“ทำไมจะไม่ใช่เธอ”อู๋ชิงหร่านโยนความผิดไปให้เจียงเสว่ยี๋ แล้วพูดอย่างกดดัน ว่า”นอกจากเธอแล้ว จะมีคนอื่นอีกหรอ”
“ฉันกับคุณซูไม่ได้มีความแค้นต่อกัน ทำไมจะต้องทำอย่างนั้นด้วย”เจียงเสว่ยี๋ที่ถูกอู๋ชิงหร่านกล่าวหา ก็โมโหแล้วย้อนถาม
“เพราะว่าเธออิจฉาริษยาคุณซู”อู๋ชิงหร่านพูดเสียงขรึม “เมื่อกี้ตอนที่ฉันกำลังเรียนกับคุณซูอยู่ เจียงเสว่ยี๋เธอก็พูดถากถางคุณซู และทุกคนต่างก็เห็น”
ทุกคนที่ได้ยินคำพูดของอู๋ชิงหร่าน ต่างก็พยักหน้า
ใช่แล้ว เจียงเสว่ยี๋เกลียดซูฉิง ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจน
และเรื่องที่เจียงเสว่ยี๋ชอบเฉินจุนเหยียน ก็ไม่ใช่ความลับอะไร
เฉินจุนเหยียนชอบซูฉิง ตอนนี้ล้วนรู้กันหมดแล้ว
พูดอย่างนี้ก็อาจจะเป็นไปได้จริงๆ
เจียงเสว่ยี๋อิจฉาซูฉิง ตั้งใจที่จะใช้อุปกรณ์ประกอบฉากเป็นเครื่องมือ ที่จะทำร้ายซูฉิง
ซูฉิงมองอู่ชิงหร่านนิ่งยามที่พูด พร้อมยกยิ้มแล้วพูดกับเฉินจุนเหยียน “แจ้งความเถอะ!”
“คุณซู ไม่ใช่ฉันจริงๆ นะ ฉันจะไปทำเรื่องอย่างนั้นได้ยังไง”เจียงเสว่ยี๋รีบพูดอธิบาย
ซูฉิงพยักหน้านิ่ง “ไม่ว่าใคร ฉันจะต้องสืบหาความจริงให้ได้ จะไม่ใส่ร้ายใคร และไม่ปล่อยคนที่ทำร้ายฉันไม่เลิกลอยนวลแน่!”
อู่ชิงหร่านเดินไปยืนข้างๆ พนักงานพร้อมกับส่งสายตา พนักงานคนนั้นก็รับรู้แล้วเดินเข้าไปหาซูฉิง
เธอมองซูฉิงอย่างระมัดระวัง “คุณซูคะ มีเรี่องหนึ่งที่ฉันไม่รู้ว่าควรจะพูดดีมั้ย………”
“เรื่องอะไร “แววตาของซูฉิงมองไปที่พนักงานคนนั้น
พนักงานคนนั้นมีชื่อว่าหวังลี่น่า รับเงินมาจากอู๋ชิงหร่าน หลังจากที่ได้รับการส่งซิกทางสายตาจากอู๋ชิงหร่าน ก็เอ่ยพูด “เมื่อกี้ตอนที่ฉันไปห้องเก็บอุปกรณ์เพื่อตรวจเช็กอุปกรณ์ ฉันก็เห็นคุณเจียงเธอเดินไปเปลี่ยนมีด”
“หรอ”ซูฉิงถามเสียงเรียบ
หวังลี่น่ายังไม่ทันได้พูด เจียงเสว่ยี๋ก็แสดงสีหน้าโกรธพร้อมพูดว่า”เธอพูดจาเหลวไหล! ฉันไปเปลี่ยนมีดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?!”
