บทที่ 383

บทที่ 383

นี่คือพลังอำนาจของคำพูด… เพียงประโยคเดียวของเขา มันก็สามารถเปลี่ยนความคิดและชะตาชีวิตของเจ้านายตัวเองได้ภายในพริบตา

จริง ๆ แล้ว ถังหยินรู้สึกแย่ต่อเฉียนหยีอยู่ แต่เมื่อได้ยินคำของซงหยวน เขาก็เปลี่ยนความคิดไปในพลัน

ชายหนุ่มพยักหน้าให้แล้วบอกกับชิวเจิ้น “ไม่ว่าจะยังไงพวกเราต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับนางให้ได้มากที่สุด”

ชิวเจิ้นประกบมือรับคำ

เมื่อคุยกันจบก็มีเสียงเคาะประตู “ท่านแม่ทัพเฉิงต้องการเข้าพบขอรับ”

“ให้เขาเข้ามา” ถังหยินตอบกลับ

ประตูเปิดออกและเฉิงจินก็เข้ามาอย่างรวดเร็วแล้วคุกเข่าต่อถังหยิน “นายท่าน ข้าได้เรื่องของจ้าวหลิงแล้ว” เขายื่นเอกสารให้กับถังหยิน

ชายหนุ่มดีใจมากแล้วยื่นมือไปหยิบมันมา

ซึ่งเมื่อเขาก้มหัวลงไปอ่าน ชายหนุ่มก็ได้พบเข้ากับข้อมูลการปลอมแปลงตัวตน

เมื่อจ้าวหลิงอายุ 5 ขวบ นางได้ถูกโจรลักตัวไป ทว่าแทนที่จะฆ่า โจรพวกนั้นกลับเอาตัวนางไปขายให้กับชาวนาในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ห่างไกล ส่วนเด็กสาวที่ปลอมตัวในครั้งนี้คือ ซูไต้หมาน

ด้วยเพราะเมียของชาวนาผู้นั้นรักจ้าวหลิงมาก ทำให้นางไม่กล้ากลับเข้ามาในวังและใช้ชีวิตอยู่ที่แห่งนั้นอย่างสงบ จนกระทั้งตอนนางมีได้อายุ 15 ปีเท่ากับซูไต้หมานพอดี และเพราะอายุเท่ากันนี่เอง จึงทำให้ทั้งสองสนิทกัน จนจ้าวหลิงเผลอเล่าเรื่องที่มาที่แท้จริงของตัวเองออกไป ทำให้ไต้หมานคิดการใหญ่ และเลือกที่จะทำการสวมรอยนี้โดยไม่บอกกล่าว

จ้าวหลิงเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ในบ้านไร่แห่งนี้โดยไม่ได้ใส่ใจเรื่องคนตระกูลจ้าวแม้แต่นิดเดียว ต่อให้ถังหยินจะขับไล่ซ่งเทียนได้และประกาศหาเชื้อพระวงศ์ที่รอดชีวิตก็ตาม

ต่อให้นางจะไม่ได้เป็นอ๋อง แต่นางก็ยังใช้ชีวิตอย่างสุขสบายได้ ยิ่งไปกว่านั้นคนที่จะตามฆ่าจ้าวหลิงก็ถูกฆ่าไปหมดแล้ว ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครตามมาเอาชีวิต

…ตอนแรก จ้าวหลิงอยากจะใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านนี้ตลอดไป แต่นางก็ทนความดื้อรั้นของไต้หมานไม่ไหวและตัดสินใจว่าจะเดินทางกลับไปยังวังหลวงพร้อมกับไต้หมาน

ตัวไต้หมานนั้น นางรู้ดีว่าเมื่อจ้าวหลิงไปถึงวังหลวง อีกฝ่ายจะกลายเป็นอ๋องทันที ส่วนนางก็จะกลายเป็นคนธรรมดาเท่านั้น

ดังนั้นเมื่อไปถึง ไต้หมานก็จึงใช้ก้อนหินฆ่านางทิ้งทันทีแล้วเก็บก้อนหยกไป ก่อนจะทำการประกาศว่าตัวเองคือจ้าวหลิง ลูกสาวของท่านอ๋องคนก่อน !

