บาดแผลบนร่างกายของฮูหยินรองไม่คณามือเฟิ่งชิงเฉินเลยแม้แต่น้อย ที่ยุ่งยากคือบาดแผลเหล่านี้มีมากเกินไปจึงทำให้เสียเวลาจัดการมาก
อีกทั้งแสงในห้องนี้ไม่ค่อยดีนัก เพื่อรักษาความสมบูรณ์ในการเย็บแผลจึงอดไม่ได้ที่จะโน้มเอวลงไปจ้องบาดแผลบนร่างของฮูหยินรองใกล้ๆ
เมื่อจัดการบาดแผลทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว พระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว เฟิ่งชิงเฉินทั้งเหนื่อยและหิว เอวที่ก้มค้างไว้แทบจะยืดไม่ขึ้น ดวงตาของนางทั้งแห้งและบวมแดง
“เป็นงานที่น่าเหนื่อยใจเสียจริง”
เฟิ่งชิงเฉินอดทนอย่างมากต่อความไม่สบายของร่างกายเก็บกวาดขยะทางการแพทย์ ถอดถุงมือออก แยกประเภทของเก็บในกระเป๋าทางการแพทย์
จากนั้นก็ล้างมือทั้งสองในน้ำสะอาดก่อน หนึ่งครั้ง สองครั้ง… ทั้งหมดเจ็ดครั้งนางจึงได้หยุดมือลง
หากถูกคนนอกเห็นเข้าก็คงจะคิดไปว่านางเป็นโรคกลัวเชื้อโรคหรือเป็นโรคประสาท
แต่ทว่าแพทย์ก็มักจะเป็นโรคกลัวเชื้อโรคอยู่บ้างไม่มากก็น้อย พวกเขารู้ดีว่าบาดแผลพวกนี้มีแบคทีเรียมากเพียงใดและยิ่งรู้ดีว่าการติดเชื้อแบคทีเรียนั้นเจ็บปวดมากเพียงใด
เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีปัญหา เฟิ่งชิงเฉินก็อนุญาตให้ตนเองแสดงสีหน้าเหน็ดเหนื่อยออกมาได้ นางเอื้อมมือไปนวดเอวที่เจ็บปวดจนแทบจะไม่มีความรู้สึกแล้ว
มือซ้ายของนางประคองเอวไว้ มือขวาเอื้อมไปนวดเอว นางเดินเช่นนี้ออกไปข้างนอก ท่าทางเช่นนี้คล้ายกับคนท้องไม่น้อย
หวังชีเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นท่าทางเช่นนี้ของเฟิ่งชิงเฉิน
“พรูด…” น้ำชาของเขาพุ่งออกมาจากปาก
สาวใช้รีบก้าวเข้าไปคิดจะเช็ดให้กับหวังชี แต่กลับถกหวังชีผลักออก
หวังชีเดินเข้าไปหาเฟิ่งชิงเฉินด้วยสีหน้าตกตะลึงโดยไม่ได้รักษาภาพพจน์ของคุณชายเอาไว้เลยแม้แต่น้อย “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่? เจ้าคงจะไม่..?”
สายตาของเขาทอดลงมองดูที่ท้องของนาง
ไม่ใช่ว่าหวังชีคิดมาก แต่เรื่องราวก่อนหน้านี้ที่เกิดกับเฟิ่งชิงเฉินบวกกับกิริยาเช่นนี้ของนางทำให้ผู้คนอดคิดมากไม่ได้
ที่หน้าประตูเมือง สภาพอาภรณ์หลุดลุ่ย ไม่มีคนคิดว่านางยังบริสุทธิ์อยู่แน่ ดังนั้นหากเฟิ่งชิงเฉินทั้งท้องขึ้นมาจริงก็นับว่าเป็นเรื่องปกติ
เพียงแต่…
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้เช่นนี้แล้ว หวังชีกลับรู้สึกรำคาญใจเป็นอย่างยิ่ง เขามีความรู้สึกอยากสังหาร “บิดาของเด็ก” ยิ่งนัก
เป็นผู้ชายที่ไร้ยางอายเพียงใดกันจึงได้ลงมือกับเฟิ่งชิงเฉินที่เป็นเพียงสตรีตัวเล็กๆ เช่นนี้ได้?
