ตอนที่ 226 งานซื้อขายครั้งใหญ่

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีตะโกนเรียกทันที “อู๋ตี้ เสี่ยวหง!”

“มู่อี!”

กองกำลังอีกสองถึงสามกองกำลังพากันกรูเข้ามา มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา “ไป๋จื้อหลิน เจ้าคิดว่าเก็บพวกกากเดนที่เหลือเหล่านี้ของพันธมิตรเอียนหลัวแล้วจะสามารถฆ่าข้าได้รึ ?  เหอะ! ฝันกลางวันแล้ว”

— ตูม!  ตูม! —

ภายใต้การโจมตีของอู๋ตี้ เสี่ยวหง และองครักษ์เงา ไป๋จื้อหลินและพวกพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว

— ปัง!  ปัง!  ปัง! —

ไป๋จื้อหลินล้มลงกับพื้นอย่างน่าสมเพชเวทนา  ทว่าเขาพยายามยันร่างลุกยืนก่อนจะกล่าวว่า “มู่เฉียนซี เหตุใดเจ้าถึงช่วยไป๋มู่เฟิง ? ตราบใดที่ข้าได้เป็นกั๋วกง ข้าให้เจ้าได้ทุกอย่างที่เจ้าต้องการ”

มู่เฉียนซีหัวเราะเยาะเย้ย “หึ ๆ ไป๋จื้อหลิน เจ้าคิดว่าข้าจะวางใจที่จะร่วมมือกับคนอย่างเจ้ารึ ?  วางยาพิษกู่บิดา  ทําลายหลานชายของตัวเอง แล้วยังตอนนี้ที่เจ้ากำลังลักพาตัวพี่ชายของตัวเองเป็นตัวประกันเพื่อขู่หลานชาย  การกระทำเหล่านี้เจ้าคิดว่าคนดี ๆ เขาทํากันรึ ?”

ในตอนนั้นเอง เสียงคํารามอันเกรี้ยวกราดดังขึ้นมา “เจ้าคนปัญญาอ่อน กล้าดีอย่างไรจึงทําเรื่องชั่วช้าเช่นนี้ ?!”

เห็นได้ชัดว่ายาสลบที่ไป๋มู่เฟิงใช้นั้นคุณภาพต่ำยิ่งนัก ไป๋กั๋วกงตื่นขึ้นมาแล้ว

เมื่อไป๋จื้อหลินเห็นไป๋กั๋วกงโกรธเกรี้ยว เขาก็หวาดกลัวอย่างมาก  เขาพยายามอย่างสุดกําลังเพื่อพุ่งเข้าใส่ไป๋จื้อเฉิงที่ถูกมัดไว้ก่อนจะกล่าวว่า “ปล่อยข้าออกไป ไม่เช่นนั้นข้าจะสังหารเจ้าขยะนี่ทิ้ง!”

มู่เฉียนซีหัวเราะ “ฮ่า ๆ ๆ ไป๋จื้อหลิน เจ้าคิดว่าการเอาชีวิตและความตายของคนตายมาข่มขู่พวกข้าแล้วจะได้ผลรึ ?”

ไป๋จื้อหลินและไป๋มู่เฟิงอ้าปากค้าง   ตายแล้ว ?

เมื่อพวกเขาเห็นไป๋จื้อเฉิงที่หลับตาลง  ไร้ซึ่งลมหายใจ  ไม่มีการเต้นของหัวใจ ก็พลันหน้าซีดไปทันที

ไป่จื้อหลินไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ? เขาตกใจละล่ำละลักกล่าวว่า “เป็นไปได้อย่างไร ? เหตุใดไป๋จื้อเฉิงถึงได้ตายเร็วเช่นนี้!”

“มัน… มันเกิดวิปริตอะไรขึ้นกัน ?”

ไป่กั๋วกงบันดาลโทสะ กล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวสุดขีด “เจ้าคนปัญญาอ่อน ข้าจะฆ่าเจ้า!”  จากนั้นพุ่งเข้าไปใช้ฝ่ามือเดียวทําให้ไป๋จื้อหลินบาดเจ็บหนักในทันที

ไป๋กั๋วกงกล่าวอย่างเย็นชา “จับม้นมาให้ข้า!”

