“เอ๊ะ? ทำไมจึงมีอยู่ในจมูกด้วย? ของนี่ใช้ทำอะไรหรือ?” แม้จะรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะไม่สนใจเขา เซี่ยซานก็ยังอดไม่ไหวเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
เป็นไปตามคาด เฟิ่งชิงเฉินยังคงไม่สนใจเขา นางแหวกอกของทารกออก ใช้แท่งใสเล็กๆ แหย่เข้าไปเบาๆ ตอนที่ดึงออกมาก็พบว่าหลอดนั้นมีน้ำนมหลายหยด
เมื่อทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็ถอยหลังไปสองก้าว นางถอดเสื้อนอกออก ถอดหน้ากากอนามัย ภายใต้การรอคอยของทุกคน นางก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“สถานการณ์โดยคร่าวสามารถแน่ใจได้แล้วว่ายามที่เด็กตายก็คือหลังจากตอนที่กินนมแม่ เด็กไม่ได้ถูกใครทำให้หายใจไม่ออก แต่ผู้ที่ป้อนนมดูแลไม่ระวังทำให้เขาขาดอากาศหายใจตาย สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าไม่ได้ถูกคนฆ่าโดยเจตนา”
“เจ้าว่าอะไรนะ? ไม่มีทาง ไม่มีทาง” เมื่อเฟิ่งชิงเฉินพูดจบ มารดาของเด็กก็ตะโกนกู่ร้องอย่างบ้าคลั่งและกระโจนเข้ามาหาเฟิ่งชิงเฉิน
ราวกับเฟิ่งชิงเฉินจะรู้อยู่แล้ว นางพลิกตัวหลบ ถอยกลับไปอยู่ระหว่างหวังชีและเซี่ยซาน
“เป็นเช่นนี้หรือไม่เจ้ารู้อยู่แก่ใจดี หากข้าคิดไม่ผิด เจ้าไม่ได้จ้างแม่นม เจ้าเป็นผู้ป้อนนมเอง” เฟิ่งชิงเฉินชี้ไปที่มารดาของเด็กและกล่าวเย้ยอย่างเย็นชา
หญิงผู้นี้ แม้ไม่ได้ลงมือ แต่เด็กต้องจากไปเพราะความสะเพร่าของนาง อีกทั้งนางยังโยนความผิดนี้ไปให้ผู้อื่นอีก
ช่างน่ารังเกียจสุดจะบรรยาย ได้แต่บอกว่าหญิงที่อยู่ในเรือนของตระกูลใหญ่ไม่ธรรมดาเอาเสียเลย
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” นายท่านรอง หวังชีและเซี่ยซานม้วนไม่เชื่อคำสรุปของเฟิ่งชิงเฉิน แต่เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ พวกเขากลับต้องยอมรับว่านางมีความสามารถจริงๆ
อย่าว่าแต่ตระกูลหวังและตระกูลเซี่ยเลย แม้แต่ครอบครัวธรรมดา เมื่อมีเด็กเกิดมาล้วนมีแม่นมมาดูแลโดยเฉพาะ
ถึงแม้ว่าจะเป็นลูกของอนุภรรยา ที่ต้องเลี้ยงดูเองมีน้อยนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่านี่เป็นผู้ชายคนแรกของนายท่านรองแห่งตระกูลเซี่ย
“เด็กนั่นบอกข้า” เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้พูดอะไร นางมองที่หน้าอกของผู้หญิงผู้นั้นจึงได้เห็น
หญิงที่ให้นมบุตรจะมีหน้าอกที่แตกต่างออกไป ปกติหน้าอกจะค่อนข้างใหญ่และหย่อนคล้อยลงเล็กน้อย
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้หญิงผู้นั้นสวนเพียงแค่ชุดชั้นใน เมื่อมีน้ำนมมากน้ำนมก็จะค่อยๆ ซึมออกมา
ผ่านไปครึ่งวันแล้ว ที่หน้าอกของหญิงผู้นั้นย่อมไม่เหมือนอยู่บ้าง
บุรุษไม่กล้าจ้องมองหน้าอกของสตรีโดยตรง แต่นางไม่เป็นไร
“จะเป็นไปได้อย่างไร? เจ้าโกหก บุตรของข้าตายไปแล้วจะบอกเจ้าได้อย่างไร”หญิงผู้นั้นตื่นตระหนกและไม่รู้จะทำอย่างไรดี เมื่อเห็นสายตาสงสัยของนายท่านรองและทุกคนก็รีบเข้ามาอุ้มศพของเด็กน้อยและร้องไห้ทันที
“ลูกของข้า ลูกน้อยที่น่าสงสารของข้า ดวงใจของแม่…”
นางยิ่งร้องก็ยิ่งดูโศกเศร้ามากขึ้นเรื่อยๆ แต่ผู้ที่อยู่ในนั้นล้วนเป็นผู้มีปัญญา เฟิ่งชิงเฉินพูดเช่นนี้บวกกับท่าทางของหญิงผู้นั้น ทุกคนก็เดาได้เจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ เดิมทีศพก็สามารถพูดได้ เขาบอกสาเหตุการตายกับข้า” เฟิ่งชิงเฉินมีสีหน้ามั่นใจ
