บทที่ 380

บทที่ 380

เฉิงจินสั่งให้ลูกน้องของเขาจัดการสอบสวนจ้าวหลิงทันที

เที่ยงวันต่อมา ถังหยินก็มาดูผลงานด้วยตัวเอง

สถานที่กักขังจ้าวหลิงคือโกดังขนาดใหญ่มีอยู่ใต้ดิน ซึ่งเคยใช้เป็นคุกและลานประหารของหน่วยลับมาก่อน และไม่ใช่แค่จ้าวหลิงที่ถูกขัง แต่มีพวกแม่ทัพเปิงมากมายที่อยู่ภายในนี้เพื่อรอรีดข้อมูลเกี่ยวกับซ่งเทียนอยู่ด้วย

เมื่อถังหยินมาถึง พวกเขาก็กำลังทรมาณจ้าวหลิงพอดี นางถูกมัดเปลือยติดกับเสา ผิวที่แห้งเต็มไปด้วยเลือด

เมื่อถังหยินมาถึง หน่วยลับก็หยุดการกระทำแล้วมาทำความเคารพถังหยิน

ถังหยินพยักหน้าให้แล้วมองจ้าวหลิงที่กำลังจะหมดสติ “นางว่าไงบ้าง ?”

เฉิงจินส่ายหัว “นางดื้อรั้นมาก นางยืนกรานว่าตัวเองคือจ้าวหลิงอยู่ตลอดเลย”

“ข้าไม่สนวิธีการ แต่เจ้าต้องได้คำตอบโดยเร็ว ไม่งั้นนางก็ต้องตาย”

“อย่ากังวลไปนายท่าน ข้าได้จัดการทรมานแบบใหม่แล้ว ต่อให้นางจะอยากตายแค่ไหนก็จะตายไม่ได้” เฉิงจินกล่าวอย่างมั่นใจ

ถังหยินเริ่มสนใจในสิ่งที่เฉิงจินพูดมา แล้วอยากเห็นมันด้วยตาตัวเอง เขาจึงหาเก้าอี้มานั่งดูมัน

เพราะถังหยินกำลังดูอยู่ พวกหน่วยลับจึงทำงานกันขันแข็งขึ้น และเมื่อเห็นว่าจ้าวหลิงสลบไปเพราะถูกแส้เฆี่ยน พวกเขาจึงเอาน้ำมาสาดใส่หัวให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่จะเฆี่ยนใหม่อีกรอบ แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังไม่พูดอะไรออกมาแล้วยังยืนกรานว่านางคือจ้าวหลิง

หน่วยลับไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเป็นหญิงหรือแม้แต่จะเป็นเด็ก พวกเขาเฆี่ยนแล้วเอาเหล็กร้อนทาบจนนางกรีดร้องออกมาและสลบไป ต่อให้พวกหน่วยลับจะเหนื่อย แต่พวกเขาก็เอาน้ำมาสาดเพื่อให้ตื่นอีกครั้ง

หลังจากการทรมานดำเนินต่อไปอีกหลายครั้ง จ้าวหลิงก็ยังไม่ยอมรับ ถังหยินเริ่มหมดความอดทนแล้วเดินออกไปข้างนอก เฉิงจินวิ่งมาหาเขาพร้อมกับของในถุงพอดี “ทุกอย่างพร้อมแล้วขอรับ !”

นี่คือสิ่งที่เขาบอกไว้หรือ ? ถังหยินคิดในใจแล้วมองเฉิงจินที่เปิดถุงเอาของออกมา “เฉิงจิน เจ้าคิดจะใช้สิ่งนี้จริงหรือ ?”

หัวหน้าหน่วยก้มหัวให้ “นายท่านอย่าได้ดูถูกผมสีน้ำตาลนี่เชียว ถ้าท่านใช้มันดี ๆ ต่อให้คนจะปากแข็งแค่ไหนก็พูดได้” เขาเรียกให้ลูกน้องมาเอาเส้นขนสีน้ำตาลเหล่านี้ไป “อย่าได้เบามือจนกว่านางจะยอมรับ !”