“ใช่แล้ว ไม่ใช่คุณเจียงแน่” ผู้จัดการของเจียงเสว่ยี๋อย่างหลินเมี่ยวหลินรีบก้าวเข้าพูด”ฉันอยู่กับคุณอู่ตลอด ฉันสามารถเป็นพยานได้ว่าเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณเจียงแน่”
เธอรู้จักเจียงเสว่ยยี๋ดี ถึงแม้เจียงเสว่ยี๋ปกติจะทำตัวสูงส่ง และก็ไม่ชอบซูฉิงจริง แต่ก็ไม่ทำเรื่องทำร้ายคนอื่นแน่
ไม่รู้ว่าอู๋ชิงหร่านทำไมถึงต้องใส่ร้ายเจียงเสว่ยี๋ด้วย
“ตอนนี้มีคนเห็นกับตายังไม่ถือว่าเป็นหลักฐานอีกหรอ”อู๋ชิงหร่านพูดเสียงนิ่ง
“ใช่แล้ว หลายวันก่อนคุณเจียงเธอยังพูดเองว่า ไม่พอใจคุณซู”หวังลี่น่ารีบพูดเสริม แล้วหยิบเอาโทรศัพท์ออกมา”วันนั้น ฉันบังเอิญบันทึกเสียงคุณเจียงไว้ พวกคุณฟังดูสิคะ”
หวังลี่น่าที่ทั้งพูดทั้งหยิบเอาโทรศัพท์ที่บันทึกเสียงไว้ออกมาเปิด
จากนั้นเสียงที่บันทึกไว้ก็ดังขึ้นซึ่งก็เป็นเสียงของเจียงเสว่ยี๋
“ซูฉิงยังผู้หญิงตีสองหน้า ความสัมพันธ์กับฮ่อหยุนเฉิงก็ยังคลุมเครือ อีกทั้งยังตั้งใจเข้าใกล้เฉินจุนเหยียนอีก ต้องมีสักวันหนึ่ง เธอคอยดูก็แล้วกัน!”
อู๋ชิงหร่านยกยิ้ม “ทุกคนได้ยินแล้วรึยัง เจียงเสว่ยี๋มีความแค้นกับคุณซู ดังนั้นในที่สุดวันนี้เธอก็ทนไม่ไหว ลงมือกับคุณซู!”
“เธอพูดเหลวไหล! ฉันไม่ได้ทำ!” เจียงเสว่ยี๋หน้าซีด หันหน้าไปมองหวังลี่น่าด้วยความโกรธ
เธอนึกถึงวันนั้น หวังลี่น่าตั้งใจมาพูดเรื่องไม่ดีของซูฉิงต่อหน้าเธอ แล้วทำให้เธอพูดคำพวกนั้นออกมา
เรื่องทั้งหมดล้วนเป็นกับดัก!
“เป็นเธอ เป็นเธอที่ทำร้ายฉัน!”เจียงเสว่ยี๋ที่เริ่มความคุมอารมณ์ไม่อยู่
ซูฉิงมองเจียงเสว่ยี๋ด้วยสายตานิ่ง แล้วก็หันไปมองหวังลี่น่า แล้วถามเสียงเย็นชาว่า”ในเมื่อเธอรู้แล้ว ทำไมเธอไม่พูดละ ทำไมถึงไม่ห้ามเธอล่ะ”
หวังลี่น่าอึ้ง จากนั้นก็รีบหลับสายตาพูด”ฉันก็แค่พนักงานตัวเล็กๆ เท่านั้น จะกล้าไปมีเรื่องกับคุณเจียงได้ยังไง”
“แล้วตอนนี้ละ ตอนนี้เธอกล้ามีเรื่องกับเธอแล้วงั้นหรอ”ซูฉิงกัดริมฝีปาก แล้วย้อนถามด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม
หวังลี่น่ากัดริมฝีปาก “เมื่อกี้ฉันเห็นคุณซูเกือบได้รับบาดเจ็บ ฉัน ฉันเลยเสียใจที่ตอนนั้นไม่ได้เล่าให้ฟัง ฉันก็มีส่วนผิด ดังนั้น ฉันเลยตัดสินใจว่าจะต้องพูดความจริงออกมา เพราะว่าฉันไม่อยากจะทรยศจิตใต้สำนึกที่ดีของตัวเองค่ะ ”
พอหวังลี่น่าพูดจบ พนักงานที่ดูแลเกี่ยวกับอุปกรณ์ประกอบฉากก็เดินเข้ามา
แล้วก็เขาก็คุกเข่าต่อหน้าซูฉิง “คุณซู ขอโทษด้วยครับ!”
