บทที่ 198 การแข่งขัน (1)
เฉิงเซวียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ ใบหน้าของเขาซีดและพูดอย่างไม่เต็มใจ
เสียงปรบมือดังขึ้นจากล่างเวทีแข่งขัน เนื่องจากการต่อสู้นั้นยอดเยี่ยมมาก หลัวซิวได้แสดงความแข็งแกร่งของตนเองออกมาอย่างแท้จริง และด้วยดาบที่ทำจากพลังจิตแท้ของเขา เอาชนะปรมาจารย์นักค่ายกลระดับ 4 ได้
การแข่งขันดำเนินต่อไป และในไม่ช้าก็ถึงตาเหยียนซีโร่ว
คู่ต่อสู้ที่นางเลือกคือจอมยุทธ์นักฝึกจิตขั้น 2 ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 7 ในบรรดาจอมยุทธ์อายุน้อย ชื่อ หวางฉวน
เหยียนซีโร่วก้าวเข้าสู่เวทีแข่งขัน ทันใดนั้นก็ดึงดูดความสนใจของทุกคน นางสวมชุดยาวสีขาว ถือดาบอยู่ในมือ ชุดของนางกระพือไปมาราวกับนางฟ้า
“คนงาม แม้ว่าพลังของเจ้าไม่ได้อ่อนแอ แต่เลือกข้าเป็นคู่ต่อสู้ คือความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดของเจ้า”
บนหลังของหวางฉวน แบกหอกสงความสีเขียวอยู่ข้างหลังเขา ดวงตาของเขาเฉียบคมราวกับมีด
เหยียนซีโร่วไม่พูดอะไร แค่ลูบกระบี่ยุทธ์ที่หลัวซิวมอบให้ ดูเหมือนว่ามีกระบี่ยุทธ์เล่มนี้อยู่เคียงข้าง สามารถทำให้นางไม่เกรงกลัวความยากลำบากใดๆ
“เริ่มเถอะ” ดวงตาคู่สวยเผยความเฉยเมย จ้องไปที่คู่ต่อสู้อย่างเย็นชา
“บูม!”
หวางฉวนส่งเสียงเย็นชาออกมา เหยียบพื้นด้วยฝ่าเท้าของเขา และหอกสงครามพุ่งออกไปราวกับมังกรเขียวคำรามอย่างดุดัน พุ่งเข้าหาเหยียนซีโร่ว
“แคร่ง!”
กระบี่ยุทธ์ของเหยียนซีโร่วออกมาจากฝัก ดาบเคลื่อนตัวราวกับสายน้ำ และมีเจตนาฆ่าที่ซ่อนอยู่ในความงาม
ในช่วงเวลาสั้นๆ ทั้งสองต่อสู้บนเวทีหลายสิบรอบ
ร่างของหวางฉวนถอยกลับ จ้องไปที่หอกสงครามในมือด้วยสีหน้าขรึม และเห็นว่ามีรอยดาบและรอยแตกบนนั้น ได้รับความเสียหายในการต่อสู้
“ดาบคมอะไรอย่างนี้!”
หลายคนที่ดูการต่อสู้ที่อยู่ด้านล่างเวทีแข่งขัน ต่างก็มองเห็นเบาะแสเช่นกัน
หอกสงครามของหวางฉวนเป็นอาวุธระดับล่างขณะนี้ ได้รับความเสียหายหลังจากต่อสู้หลายสิบรอบ หมายความว่าดาบในมือของ เหยียนซีโร่ว เป็นอาวุธระดับสูง?