ไป๋จื้อหลินและพวกของเขาถูกจับตัวไปทั้งหมด  ในตอนนี้ไป๋มู่เฟิงเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ ไป๋จื้อเฉิงก่อนจะปลดเชือกที่มัดเขาไว้แล้วกล่าวเสียงสั่น ๆ “ท่านพ่อ…”

เขาไม่มีความรู้สึกอะไรกับบิดาผู้นี้   บิดาผู้นี้ของเขาคิดเพียงว่าจะอาศัยฐานะของเขากินใช้และรอความตายอยู่ในจวนกั๋วกงเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรสายเลือดก็เชื่อมโยงกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีความรู้สึกอะไรที่ก่อเกิดในใจ

เวลานี้มุมปากของมู่เฉียนซียกขึ้นเป็นรอยยิ้มหยอกล้อ นางมองไป๋จื้อหลินก่อนจะกล่าวว่า… “แท้ที่จริงแล้วมันเป็นเพราะข้าที่ทําให้ไป๋จื้อหลินตาย ทว่าแน่นอนว่าเขาเพียงตายปลอม ๆ”

ฉับพลันหลังจากนั้น เข็มยาฉีดเข้าไปในร่างของไป๋จื้อเฉิง  ไป๋จื้อเฉิงลืมตาขึ้น!

“พรวด!”

ไป๋จื้อหลินโกรธจนกระอักเลือด “เจ้า… เจ้า… มู่เฉียนซีเจ้าโกหกข้า… เจ้า…”

มู่เฉียนซีไม่สนใจ นางมองไปที่ไป๋กั๋วกงและกล่าวอย่างจริงจัง “ไป๋กั๋วกง ท่านอย่าได้ให้อภัยกับเรื่องนี้เลย”

ไป๋กั๋วกงทอดถอนใจ “วันนี้ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย  ผู้นําตระกูลมู่ พวกข้าติดหนี้คนของหอหมอปีศาจและคนของตระกูลมู่อย่างมาก”

มู่เฉียนซี “ในเมื่อติดหนี้มากก็ค่อย ๆ คืนมาเถอะ  อย่างไรเสียหอหมอปีศาจของพวกข้าก็ยังต้องอยู่ในแคว้นชิงอีกนาน”

ในที่สุดไป๋จื้อหลินก็สูญเสียทุกอย่าง เขาถูกลบออกจากลําดับวงศ์ตระกูล  ไม่พอ ยังถูกขับไล่ออกจากจวนกั๋วกงอย่างถาวร

……

“มู่ซี  มู่ซี…”

ทุก ๆ วัน  น่าหลานอวี้จะมาที่หอหมอปีศาจและเรียกมู่ซีด้วยน้ำเสียงโหยหาแววตาลึกซึ้ง

มู่เฉียนซีรู้สึกจนปัญญานัก ในความเป็นจริงนางอยู่ตรงหน้าเขา เพียงแต่เขาไม่สามารถรู้ได้ว่านางคือมู่ซี มู่ซีคือนาง

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “วันนี้เจ้ามาทําอะไรที่นี่อีก ?”

น่าหลานอวี้ “มู่เฉียนซี มู่ซีออกมาไม่ได้จริง ๆ หรือ ?”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจริงจัง “การปรุงยาเป็นงานที่ละเอียดอ่อน  มันมิใช่งานที่จะสามารถเลิกกลางคันได้ มิเช่นนั้นความสําเร็จของการทดลองในเดือนนั้นทั้งหมดจะพังพินาศเจ้าเข้าใจหรือไม่ ?” น่าหลานอวี้พึมพํา “เช่นนั้นก็น่าเสียดาย…”

“อะไรน่าเสียดายรึ ?” มู่เฉียนซีถามขึ้น

น่าหลานอวี้กล่าวตอบ “เมืองลับที่ชายแดนระหว่างแคว้นชิงและแคว้นชวนจะจัดงานซื้อขายครั้งใหญ่ขึ้น เมื่อถึงเวลานั้น หากโชคดีก็จะเจอของดี ๆ  มู่ซีเป็นนักปรุงยา ถ้าหากเขาไปก็คงจะสามารถหาสมุนไพรวิญญาณที่เขาชอบได้…

…แต่เขากําลังเก็บตัวอยู่ในตอนนี้ เกรงว่า…”

มู่เฉียนซีรีบกล่าว “จริงอยู่ที่เขาไปไม่ได้ แต่ข้าไปได้  สิ่งที่มู่ซีทำได้ข้าก็ทำได้”

น่าหลานอวี้ “ข้าพาเจ้าไปได้ แต่เมื่อไปแล้วเจ้าต้องไม่ซื้อของที่เจ้าชอบ แต่จะต้องนําของที่มู่ซีชอบกลับมาให้มู่ซี”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญา “แน่นอน เขาจะต้องชอบของที่ข้าซื้อ เจ้าวางใจเถอะ”

“เช่นนั้นก็ตามนี้ พรุ่งนี้ข้าจะมารับเจ้าตกลงหรือไม่ ?”

