บทที่ 381

บทที่ 381

ฮัวหลงยิ้มแล้วเดินมาหาถังหยิน “ท่านถังพอใจกับผลงานของข้าในวันนี้หรือไม่ ?”

ถังหยินมองตานางแล้วพยักหน้าให้ “ทุกอย่างในวันนี้ต้องขอบคุณท่านจริง ๆ”

“ท่านจะเรียกข้าว่า เฉียนหยี ก็ได้ หยวนเฉียนหยี” ฮัวหลงนั่งลง

“ข้าจะจำนามนั่นไว้” ถังหยินพยักหน้าอีกครั้ง

“แต่ข้าไม่เข้าใจหนึ่งอย่าง ว่าทำไมท่านถึงได้ช่วยเหลียงซิงในวันนี้ ทั้ง ๆ ที่ข้าจะใช้เรื่องจ้าวหลิงในการปลดเขาออกจากตำแหน่งแล้วแท้ ๆ” เฉียนหยีมองเขาด้วยความสงสัย

ถังหยินยักไหล่ให้ “แม้ว่าเขาจะเป็นศัตรูกับข้า แต่ก็ยังมีประโยชน์อยู่”

เฉียนหยีไม่เข้าใจ แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะบอก นางก็ไม่คิดจะเซ้าซี้ให้มากความ

นางหัวเราะออกมา “จ้าวหลิงเป็นตัวปลอม และท่านเองก็เป็นคนบอกเองว่าไม่มีสายเลือดตระกูลจ้าวเหลืออยู่อีกแล้ว ดังนั้นท่านจะได้ขึ้นเป็นอ๋องเมื่อใดกัน ?” เฉียนหยีอยากรู้ว่านางจะได้เป็นภรรยาของเขาเมื่อไหร่เท่านั้น แต่นางก็รู้ดีว่าหากถามออกไปตรง ๆ ถังหยินจะต้องรังเกียจแน่ ดังนั้นจึงได้เอ่ยถามออกไปเช่นนั้น

ถังหยินครุ่นคิดก่อนตอบ “วันที่ข้าตัดหัวซ่งเทียนได้ วันนั้นข้าจะเรียกตัวเองว่าอ๋อง”

เฉียนหยีมองเขาให้ลึกยิ่งขึ้น “ท่านไม่กลัวปัญหาบ้างหรือ ?”

ถังหยินหัวเราะแล้วมองหน้านาง “ไม่มีปัญหาอะไรหรอก อย่างน้อยก็ภายในช่วง 3 เดือนนี้”

เฉียนหยีพูดไม่ออก เพราะตอนนี้ซ่งเทียนซ่อนตัวอยู่ที่เมืองหวัง ที่ต่อให้ใกล้กันมากแต่ก็มีการป้องกันที่แข็งแกร่ง ยิ่งได้พวกหนิงที่เก่งด้านธนูมาด้วย จึงทำให้ไม่อาจเข้าตีได้โดยง่าย

นางไม่รู้ว่าถังหยินไปเอาความมั่นใจแบบนี้มาจากไหน

ก่อนที่จะได้ถกเถียงกันเรื่องนี้ เฉียนหยีก็พลันเปลี่ยนหัวข้อไป “ใช่แล้ว มีบางอย่างที่ข้าต้องเตือนท่าน” นางโบกมือเรียกถังหยินให้เข้ามา

ชายหนุ่มเดินเข้าไปแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างตัวนาง “อะไรเล่า ?”

หญิงสาวเอื้อมมือไปจับแขนของเขา นิ้วเรียวงามลูบไล้ไปตามอกของชายหนุ่ม “ท่านต้องไม่ปล่อยเรื่องของจ้าวหลิงออกไปเด็ดขาด มิฉะนั้นแล้ว !” ใบหน้าของนางแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวทันที

ถังหยินรู้ดีเรื่องนี้อยู่แล้ว เขาจับมือของนางเอาไว้แล้วพูด “ตราบเท่าที่ข้ายังคงสอบสวนนางอยู่ ก็จะไม่ให้ใครรู้เรื่องใดทั้งสิ้น และเมื่องานนี้จบเมื่อไหร่ ชีวิตของนางก็จะจบลงไปเมื่อนั้น”

“มันยังไม่พอ !” เฉียนหยีกอดถังหยินแล้วกระซิบบอก “พวกนางสนมนั่นด้วย แม้ว่าพวกนางจะสัญญากับข้าว่าจะไม่ให้เรื่องนี้รั่วไหลออกไป แต่ท่านคิดหรือว่าจะเป็นแบบนั้น ?”