จอมยุทธ์นักฝึกจิตช่วงปลายจำนวนมากต่างเปร่งกระกายเร่าร้อนออกมา เพราะอาวุธระดับสูงเป็นอาวุธที่ราชายุทธ์ใช้กัน ปรมาจารย์ฝึกจิตส่วนมากจะใช้อาวุธระดับกลาง บางคนที่มีเบื้องหลังใหญ่ถึงจะได้ใช้อาวุธสูงเท่านั้น
อาวุธแข็งแกร่งอยู่ในมือ สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของตนเองได้มากกว่าสองหรือสาม
และดาบในมือของเหยียนซีโร่ว เป็นดาบที่ก่อนหน้านี้หลัวซิวให้นางยืม หลัวซิวไม่ใช่อาวุธก็แข็งแกร่งแล้ว หากยังใช้อาวุธระดับสูง งั้นก็ต้องแข็งแกร่งกว่าเดิมสิ
แต่ทุกคนไม่รู้ว่าระดับของกระบี่ยุทธ์เล่มนี้ จริงๆแล้วเป็นอาวุธระดับกลาง ไม่ใช่ระดับต่ำ
แต่การฝึกฝนของเหยียนซีโร่วนั้นไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นพลังของดาบระดับสูงนี้ ดังนั้นทุกคนจึงนึกว่ามันเป็นดาบระดับต่ำ
ดาบระดับต่ำเล่มหนึ่ง ถึงแม้ราชายุทธ์จะอยากได้ แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะเกิดความโลภ แต่ถ้าเป็นดาบระดับกลางก็จะอีกเรื่องหนึ่ง เพราะมันคืออาวุธที่ราชายุทธ์จะใช้กัน
“แคร่ง! แคร่ง! แคร่ง!”
บนเวที อาวุธประทะกันจนเกิดประกายไฟ เงาของหอกและดาบไขว้กัน ฉีกอากาศพลังจิตแท้ผันผวนอย่างรุนแรง
หากพูดถึงความแข็งแกร่งจริง เหยียนซีโร่วแย่กว่าหวางฉวนเล็กน้อย แต่ดาบระดับกลางเล่มหนึ่ง ก็เพียงพอที่จะชดเชยช่องว่างที่ไม่ได้ห่างกันมากนักได้
“ แคร่งแคร่ง!”
เสียงคมชัดดังมาจากเวทีแข่งขัน หลังจากประทะกันนับไม่ถ้วน หอกสงครามของฉวน ไม่สามารถต้านทานการฟันของกระบี่ยุทธ์ระดับกลางได้ เสียงหักดังขึ้นมา
ทันทีที่อาวุธแตกหัก การโจมตีของหวางฉวนก็หยุดลงทันที
เหยียนซิโร่ว รีบฉวยโอกาสนี้ทันที แสงดาบชี้คิ้วของคู่ต่อสู้ในทันที
สีหน้าของหวางฉวนหดหู่ลงทันที “หากเจ้าไม่ได้ใช้กระบี่ยุทธ์ระดับนี้ ข้าจะไม่แพ้ให้เจ้าเด็ดขาด”
หากการต่อสู้ครั้งนี้พ่ายแพ้ สิ่งที่จะสูญเสียคือโควตาในแดนปริศนา และในชีวิตนี้ก็จะไม่มีโอกาสอีกต่อไป
มีหยาดเหงื่อบาง ๆ ซึมออกมาบนหน้าผากของเหยียนซีโร่ว ความแข็งแกร่งของนางนั้นอ่อนกว่าหวางฉวนจริง ๆ ถ้านางใช้ดาบตัดอาวุธของคู่ต่อสู้ ผู้ที่พ่ายแพ้ก็จะเป็นนาง
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ นางก็ยิ่งรู้สึกขอบคุณหลัวซิวมากขึ้นไปอีก ดวงตาสวยอดไม่ได้ที่จะมองไปยังหลัวซิว
ขณะที่นางละสายตาไปจากเขา ดวงตาของหวางฉวนมีความเหี้ยมผุดขึ้นมา
“ระวัง!”
