บทที่ 197 ยอมรับความพ่ายแพ้

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

บทที่ 197 ยอมรับความพ่ายแพ้

 

หลัวซิวเหวี่ยงดาบเปลวไฟสีดำออกไปปิดกั้นแส้ยาวงูเหลือมเลือดทั้งหกที่โจมตีจากด้านหน้า ป้องกันได้อย่างไร้ที่ติ

ทันใดนั้น แส้ยาวงูเหลือมเลือดอีกสามแส้ก็โจมตีมาอย่างรวดเร็ว

“ดาบดับสิ้น!”

สีหน้าหลัวซิวราบเรียบ เปล่งเสียงต่ำออกมา ให้ดาบฆ่าห้วงยุทธ์เพิ่มพลังในมือดาบของเขา แสงกระบี่เปลวไปดำฉีกทุอย่างเพื่อป้องกัน

เสียงคำรามดังมาจากเวทีการแข่งขัน แส้ยาวงูเหลือมเลือดหกอันที่เกิดจากค่ายกลการสังหารระดับ 4 ถูกแสงกระบี่เปลวไปดำฟันจนแตกกระจาย

ค่ายกลระดับ 4 ขั้นแรก มีพลังมากที่สุดเทียบเท่ากับระดับ 3 ของการฝึกจิต และหลัวซินในตอนนี้ แม้จะไม่ได้แสดงไพ่ตายมากมายออกมา ก็สามารถเผชิญกับฝึกจิตขั้น 4ได้

วิธีการทั้งหมดในระดับนี้ ไร้ประโยชน์สำหรับเขาทั้งนั้น

“บูม!”

หลัวซิวฟันดาบอีกครั้ง ค่ายกลระดีบ 4 ขั้นแรกก็แตกออกมา

วินาทีที่ค่ายกลถูกทำลาย หลัวซิวได้ใช้ตามลมล่าจันทรา เหมือนลำแสงวิ่งไปยังเฉิงเซวียนที่อยู่ไม่ไกล

เห็นหลัวซิวทำลายค่ายกลของตัวเองได้อย่างง่ายดาย ดวงตาของ เฉงเซวียนหรี่ลง แต่ก็อยู่ในความคิดของเขาเหมือนกัน

เพราะมีข่าวลือว่าหลัวซิวมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับการฝึกจิตขั้น 7 หากไม่สามารถทำลายค่ายกลระดับ 4 ขั้นแรกได้ ก็ไม่สามารถผ่านด่านหอคอยมังกรบินชั้น 7 ได้

“ค่ายกล!”

เฉิงเซวียนถอยกลับอย่างรวดเร็ว และธงค่ายเก้าแสงก็บินออกจากร่างของเขาอีกครั้ง เปลี่ยนเป็นม่านแสงสีเขียวที่ปกคลุมร่างของเขา

เห็นดาบเปลวไฟดำฟันลงบนม่านแสงสีเขียว เกิดเป็นระลอกคลื่น โล่ม่านแสงผิดรูปเล็กน้อย แต่ไม่ได้แตกออกจากกัน

ค่ายกลการป้องกันระดับ 4 ขั้นกลาง!

ค่ายกลระดับนี้ มีพลังของปรมาจารย์ยุทธ์การฝึกจิตขั้นแรกแล้ว

สีหน้าของหลัวซิวไม่ได้เปลี่ยนแปลง เขาคาดเดาว่าค่ายกลระดีบ 4 ยังไม่ใช่ไพ่ตายของเฉิงเซวียน

“พลังแปรเสวียนเทียน!”

หลัวซิวใช้พลังหกเท่าโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เหมือนกับดาบเปลวไฟดำพุ่งทะยาน พลังแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

บูม! บูม! บูม! …

ร่างเนื้อที่เทียบได้กับร่างยุทธ์ขั้นสูงรวมกับพลังแปรเสวียนเทียนหกเท่า หลัวซิวเหมือนมังกรบ้าคลั่งในรูปร่างมนุษย์ การรุกของเขานั้นรุนแรงและแข็งแกร่ง

ค่ายกลป้องกันม่านแสงที่ห่อหุ้มเฉิงเซีวยนสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และแสงก็ค่อยๆ อ่อนลง ราวกับว่ามันจะแตกสลายในอีกวินาทีครั้งหน้า

“ไปตายซะเถอ!”

