ตอนที่ 583

Elixir Supplier

583 ถูกมนต์สะกดในเวลากลางคืน

 

เป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน?

 

เธอเดินต่อไปอีกสองสามก้าว และก็พบก้อนหินอีกก้อนอยู่ตรงหน้าเธอ หลังจากเดินผ่านหินก้อนนั้นไป เธอก็พบเข้ากับอีกก้อน

 

นี่มันแปลกเกินไปแล้ว!

 

เธอรู้สึกแปลกเล็กน้อย แต่เธอก็รู้สึกหงุดหงิดใจอย่างมากและเลือกที่จะเดินต่อไป แล้วก็มีก้อนหินอีกหลายๆก้อนขวางทางเธออยู่

 

เธอเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย เพราะจำได้ว่า พ่อของเธอเคยพูดเรื่องนี้มาก่อน เธอเริ่มรู้สึกกังวลและมีเหงื่อออก อยู่ๆเธอก็รู้สึกมึนศีรษะขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ เธอไม่รู้ว่า มันเป็นเพราะภาพลวงตาหรือว่าความกลัว

 

เธอรู้สึกเหมือนมีผีตนหนึ่งกำลังชนกำแพงอยู่ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเฉพาะตอนที่ตะวันกำลังจะตกดินไม่ใช่เหรอ?

 

เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและเห็นว่า พระอาทิตย์ยังคงส่องแสงสว่างอยู่ เธอตัดสินใจได้ว่า เธอต้องกลับ ยกเว้นก็แค่ เธอกลัวว่าเธอจะหาทางกลับไปไมได้

 

โชคยังดีที่เธอสามารถหาทางเดินกลับไปที่ตีนเขาได้ เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่เธอก็ยังรู้สึกกลัวไม่หาย เขาลูกนี้ทำให้เธอหวาดกลัว เธอหมดความอยากจะที่เดินดูรอบๆเขาไปนานแล้ว

 

สายลมเย็นพัดโดนตัวเธอ ทำให้ร่างกายของเธอสั่นสะท้านเพราะเหงื่อเย็นจากความกลัวที่ไหลออกมา เธอเริ่มก้าวเดินเร็วขึ้นและแทบจะกลายเป็นวิ่ง เพื่อกลับไปที่บ้าน

 

“เธอไปที่ไหนมา?” คนในบ้านต่างก็เป็นห่วงเธอ โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นสภาพในเวลานี้ของเธอ “ทำไมหน้าถึงได้ซีดแบบนี้ล่ะ?”

 

“ไม่มีอะไรๆ ฉันแค่รู้สึกไม่ค่อยสบายเท่านั้น” เธอพูด “ฉันอยากจะไปนอนสักหน่อย”

 

“อืม” พวกพี่ชายต่างก็เป็นห่วงเธอและรู้สึกกังวลเล็กน้อย

 

“ฉันรู้สึกหนาว หนาวมากเลย” เธอพูด

 

เธอนอนตัวสั่นเทาอยู่บนเตียงนอน

 

 

เฉินเจียกุ้ยนั่งอยู่ภายในลานบ้าน เขาถอดเสื้อนอกที่ใช้ใส่ในหน้าหนาวมาแล้วหลายครั้งออกและเหลือเพียงเสื้อตัวในตัวเดียวเท่านั้น แก้มของเขาแดงก่ำราวกับแสงอาทิตย์ที่ใกล้ตกดิน

 

“มันก็แค่เหล่าขวดเดียวเท่านั้นเอง” เขาสะอึก พร้อมกับกลิ่นเหล่าฟุ้งและโยนเม็ดถั่วใส่ปาก มันทั้งกรอบและรสชาติดี

 

“วันที่ 15 มกราในปฏิทิน เป็นวันที่หัวใจของสาวน้อยเต้นแรง!” เขาร่ำร้องไม่ได้ศัพท์ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอ

 

แคร๊ก! เขาโยนเม็ดถั่วใส่ปากไปอีกสองเม็ด

 

 

ท้องฟ้าเริ่มมืดลง หวังเย้าลงมาจากเขาและกลับไปที่บ้าน

 

