บทที่ 304 จับมือฝ่าเมฆฝน (1)

กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ

ภายในห้องเงียบสงัด

จนกระทั่งได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอดังขึ้นด้านหลัง เจ้าอี่โหลวจึงค่อยๆ คลายมือของนางออก คิดไม่ถึงว่าทันทีที่หันไปก็พบกับดวงตาเปื้อนรอยยิ้มคู่หนึ่ง

ซ่งชูอีโน้มตัวเข้าใกล้เข้า “ไง ละอายใจรึ”

นางพูดพลางเอื้อมมือไปที่**ของเขา คว้าเจ้าสิ่งแข็งๆ นั้น “เจ้าเรียนรู้ที่จะโกหกแล้วรึ?”

หากตามปกติ เจ้าอี่โหลวก็เขินอายไปนานแล้ว ทว่าครั้งนี้เพียงมองนางเงียบๆ น้ำเสียงแหบแห้งเล็กน้อย “หวยจิน”

ซ่งชูอีจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีเข้มของเขา ดูเหมือนมีกองไฟอันร้อนแรงก่อตัวขึ้นด้านหลังสระน้ำเงียบสงบนั้น เสน่ห์ยั่วยวนนั้นดึงดูดให้ผู้คนต้องการเข้าไปสำรวจ ทันใดนั้นนางก็ทิ้งความขี้เล่นไป มองดูใบหน้าหล่อเหลาของเขาที่ใกล้เข้ามาทีละนิ้วๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรนางรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

ฝนหนักด้านนอกส่งเสียงซู่ซ่าๆ แสงเลือนรางของโคมไฟส่องเข้ามาตามรอยแตกของประตู มันวูบไหวพลันมืดพลันสว่าง

เจ้าอี่โหลวยกมือขึ้นปิดตาของนางเบาๆ จากนั้นก็จุมพิตริมฝีปากอันนุ่มนวลของนางอย่างละมุนละไม

จูบนั้นขาดความชำนาญ ระมัดระวังเสียจนให้สัมผัสแผ่วเบาราวขนนก อาการคันจักจี้แพร่กระจายไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ

ซ่งชูอีรู้สึกว่าความเสี่ยวซ่านี้แผ่ซ่านจากหัวใจไปที่ปลายนิ้ว ความรู้สึกอันแปลกประหลาดนี้ทำให้นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะทำตามเขาบ้างจึงจูบตอบแผ่วเบา

ทั้งสองคนเหมือนเด็กที่กำลังลิ้มรสความหอมหวาน ทดลองสิ่งแปลกใหม่ทีละน้อยๆ จนหัวใจรู้สึกร้อนรุ่ม

จูบของเจ้าอี่โหลวเริ่มจากมุมริมฝีปากไปจนถึงริมฝีปากของซ่งชูอี ไปยังแก้มและใบหู

ทันใดนั้นความรู้สึกเสียวซ่ารุนแรงห้อมล้อมตัวนาง เสียงครางเล็ดลอดออกมาจากปากและไรฟัน “อือ”

เจ้าอี่โหลวถูกกระตุ้น ยังคงจูบอยู่ที่ใบหูของนาง ลมหายใจร้อนๆ และริมฝีปากอ่อนนุ่มพรากความแข็งแกร่งออกไปจากตัวนางจนสิ้น

เจ้าอี่โหลวรู้สึกกระหายน้ำ ต้องการจะดื่มน้ำแต่ก็ไม่อยากลุกลงจากเตียง อดไม่ได้ที่จะแลบลิ้นเลียหูของนางเบาๆ

ซ่งชูอีตัวแข็งทื่อ เอ่ยเสียงสั่นเครือ “อี่โหลว…”

“อืม” บัดนี้ภายในร่างกายของเจ้าอี่โหลวดุจกองไฟที่กำลังเผาไหม้ ศีรษะหนักอึ้ง เพียงเอ่ยขอไปตามสิ่งที่สัญชาตญาณต้องการมากที่สุด “ชู่ว์…”

ลมหายใจร้อนๆ พ่นในอยู่หูของซ่งชูอี ราวกับจะจุดไฟนางทั้งตัว

“อย่าพูดอะไร” เดิมทีเสียงทุ้มต่ำของเจ้าอี่โหลวไร้ความแหบแห้งเจือปน มันทรงพลังและงดงาม ทว่าในเวลานี้กลับแหบแห้งเล็กน้อย อ่อนโยนและอบอุ่นราวกับน้ำร้อนในบ่อที่ลานด้านหลังที่โอบล้อมตัวอย่างช้าๆ