“ตกลง”

วันถัดมา  เมื่อน่าหลานอวี้มาถึงและเห็นเด็กหนุ่มผู้สง่างามผู้นั้นก็นิ่งอึ้งไปอย่างสิ้นเชิง เขานึกว่าตนเองได้เห็นมู่ซีแล้ว

ทว่าเพียงหนึ่งเปลือกตากะพริบ  ใบหน้าที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงปรากฏแก่สายตา  ทําให้เขารู้สึกตัวขึ้น

น่าหลานอวี้กล่าวขึ้นว่า “มู่เฉียนซีเจ้าแต่งกายเป็นบุรุษก็เพียงพอแล้วมิใช่รึ ? จะใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ของมู่ซีออกมาเช่นนี้ทำไมกัน ? เจ้าเกือบทําให้ข้าจําคนผิดแล้ว”

มู่เฉียนซี “ข้ารู้สึกว่าการสวมอาภรณ์บุรุษนั้นสะดวกกว่า  ข้าหยิบมาเพียงชุดเดียวเท่านั้นและเปลี่ยนมัน เจ้าดูตกใจมาก”

“เจ้าหมายความว่าอย่างไรที่ว่าหยิบมาเพียงชุดเดียว นี่คืออาภรณ์ของมู่ซีชัด ๆ ข้าเคยเห็นมาก่อน”

สําหรับความสัมพันธ์อันสนิทสนมที่ทั้งสองคนสามารถสวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ร่วมกันได้ ช่างทำให้หัวใจของน่าหลานอวี้เจ็บปวดเสียจริง

มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย นางแสดงออกอย่างชัดเจนแล้วแท้ ๆ แต่น่าหลานอวี้ก็ยังคงไม่รู้ตัว

ทั้งสองรีบไปที่เมืองลับ น่าหลานอวี้มองมู่เฉียนซีที่สวมอาภรณ์ของบุรุษด้วยใบหน้าหม่นเศร้า  ทว่ายิ่งเขามองก็ยิ่งมีบางอย่างผิดปกติ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่านางเหมือนมู่ซีจริง ๆ

ในตอนที่มู่เฉียนซีสวมใส่อาภรณ์แบบสตรีปกติธรรมดา เขามิได้รู้สึกว่านางเหมือนมู่ซี แต่ด้วยอาภรณ์แบบบุรุษนี้ ความรู้สึกของเขาก็ยิ่งชัดเจนขึ้น

น่าหลานอวี้กล่าวว่า “มู่เฉียนซี  เจ้าชอบข้าใช่หรือไม่ ?  ไม่อย่างนั้นเจ้าจะเรียนรู้นิสัยของมู่ซี แล้วมาดึงดูดความสนใจของข้าเช่นนี้ไปทำไมกัน ?”

มู่เฉียนซีรู้สึกหน่ายหนักใจราวกับว่ามีอีกานับไม่ถ้วนบินผ่านบนศีรษะของนาง  นี่มันไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว…

มู่เฉียนซีกล่าว “นายน้อยน่าหลาน  เจ้าไม่จําเป็นต้องคิดไปเอง ข้านั้นอยู่กับมู่ซีตั้งแต่เล็กจนโต รูปแบบพฤติกรรมของเราทั้งสองคนจึงคล้ายกันเท่านั้นเอง”

“นายน้อยน่าหลานเจ้าฟังให้ดี ๆ  คู่หมั้นของข้าดูดีและเก่งกาจกว่าเจ้ามาก แม้ว่าข้าจะพอใจเจ้า ทว่าก็ไม่ได้ชอบเจ้า”

น่าหลานอวี้พยักหน้า กล่าวว่า “หากเป็นเช่นนั้นข้าก็วางใจ”

ระหว่างทาง พวกเขามาถึงเมืองเร้นลับ มันเป็นเมืองการค้าอันคึกคักเป็นพิเศษที่อยู่บนชายแดนของทั้งสองแคว้น

น่าหลานอวี้กล่าวว่า “พักหนึ่งคืน พรุ่งนี้ก็เป็นวันเริ่มต้นของการซื้อขายแล้ว”

เช้าตรู่ของวันถัดมา น่าหลานอวี้พามู่เฉียนซีไปที่งาน  สถานที่จัดงานขนาดใหญ่เต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่ามากมาย ทว่ามีสิ่งของไม่กี่อย่างเท่านั้นที่เข้าตามู่เฉียนซี

ในที่สุดนางก็เห็นบางอย่างในร้าน ดวงตาของนางส่องประกายขณะกล่าวขึ้นในทันใด

“น่าหลาน พวกเราเข้าไปในนั้นกันเถอะ”

มู่เฉียนซีเดินไปที่ร้าน  หยิบกิ่งไม้สีดําที่ดูแห้งเหี่ยวขึ้นมาก่อนจะกล่าวถามว่า “เถ้าแก่ กิ่งไม้นี้ขายอย่างไรหรือ ?”

.