“ข้าน้อยรับทราบ” เขาเดินไปข้างหน้าจ้าวหลิงแล้วจับผมของนาง “เจ้าพยายามจะปลอมตัวเป็นจ้าวหลิงใช่ไหม ?”

“ไม่…” จ้าวหลิงเริ่มมาถึงขีดสุดของความอดทนแล้ว ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวจนแทบดูไม่ได้

พวกลูกน้องยิ้มออกมาแล้วเอาเส้นผมมาสอดเข้าไปในเล็บของนาง

จ้าวหลิงกรีดร้องออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจก่อนที่จะสลบไป

“ปลุกนางให้ตื่น !”

ถังน้ำถูกสาดออกไปอีกครั้ง ความเจ็บปวดทำให้จ้าวหลิงตื่นมาพร้อมกับอาการสั่นเทา

“เจ้าปลอมตัวเป็นจ้าวหลิงใช่ไหม ?”

“ไม่”

“ยอมรับมาดีกว่า !” พวกลูกน้องจับนิ้วของนางแล้วใส่ขนเข้าไปใต้เล็บอีกครั้งจนนางกรีดร้องออกมาแล้วสลบไปอีกครั้ง

หลังจากทรมานไปอีกหลายรอบ ถังหยินก็เริ่มหมดความอดทน “ไม่ว่าจะทำยังไงก็ห้ามให้นางตาย เข้าใจไหม ?”

“รับทราบนายท่าน”

จากนั้นถังหยินก็เดินออกไปนอกคุก

หลังเดินออกมาเขาก็สูดอากาศแล้วเดินไปยังห้องโถงใหญ่พร้อมกับเหลียงฉีที่เดินเข้ามาหาในจังหวะนั้นพอดี

“แม่ทัพเหลียงต้องการอะไรหรือ ?”

“นายท่าน ข้ามาเพื่อขอบคุณท่าน” เหลียงฉีมองถังหยินแล้วคุกเข่าให้

ถังหยินรู้ทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร จึงเข้าไปยกตัวอีกฝ่ายขึ้นมา “แม่ทัพเหลียงไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้”

“ตอนที่ข้าพาเจ้าเข้าร่วมกองทัพ ข้าก็ได้สัญญาแล้วว่าพวกเราจะไม่ทิ้งกัน พ่อของเจ้าก็คือพ่อของข้า แม้ว่าจะมีตำแหน่งต่างกัน ข้าก็ไม่อาจทนเห็นเขาถูกปลดได้หรอก”

เหลียงฉีก้มหัวให้ “ข้าน้อยให้สัญญาว่าการที่ท่านปกป้องตระกูลข้าในวันนี้ ข้าน้อยจะปกป้องท่านจนวันตาย”

คำพูดนี้ออกมาจากใจจริง ถังหยินเริ่มเหงื่อแตกออกมา เขาเริ่มคิดว่าคำพูดเมื่อครั้งอดีตของเหลียงฉีเป็นคำลวงหรือไม่ แต่ก็เลือกที่จะตบบ่าของเหลียงฉีแล้วพูด “เจ้าก็พูดเกินไป ข้าไม่ทิ้งเจ้าไว้ข้างหลังแน่ ในอนาคตพวกเราจะต้องยิ่งใหญ่ไปด้วยกัน”

เหลียงตื้นตันใจ ก่อนจะยืนเงียบอยู่แบบนั้น

ที่ถังหยินได้พูดกับเหลียงซิงไปเมื่อวาน แม้ว่าเหลียงซิงจะยังงุนงงอยู่แต่เขาก็ได้ใจเหลียงฉีไปแล้ว

เมื่อดูจากแนวโน้มในตอนนี้แล้ว ก็เป็นไปได้มากทีเดียวที่เหลียงฉี มูฉิง เปิงเฮาฉู และจี้อิง คนทั้งหมดนี้จะกลายเป็นสุดยอดแม่ทัพของแคว้นเฟิงในอนาคต !