นี่คือเรื่องที่ถังหยินคาดไม่ถึง ถูกต้องแล้ว ถ้าหากเรื่องนี้รั่วไหลออกไปยังไงเขาก็ต้องเสียชื่อเสียงแน่นอน ชายหนุ่มมองหน้าเฉียนหยีแล้วดึงตัวนางมาข้างหน้า ก่อนที่จะซุกใบหน้าของตนลงไปที่ต้นคอนาง “ถ้างั้นเจ้าต้องการสิ่งใด ?”

เฉียนหยีหอบหายใจแรงออกมา “มีแค่คนตายเท่านั้นจะเก็บความลับได้ตลอดกาล”

“เจ้าอยากให้พวกนางตายงั้นหรือ ?”

“ท่านก็ต้องทำอยู่แล้วนี่ ? ในอนาคตท่านก็ต้องขึ้นเป็นอ๋องอยู่แล้ว ดังนั้นเหตุจึงต้องไว้ชีวิตนางสนมพวกนั้นกัน ? ท่านก็แค่ใช้ข้ออ้างพวกนี้ส่งพวกนางออกไปข้างนอกให้เป็นอาหารพวกโจรเสียเลย เพื่อตัดปัญหา”

ถังหยินที่ใบหน้าซุกอยู่ที่หน้าอกของนางเงยหน้าขึ้นมอง “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้มีคำกล่าวว่า สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลกคือจิตใจของสตรี”

ชายหนุ่มยิ้มออกมาทันที “ดูเหมือนว่าถ้าข้าได้เจ้าเป็นภรรยา นอกจากจะทำให้ข้าได้สาวงามแล้ว ยังทำให้ข้าได้มันสมองที่ดีด้วยสินะ”

ถังหยินชอบหญิงสาวที่ฉลาด และยิ่งทั้งฉลาดและรูปร่างงดงามแบบนี้ …มันก็ยิ่งดียิ่งขึ้นไปอีก

เมื่อเห็นชุดชั้นในสีชมพู ถังหยินก็อยากจะได้ตัวนาง แต่ในตอนนี้เฉียนหยีกลับผลักเขาออกแล้วมองไปยังหน้าต่าง “นี่ก็ดึกแล้ว ท่านกลับไปเถิด ไม่งั้นเรื่องนี้มันจะกลายเป็นปัญหาได้”

ถังหยินที่อยู่ระหว่างมีอารมณ์แบบนี้มีหรือที่จะยอมกลับไปง่าย ๆ “มันดึกแล้วจะทำไมกันเล่า ?”

“ถ้ามีคนเห็นล่ะ ?”

“ถ้า.. งั้นหรือ ?” ก่อนที่ถังหยินจะทันได้จับหน้าอกของเฉียนหยี เขาก็พลันได้ยินเสียงนางรับใช้พูดผ่านประตูเข้ามา

“นายหญิง ท่านจินซิวมาขอพบท่าน”

ไฟราคะในตัวถังหยินดับลงไปทันที เขาถอนหายใจแล้วมองเฉียนหยีก่อนจะส่ายหัว ไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือว่าจงใจกันแน่ ทุกครั้งทที่เขาต้องการร่างของนางมักจะมีคนมาขัดขวางเสมอ

แม้ว่าเฉียนหยีจะมีปฏิสัมพันธ์กับเขามามากเพียงใด แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็ยังเหมือนเดิม นางไม่มีทางล้ำเส้นไปหาเขาก่อนอยู่แล้ว

ถังหยินส่ายหัวแล้วพูดต่อ “ในเมื่อมีคนมา ข้าก็ขอตัวก่อน”

เฉียนหยีที่เห็นท่าทีไม่ค่อยพอใจเท่าใดนักของชายหนุ่มจึงเอ่ยถามออกมาว่า “พรุ่งนี้เจ้าจะมาที่นี่หรือไม่ ?”