จู่ๆ ยันต์หยกสีเขียวก็ปรากฏขึ้นในมือของเฉิงเซวียน และพลังอันน่าสะพรึงกลัวถูกส่งออกมาจากยันต์หยก

นักกลั่นยาเก่งในการกลั่นยา นักหลอมอาวุธเก่งด้านการหลอมอาวุธและชุดเกราะ และนักค่ายกลเก่งด้านการทำค่ายกลและสร้างสมบัติต่างๆ

ยันต์ คือผนึกของภูมิปัญญาของนักค่ายกล ซึ่งรวมรูปแบบการก่อตัวของยันต์ที่ซับซ้อนกลั่นให้อยู่ในหยกขนาดเล็ก ซึ่งสามารถกระตุ้นพลังอันทรงพลังได้ในทันที

นักค่ายกลที่แท้จริง ในมือจะมีธงค่ายและยันต์อย่างแน่นอน ความหลากหลายของวิธีการแปลก ๆ ที่ไม่รู้จบทำให้จอมยุทธ์ธรรมดายากต่อการป้องกัน

ระดับยันต์ต่างกัน ระหว่างที่ทำหยกที่ใช้ก็ต่างกัน

ยันต์หยกสีเขียว ทำจากหยกเขียว ซึ่งแสดงถึงระดับ 5 !

ยันต์เขียวนี้เป็นไพ่ตายของเฉิงเซวียน แค่ยันต์นี้เพียงอย่างเดียวก็มีค่าเท่ากับหินพลังจิตนับหมื่น

เพื่อที่จะชนะโควต้าในแดนปริศนามาได้ ไม่ว่าเครื่องรางหยกจะมีค่าเพียงใด ในขณะนี้เฉิงเซวียน ก็ไม่สนใจอะไรแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเขาสามารถเอาชนะหลัวซิวได้ต่อหน้าผู้คน เขาก็จะต้องได้รับเกียรติสูงสุด แน่นอนว่าจะต้องมีกองกำลังต่างๆ ที่แย่งชิงตัวเขา เมื่อถึงเวลานั้นจะขาดทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนเหรอ?

เมื่อเห็นว่าค่ายกลการป้องกันระดับ 4 ขั้นกลางกำลังจะถูกหลัวซิวทำลาย เฉิงเซวียนกัดฟันและบดขยี้เครื่องรางหยกเขียวในมือเขาให้แตก เจตนาฆ่าอย่างดุเดือดและน่าสะพรึงกลัวได้แผ่ออกมา

แสงสีเขียวพุ่งเข้าหาหลัวซิวราวกับเป็นการฝึก อากาศสั่นสะเทือนผันผวน

เมื่อยันต์ระดับ 5 ถูกใช้ ก็เปรียบได้กับการโจมตีหนึ่งครั้งของราชายุทธ์ธรรมดา

การแข่งขันเพื่อชิงโควต้า ไม่จำกัดวิธีการต่อสู้ของจอมยุทธ์ แค่สามารถฆ่าหรือเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ ก็จะได้โควต้าสุดท้ายมาได้

“เจ้าตายแน่! สามารถตายได้ภายใต้ยันต์ระดับ 5 เจ้าก็สามารถหลับตาตายอย่างสงบได้แล้ว”

รอยยิ้มน่าสยดสยองปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฉิงเซวียน ยันต์ระดับ 5 ฆ่าจอมยุทธ์การฝึกจิตผู้หนึ่งเป็นเรื่องง่ายดายมาก

“ไม่ดี!” เสิ่นหยวนหนานซึ่งนั่งอยู่บนที่นั่งผู้ชม ลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ ใบหน้าเป็นกังวล

ไม่ว่าจะเพื่อส่วนรวมหรือส่วนตัว เขาไม่สามารถนั่งดูเกิดเรื่องได้

ใต้เวทีการแข่งขัน เหยียนซีโร่วที่เห็นภาพนี้ ในใจกระตุกอย่างกังวล

จอมยุทธ์อื่นๆ บางคนดูเป็นเรื่องสนุก บางคนกำลังจ้องมองอย่างจริงจัง เฝ้าดูด้วยการแสดงออกที่แตกต่างกัน

“เจ้ายินดีเร็วเกินไปแล้ว”