ถังหยินและเหลียงฉีกลับมาที่ห้องโถงแล้วนั่งลง ก่อนที่ไม่นานนักชิวเจิ้นจะเดินเข้ามา

เขาเดินมาข้าง ๆ ถังหยินแล้วถาม “นายท่าน มีคนฝากมาบอกว่าพระสนมฮัวหลง ต้องการจะพบท่าน”

ถังหยินครุ่นคิดว่านางน่าจะมาทวงสัญญาจากเขาแน่ ๆ เขาจึงยิ้มแล้วพยักหน้า “เดี๋ยวข้าตามไป”

ชิวเจิ้นอ้าปากค้างแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

เหลียงฉีที่เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังยุ่งอยู่ก็ได้ลุกขึ้น “ในเมื่อนายท่านมีธุระอื่น งั้นข้าก็ขอตัวลา”

ถังหยินพยักหน้าให้ “ไปเถอะ”

“ขอให้ท่านโชคดี” เหลียงฉีประกบมือแล้วเดินจากไป

เมื่อเขาออกไปถังหยินก็มองชิวเจิ้น “เจ้ามีอะไรจะพูดก็พูดมา”

“ท่านกับฮัวหลงเป็นอะไรกัน ?” ชิวเจิ้นยังไม่รู้ว่าถังหยินได้สัญญาว่าจะให้ฮัวหลงเป็นนางสนมในอนาคต และสงสัยว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคืออันใดกัน

“ก็แค่ตัวหมากเท่านั้นแหละ” ถังหยินตอบกลับไป

“นายท่านต้องระวังนางเอาไว้ให้ดี ๆ แม้ว่าท่านจะเป็นขุนนางที่มากด้วยอำนาจ แต่พวกนางสนมไม่ใช่สิ่งที่ท่านจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยได้ ถ้าเลี่ยงได้ก็ให้เลี่ยงเถิด ไม่งั้นท่านจะต้องเป็นที่โจษจันไปทั่วแน่” ชิวเจิ้นแนะนำ

คำพูดของชิวเจิ้นมีเหตุผลมาก เพราะถ้าเรื่องที่ถังหยินมีความสัมพันธ์กับพวกนางสนมของท่านอ๋องคนก่อนแพร่ออกไป มันก็จะยิ่งทำให้เขาตกที่นั่งลำบาก

ถังหยินโบกมือ “อย่ากังวลน่า ข้ารู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่”

“นายท่านนั้นชาญฉลาดอยู่แล้วข้อนั้นข้ารู้ดี แต่ข้าก็ต้องขอเตือนไว้หน่อย ว่าท่านเองก็ต้องเข้าใจว่ามีบางสิ่งที่ท่านไม่อาจควบคุมได้อยู่” ชิวเจิ้นแนะนำแบบอ้อม ๆ

ถังหยินหัวเราะและไม่ได้พูดอะไรต่อ

เขาเดินทางไปยังวังหลวงต่อด้วยการเดินเท้า

สิ่งที่ชิวเจิ้นแนะนำมามันมีเหตุผลอยู่ ไม่ว่าเขาจะตกลงอะไรกับฮัวหลง มันก็ควรจะมีขอบเขตอยู่บ้าง ซึ่งในระหว่างทางนั้น ถังหยินก็ได้เลือกที่จะอ้อมเข้าทางข้างหลังและไปทางประตูทางเหนือแทน

ณ ตำหนักของฮัวหลง

เมื่อถังหยินมาถึง ฮัวหลงก็กำลังอาบน้ำอยู่ กลิ่นกายของนางอบอวลไปทั่วห้องบวกกับร่างกายอันแสนเย้ายวน

เมื่อถังหยินรู้แบบนั้น ชายหนุ่มก็ต้องยอมรับเลยว่าฮัวหลงสามารถรับมือพวกผู้ชายได้ดีมาก ด้วยนางรู้ว่าต้องใช้กลยุทธ์ไหนเพื่อให้ชายใดยอมอ่อนข้อให้กับนาง ทำให้นางนั้นเหนือกว่าฟานหมินและอู่เหมยเสียอีก !