ซูฉิงก้มมองเขา แล้วถามหน้าเรียบ”ทำไม นายลุกขึ้นมาพูด”
พนักงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบอุปกรณ์ประกอบฉากยังคงคุกเข่า พูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “คุณซู ที่จริงแล้วที่ตะขอสลิงของคุณหย่อน ไม่ใช่เรื่องอุบัติเหตุ แต่เป็น…..”
“เป็นอะไร”ซูฉิงมองเขานิ่ง
พนักงานที่รับผิดชอบอุปกรณ์ประกอบฉากยังอ้ำอึ้ง และเห็นอู๋ชิงหร่านที่ส่งสายตามาให้เขา ก็สูดลมหายใจเข้าแล้วก็ตัดสินใจพูดว่า”ที่จริงแล้ว เรื่องตะขอสลิง เป็นผมที่ตั้งใจหมุนไม่แน่นเอง”
พนักงานอุปกรณ์ประกอบฉากพูดออกมาอย่างนี้ ทุกคนต่างก็อึ้งตาค้าง
“นายทำแบบนี้ทำไม!”เฉินจุนเหยียนก้าวเข้าแล้วกระชากหน้าอกของคนรับผิดชอบอุปกรณ์ประกอบฉากแล้วถามเสียงขรึม
ครั้งนั้น ซูฉิงร่วงลงมาจากสลิง ถ้าหากว่าฮ่อหยุนเฉิงมาไม่ทันละก็ ซูฉิงจะต้องได้รับบาดเจ็บแน่
เรื่องนี้เฉินจุนเฉินก็กลุ้มมาตลอด ทุกครั้ง ฮ่อหยุนเฉิงมักจะเร็วกว่าเขาก้าวหนึ่งตลอดใจการปกป้องซูฉิง
เขานั้นคิดว่าเป็นเรื่องอุบัติเหตุมาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าจะมีคนไปทำอะไรกับสลิง
ความโกรธโมโหที่ผุดขั้นมาในหัวของเฉินจุนเหยียนยากที่จะบรรยายออกมาได้
“เป็น…..เป็นคุณเจียงที่เป็นคนบงการให้ผมทำ”พนักงานรับผิดชอบอุปกรณ์ประกอบฉากเงยหน้าขึ้นแล้วหันไปทางเจียงเสว่ยี๋ แล้วก็พูดอย่างระมัดระวัง
เจียงเสว่ยี๋อึ้ง พูดอย่างมีน้ำโห”นายพูดเหลวไหลอะไร! ฉันไปบงการนายตั้งแต่เมื่อไหร่”
ในหัวของเจียงเสว่ยี๋ตอนนี้มีแต่เสียงดังเปรี้ยง เธอไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น เธอจะไปทำอย่างนั้นทำไม!
คนพวกนี้ก็ไม่ได้มีเรื่องความแค้นกับเธอ แต่ทำไมถึงได้มาใส่ร้ายป้ายสีเธอละ?!
“คุณเจียง หลายวันมานี้ฉันคิดเรื่องมีจิตใต้สำนึกอยู่ นี่คือเช็กที่คุณให้กับผม ตอนนี้คืนให้คุณ”พนักงานรับผิดชอบอุปกรณ์ประกอบฉากที่ทั้งพูดทั้งล้วงเอาใบเช็กออกมาจากกระเป๋า แล้วยัดให้หน้าอกของเจียงเสว่ยี๋
“ขอโทษด้วย คุณซู เป็นผมที่มีจิตใจไม่ดี ละโมบโลภมากอยากได้เงิน ทำเรื่องที่ไม่ควรทำ ขอให้คุณยกโทษให้ผมด้วย!”พนักงานอุปกรณ์ประกอบฉากหันไปพูดขอโทษซูฉิง
“อีกอย่าง ครั้งนั้นเรื่องที่ม้าของคุณเกิดอุบัติเหตุ เรื่องนั้นก็ไม่ใช่อุบัติเหตุ “พนักงานอุปกรณ์ประกอบฉากพูดขึ้นอีก “ครั้งนั้น คุณเจียงก็บงการให้ผมเอาสารกระตุ้นให้ม้ากิน ดังนั้น…….”