คุณชายหยางที่กำลังล่าสัตว์ตอนนี้กำลังดื่มชาใต้ต้นไม้เก่าแก่ในป่า คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขาคืออาหว่าน การเคลื่อนไหวของอาหว่านเป็นไปอย่างราบรื่น นางต้มชาอย่างรวดเร็วแล้วยื่นให้ถึงมือของเขา

“เงื่อนไขง่ายๆ คุณชายพอถูไถสักหน่อยเถิด”

หยางชูรับมันด้วยรอยยิ้มและยกขึ้นจิบ “พวกเราเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน ฝีมือของเจ้าดีกว่าข้าหลายขุม”

อาหว่านตอบอย่างโกรธๆ “บ่าวเป็นบ่าวนะเจ้าคะจะเก่งเทียบเท่าคุณชายได้อย่างไร”

หยางชูหุบยิ้ม “ดูเหมือนว่าข้าจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไม่เป็นธรรมสินะ”

อาหว่านตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง “คุณชายไม่เคยปฏิบัติต่อบ่าวอย่างไม่เป็นธรรมเลยเจ้าค่ะ สิ่งที่ได้รับในหลายปีมานี้มันมากกว่าที่บ่าวคิดไว้เสียอีก”

หยางชูถอนหายใจมองนางด้วยแววตาอ่อนโยน “ข้าให้เวลาเจ้าหนึ่งวันให้เจ้ากำเริบเสิบสานได้”

อาหว่านได้ยินเช่นนั้นก็แทบจะร้องไห้ “คุณชาย…”

แล้วอาสวนก็เข้ามารายงานด้วยความตื่นเต้น “คุณชาย เจอหมีตัวหนึ่งขอรับ!”

หยางชูเดินตามอย่างมีความสุข “เร็ว จับมันเย็นนี้เรามากินอุ้งเท้าหมีกัน!”

“ขอรับ!”

หากพบหมีแน่นอนว่าต้องการกำลังคนเพิ่ม หมีเป็นสัตว์ที่มีพลังมากมีแนวโน้มที่จะเกิดอุบัติเหตุได้

หยางชูพาคนสามสิบคนเดินทางมาด้วย พวกเขากระจัดกระจายออกไปเหลือเพียงสิบกว่าคนที่อยู่ข้างกายเขาเพื่อที่จะจับหมีตัวนี้จำเป็นต้องใช้คนเจ็ดถึงแปดคน

อาหว่านกระตือรือร้นที่จะลอง “คุณชาย บ่าวไปด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ”

หยางชูยิ้ม “เจ้าอย่าไปเลยเรื่องสนุกอยู่หลังจากนี้ต่างหาก!”

อาหว่านเห็นบางอย่างในดวงตาของเขาจึงนั่งลงด้วยรอยยิ้ม “เจ้าค่ะ ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะดื่มชาเป็นเพื่อนคุณชาย” พูดแล้วนางก็รินชา “คุณชายลองชิมฮวาปิ่งดูสิเจ้าคะทำจากดอกกุ้ยฮวาสดใหม่ปีนี้เลยเจ้าค่ะ”

ภายใต้ต้นไม้เก่าในป่าบนเสื่อมีโต๊ะไม้ เก้าอี้เล็กๆ และมีจานกระเบื้องสีขาวหิมะวางอยู่รวมถึงเครื่องดื่มชั้นเลิศด้วย มองเห็นคุณชายที่แต่งกายหรูหรา และสาวใช้ที่งดงามหยาดเยิ้มพวกเขาทำตัวสบายๆ มีชีวิตชีวา

ห่างออกไปไม่กี่สิบจั้งในป่าอันมืดมิดมีคนกลืนน้ำลาย และสาปแช่งเสียงต่ำว่า “ช่างเพลิดเพลินกันเสียจริง! ไล่บีบพวกเราจนไม่มีทางรอดส่วนตนเองก็มาเสวยสุขกับสาวใช้ พี่เหลียงพวกเราออกไปเลยดีหรือไม่”

“ช้าก่อน” อีกคนที่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้พูดว่า “เจ้าก็รู้ดีว่าใบหน้าขาวๆ เล็กๆ นั้นทรงพลังแค่ไหน ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาหมู่บ้านบนภูเขาถูกกวาดล้างไปเกินครึ่งแล้วระวังตัวหน่อย”

“นั่นเป็นเพราะพวกเขามีการเตรียมตัวมาก่อนวันนี้พาคนมาด้วยไม่กี่คนดูมีความสุขกันเช่นนี้ ท่านก็เห็นว่าแม้แต่เสื้อเกราะเขาก็ยังไม่สวม อาศัยโอกาสนี้โจมตีเขาเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว”