ทันใดนั้น เสียงเยาะเย้ยก็มาจากเวทีการแข่งขัน

ทุกคนจมองไป เห็นแต่พลังจิตที่เปร่งกระกายอยู่บนเวที ร่างๆหนึ่งค่อยๆ โผล่ขึ้นมาด้านหลังเฉิงเซวียน

เดิมทีที่เฉิงเซีวยนได้ใช้ค่ายกลการป้องกันระดับ 4 ขั้นกลาง ม่านแสงได้แตกออกจนหมด

“เป็น…เป็นไปไม่ได้! ทำไมเจ้าไม่โดนยันต์ระดับ 5 ฆ่าตาย?” เฉิงเซวียนอุทานด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนไป

“จิตสำนึกของเจ้าไม่สามารถล็อคตัวข้าไว้ได้ ไม่ว่ายันต์ระดับ 5 ทรงพลังมากแค่ไหน ตามพลังการฝึกจิตของเจ้าแล้วไม่สามารถควบคุมได้ ยิ่งไม่สามารถโจมตีข้าได้เลย มีประโยชน์อะไรเล่า?”

หลัวซิวยิ้มเยาะเย้ยและไม่ให้เฉิงเซวียนมีโอกาสตอบโต้ใดๆ ดาบที่เกิดจากเปลวไฟดำ ฟันลงไปทันที

“หยุดนะ!”

ในที่นั่งสำหรับผู้ชม นักค่ายกลชายชราคนหนึ่งที่หน้าอกเขามีตราระดับ 5 ก็ลุกขึ้นยืนทันทีด้วยความตกใจและตะโกนเสียงดัง

กฎของการแข่งขันรอบที่สาม ไม่มีข้อจำกัดว่าไม่อนุญาตให้มีผู้ตาย

แต่อัจฉริยะที่สามารถผ่านเข้ารอบที่สามจากวีรบุรุษรุ่นเยาว์ 100,000คน แต่ละคนล้วนเป็นขุมทรัพย์ของกองกำลังต่างๆ

ดังนั้นเมื่อมองเห็นกระบี่ยุทธ์ของหลัวซิวฟันลงไปยังคอของเฉิงเซวียน ตัวแทนราชายุทธ์ของแก๊งนักค่ายกลก็ไม่สามารถนั่งนิ่งอยู่ได้

“วูม!”

แสงสีกากีควบแน่นเป็นรูปโล่ปรากฏขึ้นด้านหลังเฉิงเซวียน

ดาบเปลวไฟดำของหลัวซิวฟาดฟันลงไป พลังที่สะท้อนกลับมาทำให้ดาบเปลวไฟดำแตกเป็นผงทันที

เมื่อมองดู โล่แสงสีกากียังคงนิ่งอยู่เหมือนเดิม พันกันด้วยค่ายกลลายเส้นและยันต์

“นี่ก็คือความสามารถของปรมาจารย์นักค่ายกลขั้น 5 เหรอ?” ดวงตาของหลัวซิวหรี่ลงเล็กน้อย ประหลาดใจและตะลึงเล็กน้อย

ในทางทฤษฎี ความสามารถเขาถึงปรมาจารย์นักค่ายกลระดับ 5 แต่หลัวซิวไม่ใช่ปรมาจารย์นักค่ายกลระดับ 5 อย่างแน่นอน

ปรมาจารย์นักค่ายกลขั้น 5 ที่แท้จริง เกือบจะหลุดพ้นจากพันธนาการของธงค่ายรูปแบบแล้ว จิตสำนึกจะควบคุมพลังฟ้าดิน สามารถวาดรูปแบบค่ายกลอักษรกลางอากาศได้ ผสานการโจมตีและการป้องกันเข้าด้วยกัน

และหากปรมาจารย์นักค่ายกลระดับ 5 ใช้ธงค่ายในการจัดตั้ง พลังก็จะยิ่งแกร่งมากกว่า ในบรรดาราชายุทธ์ระดับเดียวกัน การต่อสู้นั้นน่าทึ่งมาก

ในเมื่อมีปรมาจารย์นักค่ายกลระดับ 5 เข้ามาเกี่ยวข้อง หลัวซิวจึงถอยห่างออกไปหลายสิบเมตรและไม่ได้โจมตีอีกต่อไป

“ข้ายอมแพ้”