“หญิงสารเลว เจ้ามันหญิงสารเลว” นายท่านรองตระกูลเซี่ยถีบอนุของตนอีกครั้ง
เฟิ่งชิงเฉินเดิมคิดจะเกลี้ยกล่อมเขาสักหน่อย แต่กลับถูกหวังชีใช้สายตาห้ามปรามไว้
เรื่องเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องเฟิ่งชิงเฉินจะมีคุณสมบัติว่ากล่าวอะไรได้
เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจและหมุนตัวกลับไปอย่างเงียบเชียบพร้อมทั้งเก็บชุดมีดของตน แยกสิ่งที่ใช้แล้วกับยังไม่ได้ใช้ออกจากกัน
“คุณชายสาม คราวนี้ล่ะได้เรื่องแล้ว ตระกูลหวังของข้านับว่าถูกล้างมลทินได้อย่างหมดจด” บนใบหน้าของหวังชีมีรอยยิ้ม
เกียรติยศของบ้านสกุลหวังถูกรักษาเอาไว้ได้ แต่ส่วนตระกูลเซี่ยนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหวังชีแล้ว
ส่วนเรื่องจัดการเฟิ่งชิงเฉินน่ะหรือ? เรื่องนี้ก็ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นเสียก็แล้วกัน เฟิ่งชิงเฉินมีความสามารถจริงๆ
ใต้เท้าเว่ยก็สบายใจ แม้ว่าในเรื่องนี้เขาจะไม่ได้ดูมีความสามารถมากนัก แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ทำให้ใครขุ่นเคือง เขาอยู่ในราชสำนักมาหลายปี ไม่มีความสามารถก็ไม่เป็นไร เพียงแค่ดวงตามีแววก็พอแล้ว
“วันหลังข้าจะให้ท่านอารองไปขอขมาที่จวนหวังด้วยตนเอง” เซี่ยซานเองก็ไม่ใช่ผู้ที่ไม่รู้จักประเมินสถานการณ์
เรื่องจริงอยู่ตรงหน้า
หญิงสาวสกุลหวังไม่ใช่ฆาตกร ความสัมพันธ์ต่อไปในอนาคตของตระกูลหวังและตระกูลเซี่ยสามารถรักษาไว้ต่อไปได้
“ตกลง” หวังชีจิบชาอย่างเชื่องช้า โดยไม่สนใจเสียงร้องไห้ภายในห้อง
ใต้เท้าเว่ยดูสถานการณ์แล้วก็รู้ว่าที่นี่คงไม่มีเรื่องอีกแล้ว แม้ว่าเขาจะอยากอยู่ที่จวนเซี่ยเพื่อเชื่อมสัมพันธ์อีกสักเล็กน้อย แต่ทว่า…
วันนี้จวนเซี่ยวุ่นวายเกินไป เขาไม่เข้าไปยุ่งเสียจะดีกว่าจึงได้ขอตัวจากไป
หวังชีก็ไม่ใช่ผู้ไม่รู้ประสีประสาแต่อย่างใด เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินเก็บของเรียบร้อยแล้วก็เตรียมจะจากไปพร้อมกับเฟิ่งชิงเฉินและไปส่งนางสักหน่อย
สตรีผู้หนึ่ง ไม่เพียงถูกตระกูลทั้งสองข่มขู่ นางวิ่งไปที่นั่นที่นี่มาตลอดเช้าก็คงจะเหนื่อยมากเช่นกัน
ไม่ว่าอย่างไร วันนี้เฟิ่งชิงเฉินก็ได้ช่วยเหลือตระกูลหวังไว้ได้ครั้งใหญ่
วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นพยานหรือหลักฐานวล้วนไม่เป็นผลดีต่อตระกูลหวัง
แต่หารู้ไม่ว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่รับน้ำใจนั้น นางเดินไปหาหญิงสาวที่นอนจมกองเลือดอยู่ นั่งยองและถามว่า “ฮูหยินรอง บาดแผลของท่านต้องได้รับการรักษาโดยเร็ว หากท่านเชื่อข้า ให้ข้าทำแผลให้ท่านดีหรือไม่?”