“ผู้ใดบอกว่าเขาเป็นคนฝีมือไม่เท่าไรกัน” เพื่อนของเขากระซิบ “พี่น้องของพวกเราที่หนีมาครั้งที่แล้วไม่ได้บอกว่าเขาเป็นคนสั่งการด้วยตนเองหรืออย่างไรเขาก็เป็นลูกหลานแม่ทัพผู้มีชื่อเสียง”

อีกคนปฏิเสธ “เจ้าเห็นเขาเป็นอย่างนี้เหมือนคนเก่งกาจตรงไหนกัน หน้าขาวๆ เช่นนั้นบอกมาล่าสัตว์แต่กลับพาสาวใช้มาด้วย…”

ได้ยินอีกฝ่ายพูดเช่นนั้นเพื่อนคนนั้นก็เริ่มลังเล “มันก็จริง…”

“โอกาสนี้หายากรอให้องครักษ์ของเขากลับมาพวกเราอาจไม่ได้ลงมือเสียที”

ด้วยเหตุนี้เขาก็เกลี้ยกล่อมเพื่อนของตนอีกฝ่ายกัดฟันแล้วตะโกนขึ้นว่า “ลงมือ!”

เมื่อได้รับอนุญาตคนผู้นั้นก็มีสีหน้าตื่นเต้น “ได้เลย!” พูดจบเขาก็ดึงเชือกและคำสั่งก็ถูกส่งออกไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นไม่นานกลุ่มของอสูรกายสีเขียวที่มีเถาวัลย์พันรอบร่างของพวกเขาก็ปรากฏตัวขึ้น เมื่อผู้เป็นหัวหน้าโบกมือพวกเขาก็แยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว

หยางชูที่เพิ่งทานฮวาปิ่ง และกำลังสนทนากับอาหว่านอยู่ ทันใดนั้นตาข่ายขนาดใหญ่ก็ตกลงมาจากฟากฟ้า

“ปกป้องคุณชาย!” ขุนศึกที่เหลืออยู่ตะโกนขึ้น แต่กลุ่มของอสูรกายสีเขียวจำนวนมากรีบวิ่งออกจากภูเขา และล้อมรอบพวกเขาไว้

“คุณชาย!” อาหว่านตะโกนและรีบวิ่งเข้าไปหา แต่ทั้งสองคนกลับถูกตาข่ายมัดแน่นขึ้น

“พวกเจ้าคือผู้ใด”

หัวหน้าโจรมองดูคุณชายผู้สูงศักดิ์ที่จ้องมาที่เขาด้วยความโกรธแล้วพูดอย่างภาคภูมิว่า “พวกท่านไม่ได้ตามหาพวกเรามานานแล้วหรือ ตอนนี้ดูไม่ออกหรืออย่างไร”

คุณชายหยางแสดงสีหน้าประหลาดใจ “พวกเจ้าคือคนที่ทำลายหมู่บ้านแห่งขุนเขางั้นหรือ”

“ฮ่าๆๆ! ยังมีหมู่บ้านเจ็ดดาวของพวกเราด้วย!”

“หมู่บ้านเหลียนหวนของพวกเราด้วย!”

ขุนศึกที่เหลือเพียงห้าหกนายถูกล้อมรอบด้วยโจรหลายสิบคนยิ่งไปกว่านั้นที่นี่คือป่าลึกซึ่งพวกเขาไม่สามารถแสดงความสามารถได้ยิ่งทำให้เหนือบ่ากว่าแรง โจรภูเขารู้สึกภูมิใจมาก ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาพวกมันถูกไล่ตามเหมือนหนูในที่สุดวันนี้พวกเขาก็สามารถลืมตาอ้าปากได้

คนหน้าขาวที่มาจากเมืองหลวงผู้นี้เจ้าเล่ห์มากครั้งแรกจัดการกลุ่มโจรที่บุกสนามเลี้ยงม้าแล้วปลอมตัวเป็นพวกเขาโจมตีหมู่บ้านใกล้เคียงหลายแห่ง ช่างมันเถอะคิดซะว่าพวกเขาโชคร้าย อย่างไรโจรก็ต้องหลบซ่อนทหารใช่หรือไม่

ผู้ใดจะรู้ว่าพวกเขาเสพติดการเล่นในภายหลังให้ลูกน้องปลอมตัวเป็นกองคาราวานจงใจเรียกพวกเขาให้ไปปล้นแล้วทำการปราบปราม

กล่าวโดยสรุปหลังจากที่เล่นมาเกือบทั้งปีกลุ่มโจรบนเขาเหยียนซานในตอนนี้จึงเหลือเพียงพวกเขาเท่านั้น

น่าสะท้อนใจจริง! ในตอนแรกพวกเขาคิดไว้ว่าฝั่งตนจะมีหลายพันคนเข้าโจมตี แต่ฉากยิ่งใหญ่เช่นนี้จะไม่มีให้เห็นอีกแล้วทุกคนที่มารวมกันที่นี่ตอนนี้ก็ไม่เกินสองร้อยคน…

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หัวหน้าโจรยิ่งรู้สึกเกลียดชังหยางชูเขาสั่งคนของตนเองว่า “จับพวกเขาให้หมดอย่าเอาให้ถึงตาย! ปล่อยให้มีลมหายใจไปก่อน!”