นางกำลังหลงระเริงไปกับมัน

จูบของเจ้าอี่โหลว ไล่จากหูของนางไปยังขากรรไกรไปยังคอและไปยังไหปลาร้า

วิสัยทัศน์ถูกบดบัง ประสาทสัมผัสทั่วร่างกายของซ่งชูอีไวกว่าปกติหลายเท่า ร่างกายของเจ้าอี่โหลวที่แข็งแรงและร้อนผ่าวทำให้มีชั้นเหงื่อบางๆ ซึมออกมาจากตัวของนาง

ซ่งชูอีดึงมือของเขาที่ปิดตาตัวเองออก ในน้ำเสียงเจือปนความแหบแห้งที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ “ให้ข้าได้มองเจ้า อี่โหลว ให้ข้าได้มองเจ้าหน่อย”

ฝ่ามือร้อนคลายออกช้าๆ ดวงหน้าหล่อเหลาปรากฏสู่สายตาของซ่งชูอีในแสงแรก แสงโคมไฟสีส้มอันอบอุ่นและแสงหิมะสีฟ้าที่ส่องผ่านหน้าต่างรวมตัวกลายเป็นแสงบางๆ ที่สะท้อนบนใบหน้าหยกนั้น ดวงตาของเขาสุกใสดุจดวงดาวแต่ก็เหมือนกับท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ล้ำลึกและไร้จุดสิ้นสุดเบื้องหลังดวงดารา ขนตายาวห้อยบังแววตาของเขาครึ่งหนึ่ง

มันช่างน่าหลงใหลเหลือเกิน

ซ่งชูอีได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นระรัวเหมือนกลอง นางชอบที่จะมองความงดงาม แต่ไม่เคยจินตนาการมาก่อนว่าจะถูกความงามทำให้หวั่นไหวเช่นตอนนี้

“อี่โหลว…”

เพิ่งจะเริ่มพูดก็ถูกเขากลืนกินทุกอย่างลงท้อง

จูบนี้แตกต่างจากเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง มันเหมือนกับพายุฝนอันบ้าคลั่งบนคลื่นทะเลปั่นป่วนที่สามารถทำให้ผู้คนจมน้ำตายในทันที

มือยาวเรียวที่เห็นข้อต่อได้อย่างชัดเจนของเจ้าอี่โหลวแก้สายรัดเอวของนางออก เลื่อนฝ่ามือเลื่อนขึ้นจากเอวบอบบางนั้น

ฝ่ามือหนาและหยาบกร้านของเขากระตุ้นให้นางสั่นสะท้าน ความรู้สึกปวกเปียกและเจ็บปวดทั่วร่างกายค่อยๆ มารวมตัวกันตรงกึ่งกลางขา นางรู้สึกว่าตนกำลังกระหายในบางสิ่ง นางกำลังกระหายสิ่งใดกัน?

นางไม่เข้าใจ อย่างไรก็ดีร่างกายของนางกลับแนบติดบนร่างของเขาก่อนด้วยความซื่อสัตย์ ริมฝีปากและลิ้นตอบสนองต่อจูบนี้ นางสอดลิ้นเข้าไปในปากของเขาเพื่อเสาะหาการปลอบประโลม

เจ้าอี่โหลวครางเบาๆ เสียงหนึ่ง พัวพันและเล่นกับเนางอย่างเป็นธรรมชาติ

ลักษณะของซ่งชูอีไม่ใคร่เหมือนผู้หญิงนัก แต่ในเวลานี้ผิวที่บอบบางเหมือนผ้าแพรไหมและอบอุ่นเหมือนหยกขาวซึมไปด้วยชั้นเหงื่อบางๆ ลื่นมือเป็นอย่างมาก

ฝ่ามือของเจ้าอี่โหลวขยับไปที่หน้าอกของนาง ปกคลุมบนเนินเขาที่อ่อนนุ่ม ใช้นิ้วเล่นกับมันเบาๆ รู้สึกว่าจุดนุ่มนวลเหมือนหน่อที่แตกใหม่นั้นค่อยๆ แข็งตัว

“อือ” ซ่งชูอีตัวแข็งทื่อพลางยกแขนขึ้นโอบรอบคอของเจ้าอี่โหลวแน่น

เจ้าอี่โหลวรู้สึกเพียงความร้อนทั่วร่างกายของเขาที่กำลังมุ่งหน้าไปยังที่แห่งเดียว มันเจ็บปวดเหมือนจะระเบิด ฝ่ามือของเขาขยับขึ้นจากหน้าอกของนาง เลื่อนไปเหนือสะบัก ถอดเสื้อผ้าที่ขวางทางออก