แม้จะรู้ว่านี่เป็นการก่อเรื่องยุ่งยาก แต่นางก็ยังคงทำเช่นนี้ ในฐานะแพทย์แล้ว นางไม่อาจทนมองดูคนเจ็บนอนล้มอยู่แทบเท้านางโดยไม่ทำอะไรเลย
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้านี่นะ อย่าได้หาเรื่องอีกเลย” ฮูหยินรองยังไม่ทันได้เอ่ยปาก หวังชีก็พูดขึ้นมาเสียก่อน
ล้วนเป็นผลดีต่อตัวของเฟิ่งชิงเฉินเองทั้งสิ้น
ฮูหยินบาดเจ็บไม่เบาเลย แม้หมอมาก็ไม่ใช่ว่าจะทำแผลได้ดี เมื่อเฟิ่งชิงเฉินยื่นมือเข้าไป หากรักษาหายก็ดีไป แต่หากรักษาไม่หายก็ต้องเป็นเรื่องเดือดร้อนขึ้นมาอีกเรื่องหนึ่ง
แม้ว่าฮูหยินรองจะเป็นคนสกุลหวัง แต่หวังชีไม่ได้รู้จักนางแม้แต่น้อย เรื่องในวันนี้ หากไม่ใช่เพราะเซี่ยซานเป็นคนออกหน้า เขาไม่มีทางเข้ามายุ่งแน่
“คุณชายเจ็ด ข้าเป็นหมอ” เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้กล่าวโทษว่าเขาเลือดเย็น เพียงแต่เอ่ยถึงหลักการของตนเองอย่างสงบนิ่ง
หวังชีก็มีจุดยืนของตนเองเช่นกัน
ฮูหยินรองผู้นี้แต่งงานเข้ามาในจวนเซี่ยก็ถือว่ากลายเป็นคนของตระกูลเซี่ยไปแล้ว เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นพี่น้องบ้านเดิมของนางก็ไม่ได้มาช่วยกันขอร้องแทนนางเลยแม้แต่น้อย ที่หวังชีมาที่นี่ก็เป็นการไว้หน้านางมากพอแล้ว อาการบาดเจ็บของนางนั้นหวังชีไม่ต้องการยื่นมือเข้ามายุ่งเลยแม้แต่น้อย
“แม่นางเฟิ่ง ข้าเชื่อเจ้า โปรดช่วยข้าด้วยเถิด” ฮูหยินรองที่อยู่บนพื้นเงยหน้าขึ้นมาขอร้องอย่างจริงใจ
แต่ว่าจะเป็นเพียงฮูหยินของสายรอง แต่ในจวนเซี่ยอันใหญ่โตแห่งนี้มีคนอยากให้นางตายถมไป
“ท่านวางใจเถอะ เพียงแค่ท่านยอมให้ข้ารักษา ข้าจะต้องรักษาท่านจนหายดีแน่ รับรองว่าทั่วร่างของท่านจะไม่มีแม้รอยแผลเป็น” เฟิ่งชิงเฉินรับปากเป็นมั่นเหมาะ
ไม่ใช่ว่านางคุยโวโอ้อวด แต่นางทำได้จริงๆ
“เจ้าช่างพูดคำใหญ่โตเสียจริง ข้าอยากจะเห็นนักว่าเจ้าจะทำอย่างไรที่จะทำให้ป้ารองไม่เหลือรอยแผลเป็น เจ้าน่ะ มานี่หน่อย พยุงฮูหยินรองกลับห้องและนำทางแม่นางเฟิ่งไปด้วย” เซี่ยซานสั่งโดยไม่รอให้เฟิ่งชิงเฉินได้เสียใจภายหลัง
ในเวลานี้เอง ข้ารับใช้จากจวนเซี่ยก็ปฏิบัติตามคำสั่งอย่างรวดเร็วสมกับที่ได้รับการอบรมมาจากตระกูลเก่าแก่เป็นร้อยปี
เฟิ่งชิงเฉินก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและยิ่งไม่ได้เห็นตนเองเป็นคนนอก นางสั่งงานอย่างเป็นขั้นตอน