หลัวซิวสังเกตเห็นแล้วตะโกนเตือนทันที
เห็นหวางฉวนใส่พลังจิตแท้ลงไปในหอกที่หัก และแทงไปยังจุดตันเถียนของเหยียนซีโร่วอย่างเหี้ยมโหด
ถ้าเขาแทงลงไปสำเร็จ แม้ว่าจะไม่ตาย พลังจิตแท้ที่มาจากการฝึกฝนก็จะหายสาบสูญไป เขาช่างเลวร้ายและโหดเหี้ยมนัก
“วูบ!”
หลัวซิวใช้ตามลมล่าจันทรา ร่างราวกับแสง ไปถึงบนเวทีทันที ยื่นมือออกดึงเหยียนซีโร่วไปด้านหลัง
“ฉึก!”
หวางฉวนใช้แรงทั้งหมดในการแทง แทงลงไปบนร่างของหลัวซิวอย่างโหดเหี้ยม เลือดสาดประเด็นไปทุกที่
แม้ว่าร่างเนื้อของเขาจะถึงขั้นร่างยุทธ์ขั้นสูงสุดขีด เทียบเท่ากับร่างเนื้อระดับสูงสูง แต่ก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของอาวุธระดับล่างได้โดยไร้ความเสียหาย
“ไปตายซะ!”
ละเลยบาดแผลบนร่างกาย หลัวซิวยกมือขึ้นและฟันออกไปดาบเปลวไฟดำรุกโชนถึงสิบฟุต
“พรึบ พรึบ!”
ในขณะนี้ ร่างอีกสองร่างปรากฏตัวขึ้นบนเวทีแข่งขัน คนหนึ่งคืออาจารย์ของเหยียนซีโร่ว ผู้อาวุโส ไป๋หุ้ยเหลียน ของสำนักไป๋ซิงกู่ อีกคนเป็นผู้อาวุโสของหวางฉวน และอีกคนเป็นชายชราผู้เป็นราชายุทธ์
เห็นแค่ผู้อาวุโสตระกูลหวางเอื้อมมือไปคว้า ก็บดขยี้ดาบเปลวไฟดำที่หลัวซิวฟันลงมา และปกป้องหวางฉวนให้อยู่ข้างหลังเขา
ไป่หุ้ยเหลียนก็ปรากฏตัวข้างเหยียนซีโร่วเช่นกัน
“หลัวซิว เจ้าได้รับบาดเจ็บแล้ว” เหยียนซีโร่วมองท้องน้อยของหลัวซิวที่ถูกหอกหักแทงอย่างเป็นกังวล
“ไม่ต้องกังวล เป็นแค่อาการบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น” หลัวซิวปลอบโยนเธอ และดึงหอกหักที่ออกมาโดยตรง
โชคดีที่ร่างเนื้อของเขาแข็งแกร่ง และหอกหักไม่ได้แทงเข้าจุกตันเถียนของเขา แค่บาดเจ็บเพียงเท่านั้น
“หลัวซิว เจ้าช่างกล้านัก กล้าดียังไงมาขวางการแข่งขันโดยไม่ได้รับอนุญาต!” เหลยเว่ยหลง เจ้าสำนักของสำนักเหลยหวู่ จู่ๆ ก็ลุกขึ้นยืนจากที่นั่งรับชมและตะคอกอย่างเคร่งขรึม
“การแข็งขันครั้งนี้สำคัญมาก หากสามารถเข้าไปยุ่งแบบได้ง่ายๆ มารยาทอยู่ไหน?” ผู้อาวุโสของสำนักชิงเทียนเจี้ยนก็ตะคอกด้วยท่าทีที่ไม่ดี
“หนานหรงชินหวางขอรับ ชายผู้นี้เข้ามายุ่งการแข่งขันโดยไม่ได้รับอนุญาต เขาควรได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง!” ยังมีคนจำนวนมากที่เป็นราชายุทธ์ผู้เข้มแข็งจากกองกำลังอื่นต่างก็เห็นด้วย
“หลัวซิวเป็นการช่วยคน!” มีเพียงหัวหน้า เสิ่นหยวนหนานเท่านั้นที่โต้กลับอย่างเย็นชา