ถังหยินไม่ชอบการถูกทรมานด้วยความรู้สึกแบบนี้ แต่ก่อนที่เขาจะปฏิเสธ ชายหนุ่มก็ดันหันไปเห็นเรือนร่างของเฉียนหยีเสียก่อน เลยทำให้ตอบตกลงในท้ายที่สุด “ถ้าเจ้าอยากให้ข้ามาล่ะก็นะ”

“แน่นอน” นางตอบไปแบบไม่ทันยั้งคิด ก่อนที่จะทันรู้ตัวอีกทีว่าพูดอะไรออกไป

ชายหนุ่มไม่คิดจะอยู่ที่นี่นาน เขาพูดลา “แล้วเจอกันพรุ่งนี้”

ถังหยินออกไปจากวังหลวงด้วยความคิดมากมาย เฉียนหยีเป็นทั้งสตรีที่ฉลาดและงดงามในเวลาเดียวกัน มันยากมากที่จะรับมือนางด้วยการเป็นผู้ชายแบบนี้

แต่น่าแปลก ตามที่ชิวเจิ้นว่ามา เฉียนหยีไม่น่าจะเชี่ยวชาญเรื่องเช่นนี้เพราะพึ่งเข้ามาไม่นาน แล้วเหตุใดกันนะ ?

ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย ระหว่างที่ถังหยินกำลังจะถึงทางออก เขาก็เปลี่ยนใจแล้วเดินไปยังห้องของพวกนางสนมคนอื่นแทน

พวกนางทั้งหลายอายุ 20 ต้น ๆ เท่านั้น และเมื่อได้ยินว่าถังหยินกำลังต้องการพบตัวก็ตะลึงสุดใจ เพราะนี่มันก็เย็นแล้ว ทำไมถังหยินถึงอยากจะเจอตนกัน ? หรือว่าจะมาเพราะเรื่องอื่น …ระหว่างที่นางคิด ก็เห็นชายหนุ่มกำลังเดินเข้ามาในตำหนักพอดี

แม้ว่าถังหยินจะยังไม่ขึ้นเป็นอ๋อง แต่เขาก็เป็นคนที่คุมทุกอย่างเอาไว้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนบอกว่าเขาจะได้ขึ้นเป็นอ๋องคนถัดไปอีกด้วย จึงทำให้พวกนางสนมหมายปองเขาไม่น้อย

“ท่านถังมีอะไรหรือเปล่า ถึงได้มาเอาป่านนี้ ?”

นางสนมเดินเข้ามาแล้วยิ้มให้กับชายหนุ่ม

…พระสนมนางนี้แต่งหน้าหนาเตอะ แต่มันก็เป็นความงามแบบธรรมดา ดังนั้นถังหยินที่เห็นแบบนั้น เขาก็พลันยิ้มออกมา “ข้าน้อยขอทักทายนายหญิง”

“ท่านถังไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้”

“ข้ามีบางอย่างสงสัย และข้าคิดว่าท่านจะช่วยข้าตอบคำถามนั้นได้” ถังหยินรีบพูดเข้าประเด็นทันที

รอยยิ้มบนใบหน้าของนางสนมผู้นั้นจางหายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มันจะกลายเป็นความผิดหวัง “ท่านถังต้องการรู้สิ่งใดหรือ ?”

ถังหยินครุ่นคิดก่อนจะพูด “พระสนมฮัวหลงเป็นนางสนมของท่านอ๋ององค์ก่อนจริงหรือ ?”

นางไม่คิดว่าถังหยินจะถามอะไรแบบนี้ สีหน้าของนางสนมผู้นั้นตกตะลึงจนไม่สามารถพูดอะไรได้

จริง ๆ แล้วถังหยินก็ไม่ได้สนใจในตัวตนของเฉียนหยีหรอก เขาแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมอ๋องคนก่อนถึงได้แต่ตั้งให้นางเป็นแค่นางสนมเท่านั้น แต่หลังจากสังเกตจากสีหน้าของหญิงสาวตรงหน้า มันก็ทำให้เขารู้สึกว่ากำลังมาถูกทางแล้ว

หรือว่าเฉียนหยีไม่ใช่นางสนมของท่านอ๋อง ? แต่เป็นของซ่งเทียน ? ทว่านั่นมันก็เป็นไปไม่ได้ เพราะชิวเจิ้นตรวจสอบเฉียนหยีมาแล้วไม่ใช่หรือไร ?

ตอนที่นางสนมผู้นั้นได้สติ นางก็พลันส่ายหัวไปมา “ท่านถังถามทำไมหรือ ? มันก็ต้องใช้ไม่ใช่หรือไร ยังไงฮัวหลงก็ต้องเป็นนางสนมของฝ่าบาทองค์ก่อนอยู่แล้ว”

…ถ้าหากเป็นอย่างที่นางว่าจริง ๆ แล้วทำไมถึงได้ตะลึงกับคำถามเมื่อกี๊เล่า ?