ในตอนแรกคนของจวนเซี่ยอึ้งงันอยู่เล็กน้อย แต่ภายใต้ท่าทางเป็นการเป็นงานของเฟิ่งชิงเฉิน แต่ละคนก็ลุกขึ้นมาทำตาม
เดิมหวังชีกำลังจะขอตัวจากไป แต่เมื่อดูจากสถานการณ์แล้ว เขาก็ยังคงอยู่ต่อ
คนจากซุ่นเทียนฝู่โพนทะนาความสามารถของเฟิ่งชิงเฉินไปอย่างเกินจริง ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เชื่อ แต่เมื่อดูจากตอนนี้ดุเหมือนว่าจะเป็นจริงอยู่สามส่วน
เขาอยากจะรู้นักว่าเฟิ่งชิงเฉินมีความสามารถเพียงใดกัน
หากนางมีความสามารถจริงๆ เช่นนั้นหญิงผู้นี้ตระกูลหวังก็ควรจะผูกมิตรเอาไว้
หวังชีรู้ดีกว่าใครทั้งสิ้นว่าหมอชื่อดังผู้หนึ่งมีผลต่อตระกูลหนึ่งหรือแคว้นหนึ่งอย่างไรบ้าง
อีกอย่างก็คือ ตระกูลของเขาต้องการหมอผู่เก่งกาจไปรักษาพี่ชายของเขา
หากเฟิ่งชิงเฉินมีฝีมือเลิศล้ำจริง ไม่แน่ว่าอาจมีวิธีรักษาโรคของพี่ชายเขาก็เป็นได้
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หวังชีก็ไม่ยอมไปแล้ว ไม่ว่าเซี่ยซานจะว่าเขาอย่างไรเขาก็ไม่สะทกสะท้าน
หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินสั่งให้สาวใช้เตรียมผ้าสะอาด น้ำสะอาด น้ำร้อน เหล้าและกรรไกรเรียบร้อยแล้ว นางก็โบกมือให้ทุกคนออกไป
เฟิ่งชิงเฉินจะลงมือเอง นางของนางพยาบาลนางก็จะทำด้วย นางเปลี่ยนเสื้อให้ฮูหยินรองด้วยตนเอง
เหล่าสาวใช้ได้รับคำสั่งจากเซี่ยซานให้ทำตามคำสั่งของเฟิ่งชิงเฉิน แม้ว่าจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็ยอมถอยออกไปอย่างเชื่อฟัง
รอจนเมื่อทุกคนจากไปแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็เริ่มสำรวจบาดแผลบนร่างกายของฮูหยินรอง
ผู้ที่ลงมือเชี่ยวชาญยิ่งนัก ทั้งเนื้อทั้งตัวของนางเต็มไปด้วยบาดแผล แต่ก็เป็นเพียงบาดแผลภายนอก ไม่ได้บาดเจ็บเข้าไปถึงเอ็นและกระดูก
นางกดลงบนนาฬิกาสีดำบนมือซ้ายเบาๆ “ติ๊ดๆๆ” เสียงกลไกทำงาน นางใช้วิธีที่เป็นความลับอย่างยิ่งตรวจร่างกายให้แก่ฮูหยินรอง ไม่นานก็จะได้ผลออกมา
เป็นไปตามที่เฟิ่งชิงเฉินคาดเดา เพียงแต่ตอนที่แสกนร่างกาย กระเป๋าแพทย์อัจฉริยะของนางพบว่าท่อนำไข่ของนางอุดตัน
“เอ๊ะ? เช่นนี้ฮูหยินรองไม่อาจตั้งครรภ์ได้หรือ?” เฟิ่งชิงเฉินตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้าน้อยๆ
มิน่าเล่า ถึงแม้ฮูหยินรองจะเป็นคนของตระกูลหวังแต่กลับถูกไต่สวนทรมานอย่างหนัก ที่แท้เป็นเพราะนางไม่อาจให้กำเนิดลูกได้นั่นเอง
