ตอนที่ 257 เปิดเผยความจริง (๑)

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

สารกระตุ้น?
ทุกคนที่ได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งตกใจ
ที่แท้ม้าที่ซูฉิงขี่เกิดอาการคลั่งขึ้นมา ไม่ใช่เรื่องอุบัติเหตุ แต่ถูกคนเอาสารกระตุ้นให้ม้ากินงั้นหรอ?
เจียงเสว่ยี๋ที่ตอนนี้ในหัวมีแต่ความว่างเปล่า เธอไปบงการคนทำตั้งแต่เมื่อไหร่
“นายอย่ามาใส่ร้ายคนอื่นนะ ฉันไม่รู้จักนายด้วยซ้ำ!”เจียงเสว่ยี๋พูดเสียงสั่น
เธอไม่เข้าใจ ว่าหวังลี่น่ากับพนักงานอุปกรณ์ประกอบฉากทำไมถึงต้องใส่ร้ายเธอด้วย
เธอก็ไม่ได้ไปมีเรื่องกับสองคนนี้นี่!
“คุณเจียง นี่คือเช็กที่คุณให้ผมมา คุณยังจะบอกว่าไม่รู้จักผมอีกหรอ “พนักงานอุปกรณ์ประกอบฉากชี้ไปที่ใบเช็กที่มีการเซ็นชื่อของเจียงเสว่ยี๋็
ทันใดนั้นคำพูดแก้ตัวของเจียงเสว่ยี๋ตั้งหลายครั้งก็ไม่มีความหมาย
หลักฐานตั้งมากมาย ก็บ่งชัดว่าเป็นเจียงเสว่ยี๋เป็นคนบงการอยู่เบื้องหลังในการทำร้ายซูฉิง
ซูฉิงมองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยสีหน้านิ่งเฉย พร้อมกับยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
อู๋ชิงหร่านคนนี้เก่งใช่ย่อย สามารถใช้คนตั้งมากมายทำร้ายเธอได้แล้วยังใส่ร้ายเจียงเสว่ยี๋อีก
และเวลานี้เองตำรวจก็มาแล้ว
“คุณเฉิน ขอถามหน่อยไม่ทราบว่าคุณแจ้งความไปรึเปล่าครับ เกิดเรื่องอะไรขึ้น “หนึ่งในตำรวจนายหนึ่งถามเฉินจุนเหยียน
“คืออย่างนี้ครับ กองถ่ายของพวกเรามีคนตั้งใจก่อเหตุทำร้ายขึ้น”จากนั้นเฉินจุนเหยียนก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้นายตำรวจฟังหนึ่งรอบ
ตำรวจยังไม่ทันได้พูดอะไร อู๋ชิงหร่านก้าวเข้ามาแล้วแย่งพูดก่อน
“คุณตำรวจคะ คนที่คิดจะทำร้ายคุณูซูก็คือเจียงเสว่ยี๋ ตอนนี้มีคนสองคนที่เป็นพยานบุคคลว่าเป็นเธอ และยังมีหลักฐานทางวัตถุ พวกคุณเอาตัวเธอไปที่สถานีตำรวจเถอะค่ะ!”