“ลูกซื้อต้นไม้มาอีกแล้วเหรอ?” จางซิวหยิงถาม

 

“ครับ ผมซื้อมาเพิ่มบางส่วนน่ะครับ” หวังเย้าพูด “แล้วผมก็ปลูกเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย”

 

ครั้งก่อน พ่อแม่ของเขาเคยมาช่วยเขาปลูกต้นไม้ แต่ครั้งนี้ เขาไม่ได้บอกใครเลย ต้องขอบคุณแรงงานของหนึ่งคนและสุนัขอีกหนึ่งตัว ที่ทำให้ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว

 

หลังจบมื้อค่ำ หวังเย้าก็กลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน ลมเริ่มพัดแรงขึ้นและอากาศเริ่มเย็นลง

 

“อากาศจะเปลี่ยนแล้ว” หวังเย้าเงยหน้ามองท้องฟ้า

 

 

ภายในบ้านสองห้องขนาดเล็กหลังหนึ่ง มีเตียงคังที่ไม่รู้ว่าไม่ได้ทำความสะอาดมานานเท่าไหร่ตั้งอยู่ ผ้าห่มที่มีฝ้ายโผล่ออกมาตามรอยฉีก เปลือกถั่วที่กระจายอยู่ทั่ว ขวดเหล้าที่ถูกเปิดเอาไว้เลอะอยู่บนผ้าห่ม ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า

 

ชายคนหนึ่งกำลังนอนกรนอยู่บนเตียง ร่างกายท่อนบนของเขาเปลือยเปล่า เขาสวมกางเกงขายาวที่เต็มไปด้วยรูแค่ตัวเดียวเท่านั้น

 

ในฤดูกาลนี้ อากาศเวลากลางคืนยังคงหนาวอยู่เล็กน้อย และหนาวมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อต้องอยู่ภายในบ้านที่ทรุดโทรมและเต็มไปด้วยรูโหว่ที่ลมสามารถลอดผ่านมาได้ทุกช่องทาง ชายคนนี้กลับไม่ได้รู้สึกถึงความเย็นที่ลอดผ่านเข้ามาเลย เขายังคงนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง

 

แล้วอยู่ๆชายที่กำลังนอนหลับสนิทก็ผุดลุกขึ้นนั่ง แคร๊ก! แคร๊ก! มันเป็นเสียงที่คล้ายกับเสียงขบฟันกราม มีเสียงพ่นลมหายใจอยู่ในความมืด

 

แคร๊ก! ดูเหมือนมีบางอย่างกำลังบดเคี้ยวอยู่

 

เขาลุกขึ้นมาจากเตียงและเดินไปไม่กี่ก้าว จากนั้น เขาก็ยื่นมือออกไปจับบางอย่างเอาไว้ เขาหยิบมันขึ้นมาและยัดมันเข้าไปในปากของเขา เกิดเสียงดังแคร๊กๆในระหว่างที่เขาเดินออกไปด้านนอก

 

ประตูเปิดแง้มออกเล็กน้อย ปัง! ประตูถูกลมพัดเปิดออกอย่างรุนแรง ลมเย็นพัดเข้าหน้าและร่างกายของเขา แต่เฉินเจียกุ้ยกลับดูเหมือนจะไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด เขาเดินไปที่ลานบ้านและย่อตัวลงเพื่อหยิบของบางอย่างขึ้นมากิน เขาเริ่มเคี้ยวกระดูกแกะที่เขาทิ้งเอาไว้ในตอนเช้าดังกร๊วมๆ

 

กระดูกแข็งมาก แต่เขาก็ยังดึงดันที่จะขบเคี้ยวมันอยู่อย่างนั้น มันดูราวกับว่า เขากำลังถูกมนต์สะกดอยู่

 

เขานั่งอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง แล้วจากนั้นก็ลุกขึ้นยืน ภายในปากของเขาเต็มไปด้วยเลือด

 

แสงจันทร์ส่องลอดก้อนเมฆลงมาและปกคลุมใบหน้าของเขา

 