สองหมัดยากจะสู้สี่มือขุนศึกทั้งห้าหกคนถูกจับกุมอย่างรวดเร็วตาข่ายผืนใหญ่พันพวกเขาไว้แน่นหนาไม่ต่างจากเกี๊ยว

“พาตัวไป!”

หลังจากนั้นไม่นานกลุ่มโจรก็ถอนทัพอย่างรวดเร็วเหลือเพียงโต๊ะเก้าอี้ที่คว่ำอยู่ใต้ต้นไม้และกาน้ำชาที่ถูกทิ้ง

เมื่ออาสวนกลับมาพร้อมกับขุนศึกและได้เห็นฉากนี้พวกเขาทำการตรวจสอบอย่างไม่รีบร้อน ขุนศึกนายหนึ่งถามขึ้นว่า “คุณชายจะไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ หากพวกเขาลงมือก่อนเล่าจะทำอย่างไร”

อาสวนดูสงบมาก “วางใจเถอะมีคนคอยปกป้องคุณชายอยู่” จากนั้นเขาก็สั่งการขุนศึกว่า “พี่โหยวไปเรียกคนมา! เฉิงซื่อส่งสัญญาณทันที! หลูลิ่ว…”

มีการออกคำสั่งเป็นชุด และขุนศึกตอบรับแล้วแยกย้ายออกไปจัดการตามระเบียบแบบแผน

เหล่าโจรที่พาหยางชูกลับมาที่หมู่บ้านต่างตื่นเต้นอย่างมากหลังจากผ่านไปหลายวันในที่สุดพวกเขาก็หายใจออก

มีคนต้องการจะเตะคุณชายด้วยความโกรธอาหว่านกรีดร้อง “ห้ามแตะต้องคุณชายนะ! พวกเจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่หรืออย่างไร หากเกิดอะไรขึ้นกับคุณชายเฝิงอี้จะต้องรีบเชิญกองทัพซีเป่ยมาเป็นแน่ เมื่อถึงตอนนั้นต่อให้พลิกเขาเหยียนซาน พวกเจ้าก็ไม่สามารถหลบหนีได้!”

พวกโจรหัวเราะและมีคนพูดว่า “กองทัพซีเป่ยงั้นหรือพวกเขาไม่ใช่ว่าเคยคิดจะปราบปรามพวกเราหรือ แล้วผลลัพธ์เป็นอย่างไรพวกท่านอย่าคิดไปไกลเลย ยอมรับชะตากรรมเสียเถอะ!”

“นั่นเป็นเพราะว่าพวกเจ้าไม่มีคุณสมบัติพอ” หยางชูพูดอย่างเย็นชา “พวกเจ้าคิดว่ากองทัพซีเป่ยว่างเพียงนั้นหรือ ยามปราบปรามโจรพวกเขาส่งมากี่นายกัน หากพวกเขามาตรวจค้นภูเขาด้วยทหารหลายหมื่นนายพวกเจ้ายังคิดหนีอยู่หรือไม่”

โจรคิดตามในสิ่งที่เขาพูดซึ่งดูเหมือนจะสมเหตุสมผล กองทัพซีเป่ยที่ถูกส่งมาปราบปรามก่อนหน้านี้อันที่จริงมีเพียงไม่กี่นาย

“ข้าแนะนำพวกเจ้าอย่าทำตัวเผด็จการดีกว่าก่อนหน้านี้พวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะโจมตี แต่หากพวกเจ้าแตะต้องข้าแม้แต่เหลียงจางหรือจงซู่ไม่เคลื่อนไหวคงไม่ได้”

พวกโจรมองหน้ากันและหนึ่งในนั้นพูดว่า “หากเป็นตามที่ท่านบอกพวกข้าต้องปล่อยท่านไปใช่หรือไม่”

หยางชูตอบ “การปล่อยตัวข้าเป็นเพียงหนทางเดียว”

หัวหน้าโจรหัวเราะเยาะ “ถ้าเช่นนั้นก็ให้คนของท่านมากำจัดพวกเราให้สิ้นซากเถอะ”

“คงไม่ถึงขั้นนั้นหรอก” เขาเงยหน้าขึ้นมองคนเหล่านี้ “ชีวิตของข้าพวกเจ้าเอามาเทียบได้งั้นหรือ พวกเจ้าส่งข้อความไปหาองครักษ์ของข้าให้พวกเขานำเงินมาให้ไม่ดีกว่าหรือ ถือว่าข้าตบรางวัลพวกเจ้า!”

………………