เธออยากจะรีบแก้ไขเรื่องนี้ให้เสร็จโดยเร็ว อยากจะเอาความผิดทั้งหมดโยนให้กับเจียงเสว่ยี๋
ถ้าเป็นอย่างนี้ เธอก็จะปลอดภัยแล้ว
ครั้งนี้ ก็ไม่สามารถทำอะไรซูฉิงได้ เธอเลยต้องเอาตัวรอดแล้วถอยออกมาตั้งหลักก่อน จากนั้นค่อยคิดหาวิธีอีกที
“นี่ก็คือมีดเล่มนั้นมั้ย”นายตำรวจมองดาบที่อยู่บนพื้น
ซูฉิงก้าวเข้ามา “ใช่ค่ะ”
ตำรวจหันไปพูดกับตำรวจพิสูจน์หลักฐานที่มาด้วยว่า”เดี๋ยวต้องพิสูจน์ลายนิวมือสักหน่อย”
“รับทราบ”ตรวจพิสูจน์หลักฐานเอ่ยรับคำสั่ง แล้วคุกเข่าลง แล้วจับมีดขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
“คุณเฉิน คุณซู รบกวนพวกคุณมาให้ปากคำกับผมทางนี้ด้วย”คุณตำรวจเอ่ยพูด
“ได้ค่ะ”ซูฉิงพยักหน้า
พวกเขาได้มาเต็นท์พักที่อยู่ข้างๆ จากนั้นตำรวจก็ทำการสอบปากคำทุกคน
“เป็นเจียงเสว่ยี๋ให้ฉันทำค่ะ”หวังลี่น่ากับพนักงานรับผิดชอบอุปกรณ์ประกอบฉากพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นเจียงเสว่ยี๋
แต่เจียงเสว่ยี๋กลับยืนกรานปฏิเสธ “ฉันไม่เคยทำ วันนี้ตอนที่พัก ฉันก็อยู่กับหลินเมี่ยวหลินตลอด เธอเป็นพยานบุคคลให้ฉันได้”
“ใช่ค่ะ คุณตำรวจ ฉันสามารถเป็นพยานได้ ว่าคุณเจียงไม่ได้เป็นคนทำ”หลินเมี่ยวหลินรีบพูด
“คุณตำรวจคะ หลินเมี่ยวหลินเป็นผู้จัดการของเจียงเสว่ยี๋ คำพูดของเธอนั้นเชื่อถือไม่ได้ เจียงเสว่ยี๋เป็นคนใช้ให้ฉันทำจริงๆ ค่ะ”หวังลี่น่าพูดย้ำอีกครั้ง
พนักงานที่จดบันทึกก็ได้จดบันทึกไว้ แล้วพูดเสียงจริงจังว่า”พวกเราจะต้องสืบให้รู้แจ้งแน่”
ผ่านไปสักพักผลตรวจรอยนิ้วมือก็ออกมาแล้ว ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้มารายงานตำรวจที่ทำการสอบปากคำอยู่ “จากที่พวกเราได้ตรวจสอบ บนมีดนั้นมีเพียงรอยนิ้วมือของเจียงเสว่ยี๋คนเดียวครับ”
“มีเพียงรอยนิ้วมือของเจียงเสว่ยี๋คนเดียว งั้นจะต้องเป็นฝีมือเธอแน่!” อู๋ชิงหร่านรีบพูดไม่หยุด “อีกอย่างยังมีหลักฐานพยานบุคคล หลักฐานวัตถุ ทำให้เจียงเสว่ยี๋ดิ้นไม่หลุดแล้ว!”
“ไม่ ไม่ใช่ฉัน!”เจียงเสว่ยี๋พูดปฏิเสธไม่หยุด แล้วก็หันไปมองซูฉิงอย่างหมดหวัง “ซูฉิง ฉันไม่ได้ทำจริงๆ นะ!”
ซูฉิงตบเข้าที่ไหล่ของเจียงเสว่ยี๋ ยกยิ้มมุมปากขึ้นมา “เพราะว่าบนมีดมีแต่มีรอยนิ้วมือของเจียงเสวียี๋ งั้นก็แสดงว่าคนร้ายไม่ใช่เธอแน่”
อู่ชิงหร่านอ้ำอึ้ง “คุณซู คุณพูดอะไร ”
“ฉันบอกว่า คนที่อยู่เบื้องหลังบงการคนตั้งหลายคน คนที่สร้างสถานการณ์ทำร้ายฉัน ไม่ใช่เจียงเสว่ยี๋น่ะสิ”ซูฉิงพูดหน้าเรียบ
“จะเป็นไปได้ยังไง เมื่อกี้ตำรวจก็บอกแล้ว ว่าบนมีดมีแต่รอยนิ้วมือของเจียงเสว่ยี๋ ไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใคร “อู๋ชิงหร่านที่เริ่มอึกอักอยู่ในใจ รีบพูดใส่ร้ายเจียงเสว่ยี๋อีก
แล้วทำไมซูฉิงถึงพูดออกมาอย่างนี้
เธอไม่ใช่ว่าจะเจออะไรเข้าหรอกนะ
แววตาของอู๋ชิ่งหร่านเผยออกมาอย่างมีพิรุธ พร้อมกับสองมือกำหมัดแน่น
เธอแอบพูดปลอบใจตัวเอง เรื่องที่เธอทำทั้งหมดล้วนแนบเนียน ไม่ถูกซูฉิงจับได้แน่!
