจดี ในขณะที่อีกสี่คนต่างแต่งตัวเป็นทหารองครักษ์ ใบหน้าเปื้อนฝุ่นและพูดสำเนียงเมืองหลวง
“มีอะไร” ท่านชายหวังสิบเจ็ดถาม
“ได้ยินว่าพวกท่านมีห้องนอนรวมใช่ไหม” ชายผู้เป็นหัวหน้าถาม
“เงินเท่าไหร่ก็ไม่ให้!” ท่านชายหวังสิบเจ็ดปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ล้อเล่นหรือ คิดว่าเขาเป็นขอทานที่ไม่เคยเห็นเงินหรืออย่างไร
“พวกเรามีพระราชโองการ” ชายคนนั้นยิ้มพลางเอ่ย
พระราชโองการหรือ
ท่านชายหวังสิบเจ็ดไม่สนใจว่ามันคืออะไร โชคดีที่บ่าวชราห้ามปรามไม่ให้เขาถุยน้ำลายใส่หน้าของชายคนนั้นได้ทันเวลา
“ท่านขุนนาง ในเมื่อมีพระราชโองการ จะนอนห้องที่ดีกว่านี้ยังได้” บ่าวชราเอ่ยพลางยิ้ม “ไฉนจะต้องมาทำให้พวกเราลำบาก อยู่ต่างบ้านต่างเมืองล้วนไม่ง่ายกันทั้งนั้น”
ขณะที่เขาพูด ก็ยัดเงินจำนวนหนึ่งไปให้ชายคนนั้น
ชายคนนั้นยิ้มและผลักกลับ
“ท่านชายเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้” เขาเอ่ย
เช่นนั้นหมายความว่าอย่างไร
ท่านชายหวังสิบเจ็ดขมวดคิ้ว
“พวกเราเห็นว่าท่านชายเหมือนจะลำบากกับการกินอยู่ ดังนั้นจึงอยากร่วมมือกับทุกคนสักหน่อย” ชายหนุ่มยิ้มพลางเอ่ย
………………………………
[1] อี้เฉิง (驿丞) ขุนนางผู้ดูแลหอพักม้าประจำพื้นที่