เขาหัวเราะออกมาและดูมีความสุขอย่างมาก จากนั้น เขาก็กลับเข้าไปในบ้านและตรงไปที่เตียงนอน แล้วเขาก็หลับไปอย่างรวดเร็ว

 

 

บนเนินเขาหนานชาน หวังเย้ามองดูดวงดาวบนท้องฟ้า เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อย ท้องฟ้าดูต่างไปจากเดิม เขาหันหน้าไปมองทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งอยู่ใกล้กับเนินเขามาก และคิดขึ้นมาในใจ พรุ่งนี้จะเป็นวันที่ดีอีกวันหนึ่ง

 

เช้าวันต่อมา แสงตะวันเริ่มสาดส่องลงมาจากท้องฟ้า และมอบความอบอุ่นให้กับผืนดิน

 

ภายในหมู่บ้านกลางเขา รถคันหนึ่งขับมาหยุดอยู่ตรงหน้าคลินิก ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่นั่งรออยู่ภายในรถจนเวลาเกือบจะถึง 9 โมงเช้า หวังเย้าก็เดินลงมาจากเขา

 

“สวัสดีครับ หมอหวัง” ชายหนุ่มพูด

 

การรักษาได้ผลดีอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเห็นได้จากคำเรียกที่ชายหนุ่มใช่เรียกหวังเย้า ถึงแม้ว่าพวกเขาจะดูอายุไม่ต่างกันมากก็ตามที

 

“สวัสดีครับ” ด้วยโรคประหลาดที่ชายหนุ่มเป็นอยู่ ทำให้หวังเย้าจำเขาได้ดี “ยาได้ผลดีไหมครับ?”

 

“ครับ มันได้ผล ผมไปตรวจที่โรงพยาบาลมาเมื่อวาน แล้วเนื้องอกในตัวผมก็หดเล็กลงไปถึงสองส่วนเลยล่ะ” ชายหนุ่มพูดอย่างมีความสุข “แล้วผมมีชื่อว่า กู่ชิวเฉิง ต้องขอบคุณคุณหมอมากเลยครับ”

 

“เข้ามาข้างในก่อนสิ แล้วค่อยคุยเรื่องนี้กัน” หวังเย้าพูด

 

เขาเปิดประตูคลินิกและเดินนำกู่ชิวเฉิงเข้าไปด้านใน

 

“มาครับ ผมขอตรวจดูหน่อย” หวังเย้านั่งลงและตรวจดูเขา เนื้องอกในตัวของชายหนุ่มหดเล็กลงจริงๆ “ผมจะจ่ายยาให้คุณอีกโดสหนึ่งนะครับ แล้วให้คุณกลับมาที่นี่พรุ่งนี้ เวลาเดิม”

 

“ได้ครับ” กู่ชิวเฉิงจากไปอย่างมีความสุข

 

 

เฉินเจียกุ้ยยังคงนอนหลับสนิทอยู่ แล้วอยู่ๆเขาก็ตื่นขึ้นมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย มันเป็นเหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ผิวหนังและชิ้นเนื้อรอบๆปากของเขาเต็มไปด้วยรอยแผล ฟันหลายซี่ปริแตก แต่เขากลับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด

 

มีแสงของความตื่นเต้นฉายผ่านดวงตาของเขา โอ้ อาห์!

 

เขาแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปาก ลิ้นของเขาชุ่มไปด้วยเลือด มีเศษกระดูกฝังติดอยู่กับลิ้น เขาลุกขึ้นมาจากเตียงและมองไปที่กระจก ก่อนที่เขาจะเดินออกไป

 

มันเป็นวันที่สดใสอีกวันของฤดูใบไม้ผลิ ต้นหลิวในหมู่บ้านเริ่มมีสีเขียวให้เห็น ความมีชีวิตชีวาได้ปรากฏขึ้นมาบนผืนดินอีกครั้งหนึ่ง อากาศเริ่มอุ่นขึ้น ดังนั้น จึงเป็นเรื่องปกติที่เด็กๆจะออกมาเล่นข้างนอกบ้าน

 