นางผอมมากจนสามารถถอดออกได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว

ผมสีดำที่กระจัดกระจายบนไหล่ไหลอยู่บนหลังมือดุจผ้าแพรไหมอ่อนนุ่ม เจ้าอี่โหลวก้มหน้ามองนางอย่างละเอียด หน้าตาธรรมดานั้นสว่างขึ้นเพราะใบหน้าที่แดงระเรื่อ ดวงตาคู่นั้นที่สงบไร้คลื่นอยู่เสมอบัดนี้กลับเริ่มสับสนเหมือนเด็กเพราะเขา นางงุนงงทำตัวไม่ถูก พฤติกรรมจึงตรงไปตรงมาเยี่ยงนี้

เขามองลงไป กระดูกไหปลาร้าบอบบางและชัดเจน เนินเขาเล็กๆ ที่ตั้งขึ้นเล็กน้อยบนเนินอกทั้งสองข้างเป็นสีชมพูอ่อนราวแกนอ่อนของดอกไม้ ดูน่าอร่อยเป็นอย่างมาก

ลำคอของเจ้าอี่โหลวขยับไหว ก้มหน้าไปหยุดมันไว้ ดูดเบาๆ และเลียช้าๆ สัมผัสอ่อนนุ่มนั้นทำให้เขาอดไม่ไหวที่จะดูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดูดเท่าไรก็ไม่พอ เขาแม้แต่ใช้ฟันขบมันเบาๆ เพื่อที่จะดูว่าสามารถหาน้ำหวานได้หรือไม่ แต่ก็กลัวว่าจะทำให้นางเจ็บจึงทำได้เพียงหยุดไว้เท่านั้น

“อี่โหลว อี่โหลว” น้ำเสียงของซ่งชูอีมีความสั่นเครือ รีบกอดศีรษะของเขาเอาไว้ ความรู้สึกแปลกใหม่นี้ทำให้นางอยากที่จะหลีกหนีแต่ก็อยากที่จะดำดิ่งลงไป ด้วยเหตุนี้ทั้งสองมือจึงคว้าผมของเขาไว้ ไม่รู้ว่าจะให้หยุดหรือว่าต้องการกระตุ้นให้เขาทำต่อ

เจ้าอี่โหลวเปลี่ยนข้าง มือของซ่งชูอีเลื่อนจากท้ายทอยเข้าไปในเสื้อผ้าของเขา ร่างกายที่ร้อนผ่าวนั้นแข็งเหมือนเหล็ก นางหดตัวและดึงมือออกมาเพื่อคลายสายรัดเอวของเขาออก เอ่ยกระซิบ “พวกเรามามีความสุขด้วยกัน”

เจ้าอี่โหลวกำลังทนต่อ** ขมับปูดขึ้น จิตใจสับสน ไม่เข้าใจว่านางกำลังพูดถึงอะไร ได้แต่ถอดเสื้อผ้าทำตามการกระทำของนาง

เสื้อผ้าไหมสีขาวขุ่นหลุดออกจากร่างมากองรวมกันที่หน้าขา เผยให้เห็นร่างกายที่แข็งแรง กล้ามเนื้อแขน หน้าอกและหน้าท้องของเขาปูดขึ้นเนื่องจากร่างกายหดเกร็ง เหงื่อที่รวมตัวกันเป็นหยดค่อยๆ ไหลลงตามแขนขายาวเรียวและลายกล้ามที่ชัดเจน

เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย เส้นผมกองอยู่บนหน้าอกของนางราวกับน้ำตก ใบหน้าที่หล่อเหลาอ่อนเยาว์นั้นงดงามยิ่งขึ้น ท่ามกลางแสงไฟอบอุ่นและเยือกเย็น

ซ่งชูอีราวกับไม่สามารถหายใจได้ รู้สึกว่าทุกอณูของเจ้าอี่โหลวล้วนน่าดึงดูด นางไม่รู้ว่าควรจะวางสายตาไว้ตรงไหนดี ในที่สุด ดวงตาก็ถูกเขาดึงดูดไปที่หน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลงเนื่องจากอาการหอบ เนินเชอร์รี่สีแดงทั้งสองนั้นชุ่มไปด้วยเหงื่อ นางเลียริมฝีปาก อ้าปากดูดมันด้วยสติที่เลื่อนลอย

เสียงครางแหบแห้งของเจ้าอี่โหลวที่ดังขึ้นกะทันหันปลุกเร้าความอยากรู้อยากเห็นและความใคร่ของนาง ยิ่งหยอกล้อกับจุดนั้นหนักขึ้น

ความสุขและความรู้สึกเหมือนคลื่นทะเลซัดสาดดึงให้เจ้าอี่โหลวจมดิ่งลงไป ทันใดนั้นเขาก็ฝ่าฝืนกฎ มือลูบคลำนางไปทั่ว บีบร่างกายส่วนล่างเข้าไปที่หว่างขาของนาง สิ่งที่เหมือนหัวแร้งถูไถเบาๆ เพื่อมองหาจุดที่สามารถปลอบประโลมมันได้