ความขัดแย้งระหว่างเฝ่าหมาป่าหิมะและองค์ชายฮูหลุนนั้นเป็นเรื่องที่จบโดยไม่มีบทสรุปซึ่งเป็นที่เข้าใจซึ่งกันและกันโดยไม่จำเป็นต้องพูดออกมา
ชาวหูเหรินจากเผ่าอื่นต่างเฝ้าดูความตื่นเต้นและไม่อยากให้จบเช่นนี้
เมื่อสินค้าของกองคาราวานขายเกือบหมดแล้วพิธีกรรมเทียนเสินก็มาถึง เมืองหยุนไฉมีชีวิตชีวาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ชาวหูเหรินต่างยืนอยู่เต็มท้องถนน
แน่นอนว่าหมิงเวยไม่ออกไปสถานที่ที่ชาวหูเหรินมารวมตัวกันนั้น…กลิ่นสาบพวกนั้นมันช่าง…
จนกระทั่งก่อนออกเดินทางน่าซูได้เดินทางมาเชิญนาง โหวเหลียงมีสีหน้าลำบากใจเขาเดินไปถามนางว่า “แม่นางหมิงข้าต้องไปที่เขาเทียนเสินด้วยหรือ”
“แน่นอน” หมิงเวยตอบอย่างไม่ลังเล “องค์ชายมาเชิญทั้งทีท่านเป็นหัวหน้ากองคาราวานจะไม่ไปได้อย่างไร”
“แต่ผู้ติดตามเหล่านี้…”
“เขาเทียนเสินเป็นสถานที่บูชาเทพเจ้าจะให้ผู้คนมากมายเช่นนี้เข้าไปได้อย่างไร อย่างไรก็ตามสินค้าที่ควรขายก็ขายเกือบหมดแล้วให้พวกเขาอยู่รับสินค้าที่นี่เถอะ! นี่เป็นความจริงใจของเผ่าหมาป่าหิมะที่อนุญาตให้พวกเราสามคนสามารถเข้าไปชมพิธีได้”
เมื่อเห็นโหวเหลียงทำคอตกหมิงเวยก็ยิ้มบางๆ และพูดคุยกับเขาอย่างจริงใจ “ท่านกังวลว่าเดินทางไปเขาเทียนเสินจะรักษาชีวิตของตนเองไม่ได้หรือ”
โหวเหลียงยิ้มอย่างละอาย “แม่นางหมิง…”
“พวกเราอยู่ด้วยกันมาสามเดือนแล้วท่านยังไม่คิดจะพูดความจริงกับข้าหรือ”
ได้ยินนางถอนหายใจโหวเหลียงก็ตัดสินใจบอกความจริงในที่สุด “ข้าไม่ปิดบังท่านแล้วข้ากังวลมากขอรับ! ชาวหูเหรินพวกนั้นโหดร้ายมากพิธีกรรมเทียนเสินนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นหลุมพรางลอบสังหารหากพวกเขาเกิดการปะทะกันละก็…”
หมิงเวยกล่าวด้วยใจจริงว่า “ท่านจะคิดเช่นนั้นก็ไม่ถูกข้าเองก็จะไม่ปิดบังท่าน พิธีกรรมเทียนเสินที่จริงนั้นอันตรายมากพูดได้ว่าเผ่าฉีหูอาจสร้างปัญหาขึ้นในพิธีกรรม แต่อีกเจ็ดเผ่ารวมทั้งเผ่าหมาป่าหิมะจะไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งแน่นอน”
โหวเหลียงถามอย่างมีความหวัง “แม่นางมีแผนการเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเราได้รับความเสี่ยงแล้วหรือ”
หมิงเวยส่ายหน้า “ไม่มี”
โหวเหลียงแทบทรุด “ถ้าเช่นนั้นพวกเราต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงงั้นหรือ!”
หมิงเวยยิ้ม “ข้ายังพูดไม่ทันจบท่านจะใจร้อนไปทำไมกัน”
โหวเหลียงรีบคำนับ “ท่านพูดมาได้เลยๆ!”