เด็กชายตัวน้อยกำลังเล่นลูกบอลอยู่ด้านนอก มีปู่ของเขาคอยเฝ้ามองอยู่ไม่ไกล ลูกบอลของเด็กชายกลิ้งออกไป เขาจึงวิ่งไล่ตามมันและเข้าไปยังถนนสายหนึ่ง

 

“ช้าหน่อย!” น้ำเสียงที่แก่ชราตะโกนตามหลังเขาไป

 

ลูกบอลกลิ้งไปหยุดที่เท้าของใครคนหนึ่ง

 

หืม? เด็กชายรู้สึกสงสัยเล็กน้อย คนคนนี้ไม่ใส่รองเท้า เท้าเปล่าของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลและมีเลือดไหลออกมา เขาเงยหน้าขึ้นมองดู และเห็นชายที่ท่อนบนเปลือยเปล่า เด็กชายเห็นสภาพปากของชายเขาและได้กรีดร้องออกมา

 

“ห่าวเจ๋อ เกิดอะไรขึ้น?” ชายชราได้ยินเสียงกรีดร้องและได้รีบร้อนตามมา เขาเห็นหลานชายที่รักของเขาถูกชายคนหนึ่งทุ้มลงไปที่พื้นอย่างแรง

 

“ช่วยด้วย!” ใบหน้าของชายชราซีดเซียว

 

ชาวบ้านที่อยู่ไม่ไกลได้ยินเสียงร้องก็รีบวิ่งออกมาจากบ้านของเขา “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

 

เขาเห็นห่าวเจ๋อร้องไห้อยู่ที่พื้นด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

 

“ใครมันทำเรื่องแบบนี้กัน?” เขารีบวิ่งกลับไปที่บ้านและหยิบเอามีดมาเล่มหนึ่ง ไม่นานเขาก็เห็นเฉินเจียกุ้ยที่อยู่ในสภาพเลวร้ายสุดๆ

 

อะไรน่ะ? เขามีอาการตกตะลึง “เฉินเจียกุ้ย แกอยากตายเหรอไง?”

 

“ห่าวเจ๋อ ห่าวเจ๋อเจ้บตรงไหนรึเปล่า?” ชายชรากอดเด็กชายที่เอาแต่ร้องไห้เอาไว้

 

พ่อของเด็กชายขว้างมีดเข้าใส่เฉินเจียกุ้ย มีดปักเข้าไปตรงไหล่ของเขา แต่เขากลับไม่กระโดดหลบหรือร้องด้วยความเจ็บปวดเลยสักนิด

 

เรื่องนี้ทำให้ชายที่ขว้างมีดออกไปตกใจอย่างมาก “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

 

เฉินเจียกุ้ยที่ยืนนิ่งอยู่นั้น อยู่ๆเขาก็เคลื่อนไหวและคว้าจับชายที่อยู่ตรงหน้าเขา จากนั้น เขาก็อ้าปากกัดไปที่ลำคอของชายคนนั้น

 

อ้าก! ชายคนนั้นใช้แรงทั้งหมดเพื่อที่จะหลุดออกไปจากเงื้อมมือของเฉินเจียกุ้ย แต่เขาก็ถูกกัดเข้าไปที่ลำคอแล้ว ชายที่บ้าคลั่งได้กัดเนื้อออกมาชิ้นหนึ่ง บาดแผลที่คอมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด

 

เฉินเจียกุ้ยเคี้ยวเนื้อสดๆของมนุษย์และกลืนมันลงไป

 

ชายที่ถูกกัดตัวสั่นสะท้าน เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!

 

“จูฉ่าย!” ชายชราที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดร้องตะโกนออกมา

 

หลานชายของเขาล้มและร้องไห้ไม่หยุด เขาก็ได้แต่หวังว่าเด็กชายจะไม่เจ็บที่ตรงไหน

 

ในเวลานี้เอง เฉินหยิงและเฉินโจวได้บังเอิญเดินผ่านมาพอดี

 

“พี่ ดูผู้ชายคนนั้นสิ!” เฉินโจวเห็นสภาพของเฉินเจียกุ้ย ที่ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าและใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด ได้ร้องตะโกนออกมา