ที่สำคัญที่สุดก็คือ หญิงสาวผู้นี้ เหตุใดจึงเป็นเฟิ่งชิงเฉิน ไม่ใช่ผู้อื่น
ในชีวิตของหวังชี น้อยครั้งนักที่จะได้พบเจอหญิงสาวที่แตกต่างจากคนอื่น แต่กลับเป็นหญิงที่เต็มไปด้วยโศกนาฏกรรมไปเสียได้
เฟิ่งชิงเฉินกลอกตาอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณชายเจ็ด โปรดเก็บสายตาของท่านกลับไปด้วยแล้วก็เก็บความคิดสับสนวุ่นวายในสองด้วยเช่นกัน ข้าไม่ได้ตั้งครรภ์”
ส่วนที่ว่ายังบริสุทธิ์หรือไม่นั้น เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้คิดจะอธิบาย เพราะอย่างไรเสียถึงพูดไปเขาก็ไม่เชื่อนางอยู่ดี และถึงแม้เขาจะเชื่อ ก็ไม่ได้มีประโยชน์อันใดต่อนางเลย
ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะเปลืองน้ำลายไปทำไม
เฟิ่งชิงเฉินเยาะเย้ยตัวเอง
“แค่กๆ ในหัวเจ้าคิดอะไรยุ่งเหยิงถึงเพียงนั้นกัน หญิงที่ยังไม่ได้ออกเรือน จะท้องหรือไม่ท้องอะไรกัน” หวังชีตอกกลับอย่างไม่สบอารมณ์เช่นกัน ความหวังสุดท้ายในใจของเขาถูกดับลงไปเสียแล้ว
เมื่อได้ยินเฟิ่งชิงเฉินกล่าวเช่นนี้ นางคงถูกรุกล้ำแล้วจริงๆ
หวังชีรู้สึกว่าเขาห่อเหี่ยวลงในทันใด แต่กลับต้องทำตัวร่าเริงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“เฟิ่งชิงเฉิน ดูเหมือนว่าวิชาแพทย์ของเจ้าจะไม่เลวเลย? เป็นศิษย์อาจารย์สำนักใดหรือ?”
หยั่งเชิงงั้นหรือ?
เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้าขึ้นก็สบเข้ากับดวงตาสีดำล้ำลึกของหวังชี
เมื่อได้มองเช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินจึงได้รู้ว่าคุณชายตระกูลหวังผู้นี้ไม่เลวเลย ดวงตาของเขาสดใสและจริงใจ สายตาที่ใช้มองนางไม่เหมือนกับกำลังหยั่งเชิง แต่กลับดูเหมือนจะแฝงไปด้วยความหวัง
หรือว่าในตระกูลหวังมีคนป่วยงั้นหรือ?
แพทย์มักจะคุ้นชินกับการถูกคนถามถึงวิชาแพทย์ สิ่งแรกที่นึกถึงก็คือมีคนไข้ แม้ว่านางจะยิ่งหวังว่าผู้คนใต้หล้านี้จะไม่เจ็บป่วยมากกว่า ให้แพทย์ทุกคนหิวโหยตาย
“ก็งั้นๆ ส่วนที่ว่าเป็นศิษย์อาจารย์สำนักใด เจ้าจงไปถามท่านแม่ของข้าเถอะ นางทิ้งตำราแพทย์ไว้ให้ข้า” ขออภัยที่ต้องโยนเรื่องไปให้ผู้ที่จากไปแล้วด้วย เพราะมีเพียงแบบนี้เท่านั้นจึงจะสมเหตุสมผล นางไม่มีอารมณ์แต่งเรื่องโกหกหลอกลวง
“ที่แท้เป็นเฟิ่งฮูหยินนี่เอง มิน่าเล่า” คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อพูดแบบนี้แล้วหวังชีกลับยิ่งเชื่อว่าวิชาแพทย์ของนางนั้นใช้ได้
ช่วยไม่ได้ แม้ว่ามารดาของนางจะอยู่ที่เหมืองหลวงเพียงไม่กี่ปี แต่กลับมีชื่อเสียงโด่งดัง เรื่องราวชีวิตของนางเป็นราวกับเทพนิยาย
หญิงชนชั้นต่ำได้กลายเป็นถึงฮูหยินของแม่ทัพใหญ่ขั้นสาม อีกทั้งยังได้รับแต่งตั้งบรรดาศักดิ์เก้ามิ่งอีก
หญิงเช่นนั้นถือได้ว่าเป็นตำนานแล้ว แน่นอนว่าบุรุษที่แต่งงานกับนางก็ยิ่งต้องได้รับความเคารพเลื่อมใสจากประชาชน เพราะแม้แต่ผู้ที่เป็นประชาชนคนธรรมดาก็ไม่มีทางแต่งงานกับผู้หญิงในชนชั้นต่ำเช่นนี้อย่างแน่นอน
หญิงในชนชั้นต่ำไม่มีสิทธิ์ได้เป็นอนุภรรยาด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่มักอยู่ในเขตโคมแดงขายเสียงหัวเราะ ไม่เช่นนั้นก็จะรับงานต่ำต้อย เช่น หญิงดูแลเจ้าสาวหรือหมอตำแย
“มีอะไรหรือ? หากไม่มีอะไรก็หลบไปหน่อย ข้าหิวแล้ว” ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ไม่ได้รับน้ำสักหยด เฟิ่งชิงเฉินไม่เพียงแต่หิวเท่านั้น แต่ยังกระหายน้ำอีกด้วย
เมื่อหวังชีได้ยินเช่นนี้ เขาก็โมโหทันทีและตะโกนใส่สาวใช้ที่อยู่ข้างหลังว่า “จวนของพวกเจ้าปฏิบัติต่อแขกอย่างไรกัน ยังไม่รับไปเตรียมชาและอาหารมาอีก?”
หวังชีไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นคนนอกอีกต่อไป
“เจ้าค่ะ ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้” สาวใช้ตกใจจนหน้าซีด นางยกกระโปรงขึ้นวิ่งออกไปพลางคิดในใจว่าคุณชายหวังผู้นี้โดนผีสิงหรืออย่างไร เหตุใดอารมณ์ของเขาจึงยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ
“แม่นางเฟิ่ง เชิญทางนี้ ข้าเองก็ยังไม่ได้รับประทานอาหารเช่นกัน มิสู้แม่นางร่วมโต๊ะกับข้าดีหรือไม่?” หวังชีหันหน้าไปทางเฟิ่งชิงเฉินและกลับมามีท่าทางอ่อนโยนอีกพร้อมทั้งเชิญนางอย่างมั่นใจ
เมื่อรู้ว่าฝีมือแพทย์ของเฟิ่งชิงเฉินไม่เลวนัก เขาก็มีใจคิดผูกมิตร
อย่างไรการแสดงมารยาทอันดีงามและกล่าวคำพูดดีๆ สองสามคำก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร บางทีหญิงผู้นี้อาจช่วยพี่ใหญ่ของเขาได้จริงๆ
“ขอบใจมาก” เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าความคิดของหวังชี แต่เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีว่าหากอยู่ดรๆ ก็มาทำดีกับผู้อื่นเช่นนี้ ภายในจะต้องมีอะไรแน่
เมื่อคิดไปคิดมาแล้ว นางก็มีเพียงทักษะทางการแพทย์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ที่สามารถทำให้คุณชายผู้นี้สนใจ
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินจึงไม่เกรงใจอีกต่อไปและนั่งลงอย่างใจกว้าง
ทันทีที่นั่งลง ข้ารับใช้ก็นำชาถ้วยเล็ก สีเขียวใสกลิ่นหอม นี่เป็นชาปี้หลัวชุนชั้นเลิศ หวังชีจิบชาอย่างช้าๆ แต่เฟิ่งชิงเฉินดื่มทั้งหมดในอึกเดียว
“มีถ้วยใหญ่ไหม? ช่างเถอะ ขอน้ำเปล่าให้ข้าหน่อยก็แล้วกัน” นางดื่มหมดแล้วก็ยังดูไม่ค่อยพอใจนัก
หวังชีก้มศีรษะลงมองดูชาในถ้วย พลันรู้สึกว่าจะดื่มก็ไม่ได้ จะไม่ดื่มก็ไม่ได้
หญิงคนนี้อาจหาญยิ่งนัก แต่นางกลับไม่ได้ดูหยาบกระด้าง กลับให้ความรู้สึกอิสระและสง่างาม
ช่างเป็นคนที่ย้อนแย้งจริงๆ
หวังชีวางถ้วยชาลงแล้วพูดกับสาวใช้ “ไป เปลี่ยนเป็นน้ำสองถ้วย”
เมื่อเผชิญหน้ากับสาวใช้ของจวนเซี่ยและหวังชี เฟิ่งชิงเฉินก็เมินเฉย นางหยิบถ้วยน้ำเปล่าขึ้นมาแล้วดื่มโดยตรง
นางกำลังจะตายจากความกระหายน้ำ!