หมิงเวยมองเขาด้วยสายตาอ่อนโยน “แม้ว่าบุคลิกของท่านจะถูกตราหน้าต่างๆ นานา แต่ท่านก็เป็นผู้ที่มีความรู้มากจะต้องสามารถรับมือได้แน่นอน”
เมื่อเห็นการยอมรับจากนางโหวเหลียงก็รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจเล็กน้อยเขาพูดอย่างถ่อมตัวว่า “ท่านกล่าวชมเกินไปแล้วตอนข้ายังเด็กร่ำเรียนด้วยความยากลำบาก แม้ว่าหลังจากนั้นจะอยู่ในรังโจร แต่ก็ยังขยันหมั่นเพียร”
“ด้วยความสามารถของท่านน่าเสียดายที่มันเกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงในตอนนั้นจึงไม่สามารถทำงานราชการได้มันช่างสูญเปล่า” โหวเหลียงถอนหายใจ
แม้เขาจะเป็นคนไม่ดี แต่ในฐานะลูกศิษย์ของนักปราชญ์เขาก็ยังรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ไม่สามารถแสดงสิ่งที่ได้เรียนรู้ได้ ไม่ว่าจะเป็นบทกวี วรยุทธ์ เป้าหมายสูงสุดคือการอุทิศให้กับฮ่องเต้และมีส่วนร่วมในราชสำนัก
มีบัณฑิตผู้ใดบ้างที่จะไม่มีความคิดเช่นนี้กันไม่อย่างนั้นจะมีชายชราพยายามสอบเข้ารับราชการอย่างหนักหรือ มันคงดีสำหรับเขาที่จะหยุดเส้นทางไว้ตรงนี้ไม่ว่าเขาจะเรียนรู้ได้มากเพียงใดเขาก็ไม่สามารถเดินตามเส้นทางนี้ได้แล้ว
“แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว! ท่านไม่มีหน้าที่การงานไม่มีตำแหน่ง แต่ท่านมายืนอยู่ตรงนี้ในฐานะตัวแทนของชาวจงหยวน นี่เป็นอีกเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับชาวหูเหรินแม้แต่ทูตที่ส่งมาจากราชสำนักก็ไม่สามารถมีส่วนร่วมในพิธีกรรมเทียนเสินของชาวหูเหรินได้จริงหรือไม่”
โหวเหลียงคิดตามแล้วพยักหน้า “ก็จริง”
หมิงเวยพูดต่อ “พิธีกรรมเทียนเสินครั้งนี้สำคัญเพียงใดข้าเชื่อว่าท่านรู้ความหมายของมันดี ชาวหูเหรินอาจใช้โอกาสนี้ในการรวมตัว และมีโอกาสที่จะหันกระบี่ใส่กันเอง แตกแยกกัน ณ ที่นี้ เข่นฆ่ากันเอง ท่านลองคิดดูนี่เป็นเวทีที่ดีเวทีหนึ่งเลย!”
หืม…โหวเหลียงคิดอย่างรอบคอบ และดวงตาของเขาก็ค่อยๆ เป็นประกาย
หมิงเวยพูดเกลี้ยกล่อมเขาไม่ยอมหยุด “ในฐานะบัณฑิตผู้ใดจะไม่อยากโต้เถียงกับนักปราชญ์จนได้รับชัยชนะเฉกเช่นข่งหมิงบ้าง หรือซูฉินกับจางอี้ที่เป็นคนกลางระหว่างอาณาจักรจนสามารถพลิกสถานการณ์ด้วยร่างกายอันอ่อนแอของเขาได้ โอกาสที่ดีเช่นนี้ต่อให้ท่านเป็นหัวหน้าขุนนางก็ไม่สามารถทำได้ท่านจะยอมแพ้จริงๆ หรือ”
แน่นอนว่าไม่! หัวใจของโหวเหลียงเต้นระรัว
เพื่อต่อต้านชาวหูราชสำนักได้จัดตั้งกองทหารขนาดใหญ่ขึ้นทางซีเป่ย และค่าใช้จ่ายทางทหารส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับเรื่องนี้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ก็จะไม่มีอำนาจยกทัพลงใต้ได้ อาจกล่าวได้ว่าภัยจากชาวหูที่ซีเป่ยนับว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่ใหญ่ที่สุดที่ควบคุมต้าฉีได้
หากมีผู้ใดแก้ปัญหาภัยจากชาวหูได้ก็ถือว่าเป็นการสร้างผลงานชิ้นโตมิใช่หรือ ไม่ต้องพูดถึงขับไล่หูเหรินไปทางเป่ยไห่ทำให้หูเหรินเกิดความวุ่นวายภายใน ทำให้ซีเป่ยเกิดความสงบสุข ความสำเร็จนี้เพียงพอแล้วที่จะได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งโหว!
หากตนถูกตัดสิทธิ์ในการสอบเข้ารับราชการแล้วอย่างไรหากสามารถสร้างผลงานนี้ได้ทุกเรื่องในอดีตถือว่าเป็นอันยกเลิก!
แน่นอนว่าโหวเหลียงยังคงสงบเขารู้ดีว่าตนเองไม่สามารถเคลื่อนไหวทันทีได้ พิธีกรรมเทียนเสินเป็นขั้นตอนของพระสงฆ์ในแดนหูเหรินมีเพียงหมิงเวยที่เป็นเสวียนชื่อเท่านั้นที่สามารถยื่นมือเข้าไปแทรกได้ แต่ถึงเขาจะเป็นเพียงกำลังเสริม แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว!