ในยุคสมัยนี้สตรีเช่นนี้มักไม่มีบทบาทอันใดในจวนของสามี ทางบ้านเดิมก็จะมองว่านางเป็นหมากที่ไร้ประโยชน์ ไม่สนใจไยดีว่านางจะเป็นหรือตาย
เฮ้อ… สตรีช่างน่าสงสารยิ่งนัก ไม่เพียงแต่ต้องแย่งชิงความรัก แต่ยังต้องมีลูกด้วย
เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจเล็กน้อยและลุกขึ้นยืนและเดินไปหยิบกรรไกร ผ้าพันแผล ไหมเย็บแผล แอลกอร์ฮอล์และยาชาจากกระเป๋าแพทย์อัจฉริยะ
เดิมฮูหยินรองเหลือเพียงสติเลือนราง ดังนั้นยามที่ฉีกยาชาเข้าไป นางไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยสักนิด
ไม่ใช่ว่าผู้ป่วยทุกคนจะคอยตอแยถามเหมือนชายหน้ากากเงินนั่น
เมื่อคิดถึงชายผู้นั้น เฟิ่งชิงเฉินก็กังวลใจเล็กน้อย หากเขาตื่นขึ้นมาแล้วจะมาหาเรื่องนางด้วยความโมโหโทโสหรือไม่หนอ?
แต่ว่าแม้จะมาหาเรื่องนางจริงแต่ก็ต้องผ่านไปหลายวันหน่อย ยาสลบปริมาณมากเช่นนั้นเพียงพอที่จะทำให้เขาหลับเป็นตาย บวกกับเวลาที่ต้องพักรักษาตัว หากยังไม่ได้ผ่านไปสักสิบวันหรือครึ่งเดือน เขาไม่มีทางมาหาเรื่องนางได้แน่
ส่วนเรื่องหลังจากครึ่งเดือนนั้นก็ค่อยคิดตอนนั้นก็แล้วกัน
เฟิ่งชิงเฉินส่ายหน้าและพับเก็บความคิดเรื่องของชายหน้ากากเงินนั้นไป เมื่อรอจนยาชาออกฤทธิ์แล้ว เฟิ่งชิงเฉินจึงได้เริ่มทำความสะอาดแผลและฆ่าเชื้อ กำจัดเนื้อเยื่อที่ตายบนบาดแผลนั้นออกไปพร้อมใช้เข็มเย็บแผลที่ค่อนข้างใหญ่
เมื่อมาถึงปัญหาเรื่องรอยแผลเป็น เรื่องนี้ไม่น่ากังวลใจเลยสักนิด แม่รอจนแผลปิดสนิทแล้วจึงใช้เครื่องมือจากกระเป๋าแพทย์อัจฉริยะรักษารอยแผลเป็น โดยพื้นฐานแล้วคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรนัก
สิ่งที่ค่อนข้างมีปัญหาก็คือท่อนำไข่ทั้งสองข้างที่อุดตันของฮูหยินรอง
เรื่องนี้สำหรับฮูหยินรองแล้วเป็นเรื่องใหญ่หลวงยิ่ง แต่สำหรับเฟิ่งชิงเฉินแล้วเพียงแค่การผ่าตัดเล็กๆ ก็แก้ปัญหานี้ได้แล้ว
เพียงแต่เรื่องนี้นางจะเข้าไปยุ่งดีหรือไม่?
ในฐานะแพทย์แล้ว นางจะต้องยื่นมือเข้าไปยุ่ง นางไม่อาจทนเห็นคนไข้ทุกข์ทรมานได้ ไม่อาจมองฮูหยินรองสูญเสียโอกาสในการเป็นแม่ไป แต่ในฐานะที่นางทะลุมิติมาอยู่ในร่างสตรียุคโบราณนั้น นางไม่อยากตกลงสู้วังวนการแก่งแย่งของเหล่าสตรี…
ทำอย่างไรดีหนอ?
เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกยุ่งยากอยู่ในใจ
บทที่ 032 คนร้าย
บทที่ 034 ชื่อ