สีหน้าของนายท่านรองตระกูลเซี่ยและเซี่ยซานมีสีหน้าย่ำแย่ยิ่งนัก ในยามนี้พวกเขาไม่มีแก่ใจจะจับผิดเฟิ่งชิงเฉินแล้ว
มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นในตระกูลเซี่ย นับว่าน่าขายหน้ายิ่งนัก อีกทั้งยังไม่ได้ปกปิดให้ดีนัก
นายท่านรองตระกูลเซี่ยถีบมารดาของเด็กอย่างแรง
“นังสารเลว ทำให้ลูกข้าต้องตาย”
“ไม่ใช่นะ นายท่าน ไม่ใช่ข้า ข้าเปล่า ข้าไม่ได้ทำ ลูกเป็นดังก้อนเนื้อที่หลุดออกมาจากตัวข้า ข้าจะฆ่าเขาได้อย่างไร นายท่าน ท่านอย่าได้ฟังที่นางพูดเหลวไหล เขาเป็นบุตรคนโตของท่าน ไม่ว่าอย่างไรข้าไม่มีทางต้องทำอย่างนั้นแน่” อนุผู้นั้นกอดขาของเขาและร้องไห้อย่างเศร้าเสียใจและตำหนิเฟิ่งชิงเฉินไม่หยุด
เมื่อพูดเช่นนี้ก็ดูมีเหตุผลอยู่เหมือนกัน
ในเวลานี้ใต้เท้าเว่ยจึงได้สำเหนียกถึงหน้าที่ตนเองขึ้นมาได้ เขาพูดกับเฟิ่งชิงเฉินด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “เฟิ่งชิงเฉิน หากไม่มีหลักฐานก็อย่าพูดเหลวไหลดีกว่าเจ้ามีหลักฐานอะไรมาบอกว่าทารกผู้นี้ไม่ได้ถูกฆาตกรรม แต่ตายเพราะดูแลไม่ดีจนขาดอากาศหายใจตาย?”
เรื่องนี้แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเป็นคนพูดเรื่องนี้ แต่มันก็เป็นการตบหน้าตระกูลเซี่ยอย่างจัง
“อย่ารีบร้อนไป ข้าย่อมมีหลักฐาน ข้าจะปรักปรำผู้อื่นมั่วซั่วได้อย่างไร” สายตาของเฟิ่งชิงเฉินมองไปยังหญิงชุดขาวที่นอนราบอยู่บนพื้นและพูดอย่างเย้ยหยัน
ในขณะที่ใต้เท้าเว่ยมีสีหน้าลำบากใจ เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้รีบร้อน นางก้าวเข้าไปอธิบาย “แท้จริงนั้นง่ายมาก พวกท่านมองหน้าทารกสิ หากถูกคนบีบคอเช่นนั้นจะต้องมีรอยแน่ แต่ดูความจริงสิ ใบหน้าของเด็กไม่มีรอยใดๆ เลย มีเพียงสีเขียวคล้ำที่ปรากฏบนใบหน้าที่เกิดจากการขาดอากาศหายใจเท่านั้น
ต้องรู้ว่าผิวหน้าของเด็กบอบบางมาก แม้ว่าจะแตะต้องเพียงเล็กน้อย รอยก็จะไม่จางหายไปโดยง่าย แต่หากเด็กเสียชีวิต รอยก็ยิ่งจางช้า หากไม่ได้ผ่านไปสองสามวันไม่มีทางจางหายไปแน่ หากเด็กถูกฆ่าจริง ฆาตกรไม่มีทางที่จะไม่ออกแรงเลยแน่
อีกจุดที่สำคัญก็คือในเล็บของเด็กมีปอยสำลี บ่งบอกว่าก่อนที่เด็กจะตายได้จับของที่เหมือนปุยฝ้ายและได้ดิ้นรนเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้รุนแรงมากนัก
หากเด็กถูกฆ่าจริง เช่นนั้นที่เล็บของเด็กก็คงจะไม่มีปอยสำลี หากผู้ใหญ่ต้องการจะทำร้ายเด็กเล็กเช่นนี้ไม่มีทางให้ทารกได้มีโอกาสไขว่คว้าสิ่งใดแน่ อีกทั้งภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น เด็กต้องดิ้นมากแน่”
“นั่นก็เป็นไปได้เช่นกัน คนที่ลงมือสามารถใช้ของหนักๆ เช่นผ้าห่ม เอาทับไว้บนตัวเด็กโดยไม่ต้องลงมือเองก็ได้” เซี่ยซานถามถึงประเด็นสำคัญ…
ทุกคนมองไปที่เฟิ่งชิงเฉินและรอคอยคำตอบจากนาง
เซี่ยซานมีท่าทีข่มขู่อย่างมาก
เรื่องในวันนี้เดิมทีอยากจะหาเรื่องเฟิ่งชิงเฉิน แต่ผลกลับกลายเป็นทำให้วงศ์ตระกูลขายหน้า
ถ้าเฟิ่งชิงเฉินไม่สามารถบอกเหตุผลก็เตรียมตัวซวยได้เลย
กล้าปรักปรำใส่ตระกูลเซี่ยงั้นหรือ จะอาจหาญเกินไปแล้ว!