หัวใจของเขาพองโตชื่อเสียงที่ตายไปหลายปีจะได้ฟื้นคืนมาอีกครั้ง หากสามารถได้รับชื่อเสียงเขาจะเป็นโจรภูเขาไปทำไมกัน ขอเพียงได้ดำรงตำแหน่งขุนนางในราชสำนัก และกลับบ้านเกิดอย่างสง่างามก็ไม่ต้องหนีอีกต่อไปแล้ว
ชื่อเสียงโชคลาภเจริญรุ่งเรืองร่ำรวยมหาศาลทยอยเข้ามาไม่ขาดสาย!
สิ่งนี้ต่อให้มีเงินจำนวนมากเพียงใดก็ไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้!
เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ และโน้มตัวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “เชิญแม่นางชี้แนะมาได้เลย”
หมิงเวยยิ้มด้วยความโล่งใจ “ท่านเข้าใจก็ดีแล้วไม่ต้องกังวลมากไปการไปเขาเทียนเสิน เรื่องที่อันตรายที่สุดข้าจะเป็นคนจัดการเอง ท่านอยู่ข้างกายองค์ชายน่าซูก็พอแล้ว องค์ชายน่าซูถึงแม้จะเชี่ยวชาญในวัฒนธรรมของจงหยวนเป็นอย่างดี แต่อย่างไรเขาก็ไม่ใช่ชาวจงหยวน เขารู้เรื่องนี้เพียงเล็กน้อยท่านสามารถค่อยๆ สอนเขาได้!” คำว่าค่อยๆ แต่เน้นเสียงหนักแน่น
โหวเหลียงเข้าใจดี “ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ”
เช่นนี้ไม่ใช่การหลอกลวงหรือ ชีวิตเช่นนี้เขาชินเสียแล้วในตอนที่เป็นโจรภูเขา เขาใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดในการเลียแข้งเลียขาเจ้านายอยู่ทุกวัน และนั่นคือสิ่งที่เขาทำแค่เป้าหมายของการหลอกลวงก็เปลี่ยนจากโจรเป็นองค์ชายมันจะไปยากอะไร โหวเหลียงไตร่ตรองในใจเสร็จสิ้นเขาตื่นเต้นจนแทบรอไม่ไหวที่จะไปที่เขาเทียนเสินเพื่อแสดงให้ชาวหูเหรินรู้ซึ้งว่าบัณฑิตจงหยวนเป็นอย่างไร!
…………
เอกสารชมเชยมาอีกแล้วจนทำให้เฝิงอี้นายอำเภอเมืองเกาถางรู้สึกหน้าชาเล็กน้อย เมื่อเผชิญกับการแสดงความยินดีของที่ปรึกษาเขาเพียงแค่ยิ้มบางๆ “เก็บไปเถอะแค่ความดีความชอบเล็กน้อยไม่ต้องนำมาพูดถึงทุกวันหรอก” ที่ปรึกษาชมเขาอีกครั้ง
เฝิงอี้โบกมือแล้วถามเขาว่า “ตอนนี้คุณชายหยางอยู่ที่ใดกัน”
ที่ปรึกษาตอบ “วันก่อนไปที่สนามเลี้ยงม้า แต่ไม่พบคุณชาย ท่านหนิงบอกว่าเขาไปล่าสัตว์ขอรับ”
เฝิงอี้พยักหน้า “ฤดูใบไม้ร่วงมาถึงแล้วได้เวลาออกล่าสัตว์แล้วสินะ”
บอกไม่ได้ว่าเป็นการล่าสัตว์อาจจะไปจับโจรอีกกลุ่มก็เป็นได้
ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้เมืองเกาถางเงียบสงบมากเส้นทางการค้าบนเขาเหยียนซานได้รับการทำความสะอาดเรียบร้อยกองคาราวานจำนวนมากหันไปใช้เส้นทางสายนี้ และเก็บภาษีการค้าจำนวนมาก
เขาเกือบจะแน่ใจแล้วว่าหลังจากดำรงตำแหน่งนี้แล้วเขาจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง แต่ทุกวันนี้เขาได้ใกล้ชิดกับคุณชายผู้นั้นมากขึ้น และค่อยๆ ตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่าง
อย่างเช่น อีกฝ่ายไม่ใช่คุณชายไร้ความสามารถแค่มองเหล่ากลุ่มโจรบนเขาเหยียนซานก็รู้แล้ว กองทัพซีเป่ยยังไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้ถึงได้ให้เขาเป็นผู้จัดการ
อย่างไรก็ตามประโยชน์ที่คุณชายหยางนำมาให้ตนนั้นมากเกินไป แต่เพื่อการได้รับพิจารณาตำแหน่งจึงทำได้เพียงขึ้นมาบนเรือลำเดียวกันด้วย
เฝิงอี้คิดอยู่นานและสั่งว่า “รอคุณชายหยางกลับมาพวกเราค่อยไปที่สนามเลี้ยงม้ากัน”
……………