นี่คือเรื่องราวทั้งหมด

หลังอ่านจบถังหยินก็หัวเราะออกมาอย่างสะใจ เขาส่ายหัว “ต่อให้ข้าโกหกก็ไม่น่าจะจริงได้ขนาดนี้”

เขาโยนกระดาษทิ้งไปแล้วบอกกับทั้งสามคน “ดูนี่สิ”

พวกเขาอ่านมันแล้วถังหยินก็พูดกับเฉิงจิน “เฉิงจิน คัดลอกเอกสารนี่แล้วเอาไปแจกจ่ายให้ทุกคนในราชสำนักซะ แล้วก็จงบอกเล่าเรื่องนี้ออกไปให้ทั่วกัน”

เฉิงจินรับคำแล้วตอบกลับ “นายท่าน โทษของนางควรจะเป็นการประหารเจ็ดชั่วโคตรหรือไม่ ?”

ถังหยินส่ายหัว “ไม่จำเป็นต้องขนาดไหน ยังไงเสียพวกเขาก็เคยเลี้ยงดูจ้าวหลิงมาก่อน ดังนั้นปล่อยไปเถอะ”

เฉิงจินพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้างั้นโทษของนางคือ ?”

“ตัดเอวของนางวันพรุ่งนี้ตอนเที่ยงตรง”

“รับทราบ” เฉิงจินรับคำ

ในเวลานี้ชิวเจิ้นกับคนอื่นก็อ่านข้อมูลเสร็จสิ้น พวกเขามองหน้ากันก่อนส่ายหัว “จ้าวหลิงไม่ได้ตายเพราะพวกโจร แต่ตายเพราะลูกสาวขี้อิจฉาของชาวนาเนี่ยนะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ?”

ซงหยวนกล่าว “นายท่าน ท่านต้องส่งคนไปตามหาศพของจ้าวหลิงแล้วนำไปฝังอย่างถูกต้อง เพื่อแสดงความจริงใจและภักดีของท่าน”

ถังหยินพยักหน้าให้ “ถ้างั้นฝากจัดการด้วยก็แล้วกันซงหยวน”

เมื่อเรื่องของจ้าวหลิงถูกเผยแพร่ออกไป พวกชาวเมืองที่ได้อ่านเรื่องนี้ต่างก็เกลียดไต้หมานทันที

จากนั้นพวกทางการก็ดำเนินการตามที่ถังหยินบอก โดยตัวไต้หมานนั้น นางได้ถูกพาตัวไปยังลานประหารโดยที่มีคนมาดูจำนวนมาก และเมื่อพวกเขาเห็นไต้หมาน คนเหล่านั้นต่างก็พากันสาปแช่งรวมไปถึงถ่มน้ำลายกับขว้างหินใส่จนพวกทหารต้องหลบออกไป

…ไต้หมานเกือบตายเพราะการรุมประชาทัณฑ์เสียก่อนที่จะถูกประหารเสียอีก

เมื่อเรื่องถูกคลี่คลายไป แต่เรื่องอนาคตของแคว้นเฟิงก็ยังไม่สามารถถูกกำหนดได้ นี่จึงเป็นจุดจบของแคว้นเฟิงและถือเป็นจุดเริ่มต้นอีกครั้งของแคว้นเฟิง

มีใครหลายคนไม่เชื่อว่าจ้าวหลิงตัวปลอมจะคิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ และคิดว่าถังหยินแต่งเรื่องขึ้นเอง

ทว่าอย่าว่าแต่แต่งเรื่องเลย เพราะถังหยินเองก็ไม่รู้หรอกว่าจ้าวหลิงจะเจอเรื่องอะไรแบบนี้ !

เรื่องของเด็กสาวดูเหมือนจะเล็กน้อยแต่มันก็ยิ่งใหญ่มาก เพราะถ้าเกิดว่าจ้าวหลิงตัวปรากฏตัวออกมา ย่อมทำให้อนาคตเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน !

หลังจากเรื่องนี้ ถังหยินก็ได้รับอำนาจมากขึ้นกว่าเดิมเพราะเขาสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ จนทำให้มีชื่อเสียงเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับที่ผู้คนทั้งหลายให้ความเคารพเขามากขึ้น

ก่อนที่พวกขุนนางทั้งหลายจะเริ่มเกิดอาการกระวนกระวาย เพราะชาวเมืองต้องการให้กองทัพเฟิงไปจัดการพวกกบฏให้หมดสิ้นทันที รวมไปถึงขับไล่พวกนักโทษที่จับมาได้ และทำให้เรื่องราวมันจบลง !!