ท่าทีคุกคามของเซี่ยซานนั้นชัดเจนมาก เฟิ่งชิงเฉินจะไม่รู้ได้อย่างไร
แต่นางเชื่อการตัดสินของตนเอง
แม้ว่านางจะไม่ใช่มืออาชีพด้านนิติเวช แต่นางก็มั่นใจในการตัดสินของนาง
“การคาดเดาของเจ้าไม่ผิดเลย แต่ข้าเพิ่งบอกว่าเด็กเสียชีวิตหลังจากดื่มนมแม่ และหลังจากให้นมลูก นางก็อุ้มเด็กไปนอน”
“ทำไมเจ้าจึงได้อนุมานเช่นนี้?” เซี่ยซานรู้สึกสงสัยในทันใดเมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินพูดด้วยท่าทางมั่นใจ
เมื่อมารดาของเด็กได้ยินเช่นนั้นก็ตกตะลึงและไม่กล้าที่จะร้องไห้อีก
เฟิ่งชิงเฉินเหลือบมองหญิงสาวผู้นั้นและชี้ไปที่ศพทารก “ดูเสื้อผ้าทางขวาของเด็ก มีรอยย่นมากกว่าด้านซ้ายอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังมีร่องรอยของน้ำนมบนเสื้อผ้า นั่นคงจะเป็นหลังจากที่มารดาของเด็กหลับแล้วไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว รวมถึงสิ่งต่างๆ อีกมากมาย หากไม่ได้พิสูจน์ว่าคำพูดของข้านั้นถูกต้อง เช่นนั้นแล้วสายตาที่มารดาของเด็กมองดูหญิงผู้นั้นก็สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าสิ่งที่ข้าพูดนั้นถูกต้อง สายตาของนางไม่ได้มองไปที่ฆาตกรด้วยความโกรธแค้น แต่เป็นความสาแก่ใจและอิจฉาริษยา ข้าคิดว่านางพึงพอใจแล้วที่สามารถใช้อุบัติเหตุเพื่อใส่ร้ายป้ายสีได้สำเร็จ”
“ไม่ ไม่จริง เจ้าพูดเหลวไหล ข้าจะฆ่าลูกชายของตัวเองได้อย่างไร ข้าเปล่า ข้าไม่ได้ทำ” มารดาของเด็กที่กลับมามีสติร้องตะโกนออกมาเสียงดัง
เมื่อความผิดเปิดเผยออกมา นางต้องจบสิ้นแน่
เฟิ่งชิงเฉินไม่มีความเห็นอกเห็นใจนางเลยแม้แต่น้อย “ข้าบอกแล้วว่าเจ้าไม่ได้ฆ่าเด็ก เขาเสียชีวิตเพราะความประมาทเลินเล่อของเจ้าเท่านั้น เรื่องเช่นนี้มีไม่น้อยเลย เด็กยังเล็กมาก ไม่รู้ว่าจะแสดงความต้องการของตนเองอย่างไร ก็เหมือนยามอากาศหนาว พ่อแม่กลัวว่าเด็กจะแข็งตายจึงใส่เสื้อผ้าและห่มผ้าห่มหนาๆ ให้ เช่นนี้กลับทำให้หัวใจและปอดของลูกน้อยบาดเจ็บได้ง่าย การดูแลลูกเป็นงานที่พิถีพิถันยิ่งนัก เจ้าคิดจะดูแลลูกเองนั้นเป็นเรื่องดี แต่น่าเสียดายประสบการณ์ของเจ้ายังไม่เพียงพอ”
เฟิ่งชิงเฉินส่ายศีรษะ
นางเดาได้ไม่ยากว่าอนุภรรยาผู้นี้กลัวว่าลูกของนางจะถูกวางยาพิษในจวนหลังใหญ่แห่งนี้ นางจึงได้ยืนกรานที่จะดูแลด้วยตัวเอง แต่นางคิดไม่ถึงเลยว่าโชคชะตากลับเล่นตลก
หญิงสาวที่อยู่ในตระกูลให้นั้นไม่ง่ายเลย!
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกว่านางก็โชคดีอยู่บ้าง อย่างน้อยนางก็ไม่ได้ทะลุมิติมาเป็นอนุของใคร ไม่เช่นนั้นนางคงจะร้องไห้จนตายจริงๆ…
บทที่ 031 บริสุทธิ์
บทที่ 033 ไม่ท้อง