อึกๆๆๆ
หลังจากดื่มน้ำถ้วยใหญ่ลงไป เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกว่าความเหนื่อยล้าของนางลดลงไปอย่างมาก จิตวิญญาณของนางฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย นางจึงค่อยให้ความสนใจกับหวังชี
“ขอบใจคุณชายเจ็ด”
เดิมหวังชีสนใจที่จะผูกมิตรเพราะวิชาแพทย์ของเฟิ่งชิงเฉิน ยามนี้เมื่อได้เห็นเฟิ่งชิงเฉินเป็นตัวของตัวเองเช่นนี้ต่อหน้าคุณชายผู้สูงศักดิ์ เขาจึงมีความรู้สึกที่ดีเกิดขึ้นในใจ
เมื่อเผชิญหน้ากับสาวใช้ของจวนเซี่ยและหวังชี เฟิ่งชิงเฉินก็เมินเฉย นางหยิบถ้วยน้ำเปล่าขึ้นมาแล้วดื่มโดยตรง
ผู้หญิงหน้าซื่อใจคดท่าทางอ่อนโยนมากมาย เมื่อพบกับผู้หญิงที่แสดงนิสัยตามธรรมชาติออกมาจึงอดรู้สึกชื่นชมไม่ได้
แน่นอนว่าเป็นเพียงความชื่นชมล้วนๆ
หวังชีไม่ได้มีความคิดเป็นอื่นต่อเฟิ่งชิงเฉิน อย่าว่าแต่เขาไม่สามารถผ่านการทดสอบของตัวเองได้เลย เขาไม่สามารถยอมรับหญิงที่สูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว ภูมิหลังและตัวตนของเฟิ่งชิงเฉินยังมีคุณสมบัติไม่เพียงพอที่จะเข้าจวนหวัง
ไม่ต้องพูดถึงการเป็นฮูหยิน แม้จะเป็นอนุภรรยาอุ่นเตียง ตระกูลหวังก็คงไม่ยอมเช่นกัน
หวังชีและเฟิ่งชิงเฉินคุยกันแบบสบาย ๆ โดยปราศจากความคิดที่ยุ่งเหยิงนี้ ทุกวันเขาทำตัวเป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์ เขาต้องคิดถึงภาพลักษณ์ของเขาในทุกๆการเคลื่อนไหว เขาก็เหนื่อยเช่นกัน…
ในตอนแรกเฟิ่งชิงเฉินตอบกลับบ้างไม่ตอบกลับบ้าง แต่เมื่อสนทนากันไป เฟิ่งชิงเฉินจึงได้รู้ว่าคุณชายหวังชีผู้นี้ยังมีความรู้อยู่บ้าง เฟิ่งชิงเฉินได้รู้เรื่องมากมายเกี่ยวกับแคว้นตงหลิงทั้งภูมิศาสตร์ ผู้คน และประวัติศาสตร์
ทั้งสองคุยกันอย่างสนุกสนานจนสาวใช้เข้ามาเตือนว่าอาหารเย็นพร้อมแล้ว ทั้งสองจึงรีบลุกขึ้น
ในยามนี้หวังชีได้ละทิ้งอคติที่มีต่อเฟิ่งชิงเฉินไปแล้ว พร้อมทั้งพบวิธีที่ทำให้พวกเขาเข้ากันได้
อย่าปฏิบัติต่อเฟิ่งชิงเฉินในฐานะผู้หญิง แต่ปฏิบัติต่อเธอในฐานะเพื่อนที่สามารถอยู่ด้วยกันได้ ไม่มีความแตกต่างทางเพศ
หลังจากที่รับประทานอาหารเย็นที่จวนเซี่ยแล้ว หวังชีก็พาเฟิ่งชิงเฉินไปส่งที่จวนเฟิ่งและทิ้งคำพูดเหล่านี้ไว้ก่อนที่จะจากไป
“เฟิ่งชิงเฉิน ข้าแซ่หวัง ชื่อจิ่นหาน ชื่อรองเย่าชู เป็นลูกคนที่เจ็ด คนอื่นเรียกข้าว่าคุณชายเจ็ด เจ้าเรียกข้าว่าจิ่นหานก็ได้”
เฟิ่งชิงเฉินอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วจึงเข้าใจ
ในสมัยโบราณชื่อนั้นสำคัญมาก เมื่ออีกฝ่ายเต็มใจบอกชื่อ นั่นก็หมายความว่าเขายอมรับอีกฝ่ายนึงแล้ว
คุณชายหวังผู้นี้ช่างมีอารมณ์ขันยิ่งนัก
เฟิ่งชิงเฉินหัวเราะและเดินไปที่จวนเฟิ่ง ทันทีที่นางเข้าไปในลานเล็กๆ นางก็…
บทที่ 033 ไม่ท้อง
บทที่ 035 หยุด