ซูฉิงก็แค่พูดข่ม เธอจะร้อนตัวไม่ได้
ซูฉิงชี้ไปที่มีดที่อยู่ในมือของตำรวจพิสูจน์หลักฐาน แล้วพูดเสียงเย็นชา “มีดเล่มนี้ ตอนที่เข้าฉากนั้น เป็นมีดที่เจียงเสว่ยี๋เป็นคนถือ เพราะว่าบนมีดมีรอยนิ้วมือของเจียงเสว่ยี๋ก็ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ว่า มีดเล่มนี้มีเพียงรอยนิ้วมือของเจียงเสว่ยี๋ ทุกคนไม่รู้สึกแปลกใจหรอ”
ทุกคนที่พอได้ยินคำพูดของซูฉิงต่างก็เหมือนจะคิดอะไรได้
เฉินจุนเหยียนหันไปมองซูฉิง”ซูฉิง ความหมายของเธอก็คือ…..”
ซูฉิงยกยิ้มกระหยิ่ม “มีดเล่มนี้ ไม่ว่าจะเอามาจากที่ไหน จากต้นตอการผลิตออกมาจนถึงมือคนซื้อมา และนำมาที่กองถ่าย มันจะต้องไม่ได้มีเพียงรอยนิ้วมือของเจียงเสว่ยี๋คนเดียวแน่ ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ว่าบนมีดนี้จะมีเพียงรอยนิ้วมือของเจียงเสว่ยี๋”
ซูฉิงหยุดพูด จากนั้นพูดต่อว่า”แต่ว่าตอนนี้ มันมีเพียงรอยนิ้วมือของเจียงเสว่ยี๋คนเดียว ทำไมล่ะ มีคำอธิบายได้เพียงอย่างเดียวก็คือ ตอนที่คนเปลี่ยนดาบ กลัวว่าจะทิ้งรอยนิ้วมือของตัวเองไว้ ดังนั้นเลยทำการลบรอยนิ้วมืออย่างสะอาด จากนั้นตอนที่เจียงเสว่ยี๋ต้องเข้าฉาก ก็ได้จับมีดเล่มนี้”
คำพูดอธิบายของซูฉิงทำให้ทุกคนเข้าใจได้อย่างถ่องแท้
คนที่อยู่รอบข้างต่างก็วิจารณ์ออกความคิดเห็นกันขึ้นมา:
“คุณซูพูดก็มีเหตุผล ดูท่าแล้วคนร้ายน่าจะเป็นคนอื่น ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่คิดร้ายต่อคุณซู”
“แต่ถ้าไม่ใช่เจียงเสว่ยี๋ แล้วทำไมพวกหวังลี่น่าถึงได้ยืนยันแน่ชัดว่าเป็นเจียงเสว่ยี๋ที่เป็นคนบงการล่ะ”
“อาจจะเป็นการใส่ร้ายหรอ”
“แล้วเป็นใครกัน แล้วทำแบบนี้ทำไม”
อู๋ชิงหร่านที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี
มีดเล่มนี้เธอได้ใช้ให้หวังลี่น่าถือโอกาสตอนที่คนไม่สนใจเปลี่ยนมีด แต่คิดไม่ถึงว่าวังลี่น่าจะโง่ขนาดนี้ ปล่อยช่องโหว่ใหญ่ขนาดนี้
“บางทีอาจจะเป็นเจียงเสว่ยี๋เองที่ร้อนตัวไปเอง แล้วลบรอยนิ้วมือมั้ย”อู๋ชิงหร่านกัดฟันพูด
วันนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เธอจะต้องให้เจียงเสว่ยี๋รับผิดแทนเธอเรื่องนี้ให้ได้
เจียงเสว่ยี๋มองอู๋ชิงหร่านอย่างโกรธโมโห “คุณอู๋ คุณหมายความว่ายังไง ทำไมคุณจะต้องเจาะจงมาที่ฉันตลอด”
“ฉันไม่ได้เจาะจงเธอ ฉันก็แค่พูดเรื่องจริงก็เท่านั้น”อู๋ชิงหร่านสูดลมหายใจเข้าปอดลึกแล้วทำเป็นพูดเสียงนิ่ง “เจียงเสว่ยี๋รีบๆ ยอมรับผิดไปเถอะ!”
“ความจริงงั้นหรอ”ซูฉิงหัวเราะเยาะ มองอู๋ชิงหร่านด้วยสายตานิ่งขรึม แล้วพูดเสียงเย็นเยือกว่า”ความจริงก็คือ คนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด สร้างสถานการณ์ทำร้ายฉันก็คือคุณ! อู๋ ชิง! หร่าน! “