ซึ่งตัวถังหยินก็จัดให้ตามคำขอ โดยไม่รอช้า พวกเขาเตรียมตัวเดินทางไปเมืองหวังทันที

แม่ทัพของเทียนหยวนยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และต่อให้แม่ทัพหลักของแคว้นเฟิงจะเข้าร่วมสงครามด้วย ถังหยินก็จะเพียงรับฟังคำแนะนำในการศึกเท่านั้น ด้วยเขาไม่อยากจะเสียอำนาจทางการทหารในมือไป

ก่อนที่เหลียงฉีจะออกจากสนามรบ เขาก็มาหาถังหยิน

และเหตุที่เขามา ก็เพื่อบอกให้ถังหยินแบ่งกำลังทหารเข้าโจมตีเมืองเฟ่ยและซุ่มโจมตีพวกศัตรูไปด้วยพร้อมกัน

เมืองเฟ่ยอยู่ทางใต้ของเมืองหวัง ถือเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อถึงกัน และเมื่อพวกเขายึดเมืองเฟ่ยได้เมื่อไหร่ ซ่งเทียนก็จะถูกตัดทางหนีทันที

เหตุผลที่เขาคิดแผนนี้ขึ้นมาเพราะคิดว่าซ่งเทียนน่าจะคาดไม่ถึงแน่ และเมื่อเขาเจอกับการโจมตีที่เมืองเฟ่ย เขาจะต้องไม่รอช้าส่งกำลังตัวเองมาช่วย และนั่นก็จะทำให้เมืองหวังมีการป้องกันน้อยลงไป

นี่คือแผนที่ไม่ว่ายังไงอีกฝ่ายก็ต้องเดินหมากตาม ไม่อาจต่อต้านได้เลย

ถังหยินหัวเราะออกมา เพราะแม้แต่ชิวเจิ้นหรือคนอื่นก็คิดแผนนี้ไม่ได้ ซึ่งมันก็ทำให้เขารับฟังแผนนี้และตัดสินใจส่งกองทัพของจี้อิงเข้าโจมตีเมืองเฟ่ย ทั้งยังสั่งให้อู่กวนกับจ้านหูไปจัดการซุ่มโจมตีใกล้กับเมืองหวัง ส่วนเขาจะบัญชาทหารเข้าโจมตีเมืองหวังซึ่ง ๆ หน้า

นอกจากพวกทหาร 2 แสนนายที่ประตูตงแล้ว ถังหยินก็ยังมีกำลังทหารอีกราว 6 แสนนาย โดยชายหนุ่มเลือกที่จะทิ้งกำลังทหารไว้เฝ้าเมืองหลวงด้วยกัน 1 แสนนาย ส่วนที่เหลือก็ให้ติดตามไปรบกันทั้งหมด

พวกขุนนางพากันออกมาส่งถังหยินออกจากเมืองแล้วร้องเพลงสรรเสริญ ด้วยพวกเขาหวังว่าถังหยินจะสามารถจัดการกบฏได้ภายในเร็ววัน พร้อมกับอวยพรให้กลับมาอย่างปลอดภัย

….นอกจากพวกขุนนางแล้ว ก็ยังมีประชาชนมาส่งเขาเหมือนกัน

พวกชาวเมืองได้แต่หวังว่ากองทัพเฟิงจะเป็นผู้กำชัย พวกเขายืนส่งกองทัพทั้งสองข้างทางซ้ายขวาและเดินตามถังหยินออกไปข้างนอก ก่อนจะยืนรออยู่เช่นนั้น

ถังหยินเงยขึ้นมาแล้วมองพวกชาวเมืองที่อยู่ห่างออกไป ก่อนจะกล่าวออกไปว่า “พวกเจ้ากลับไปเถอะ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”

พวกชาวเมืองถาม “นายท่านจะกลับมาพร้อมชัยชนะหรือไม่ ?”

ถังหยินหัวเราะ “กองทัพของข้าจะต้องตัดหัวซ่งเทียนกลับมาแล้วลบล้างความเสื่อมเสียของแคว้นเราได้แน่นอน”

จากนั้นพวกชาวเมืองก็พากันสรรเสริญกองทัพถังหยินกันอย่างกึกก้อง !!