บทที่ 330 : เส้นทางแห่งจักรพรรดิ – มังกรน้ำ

พื้นที่ภายในบริเวณตำแหน่งหัวใจมังกร เต็มไปด้วยเมฆสีขาวล่องลอย สวยงามเคลิบเคลิ้มราวกับความฝัน และคล้ายดั่งเทพนิยาย!

เสียงมรรคาแห่งเต๋ายังคงดังกังวานสดใสราวกับเสียงระฆัง แต่ละคำ.. แต่ละประโยคนั้นหนักแน่นดั่งหินและทองคำ ซึมซับและตราตรึงเข้าไปในจิตใจของหลิงหยุน ราวกับถูกขีดเขียนลงในจิตใจของเขาโดยไม่พลาดแม้แต่คำเดียว!

เสียงมรรคาแห่งเต๋าเริ่มเบาลงเรื่อยๆจนกระทั่งไม่สามารถได้ยินอีก พลังอมตะที่น่าหลงใหลก็เริ่มจางหายไป จักรวาลที่แสนกว้างใหญ่เวิ้งว้าง ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ต่างก็สลายหายไปพร้อมๆกัน!

แล้วจักรวาลทั้งจักรวาลก็เริ่มมืดมิด เหลือไว้เพียงแค่ดวงดาวที่ทอประกายระยิบระยับอยู่ห่างไกล! ดูช่างลี้ลับ!

สัญลัษณ์ต่างๆบนแผนผังแปดทิศลอยเคว้างคว้างหมุนไปหมุนมาอยู่กลางอากาศ จากนั้นไม่นานแผนผังแปดทิศขนาดใหญ่ก็ลอยขึ้นไปบนฟ้า และสัญลักษณ์ไท่จี๋ หรือสัญลักษณ์วงกลมที่ภายในมีมัจฉาหยิน-หยางโอบกอดกัน ก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศเช่นกัน!

รอบๆสัญลักษณ์ไท่จี๋นั้นทอประกายแสงที่น่าหลงใหล และสัญลัษณ์ทั้งแปดได้แก่

เฉียน – คือทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

คุน – คือทิศตะวันตกเฉียงใต้

เจิ้น – คือทิศตะวันออก

ซวิ่น – คือทิศตะวันออกเฉียงใต้

ตุ้ย – คือทิศตะวันตก

เกิ้น – คือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

ขั่น – คือทิศเหนือ

หลี – คือทิศใต้

ก็ทอประกายสว่างไสวให้ความรู้สึกลี้ลับเช่นกัน

มัจฉาหยิน-หยางในสัญลักษณ์ไท้จี๋ทั้งสองตัวสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง และค่อยๆแยกตัวออกจากกันอย่างช้าๆ

แสงสว่างเจิดจ้ายังคงเปล่งประกาย และหลังจากที่พลิกแพลงไปมาอยู่กลางอากาศ จู่ๆสัญลักษณ์ทั้งแปดก็เปล่งแสงเจิดจ้าขึ้นพร้อมกัน

ตูม!!

เสียงตูมดังขึ้นสนั่นหวั่นไหวและสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งบริเวณ มัจฉาหยิน-หยางในสัญลักษณ์ไท้จี๋ซึ่งอยู่ตรงกลางของแผนผังแปดทิศนั้น ค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ ระหว่างนั้นแสงจากดวงดาวก็ทอประกายพาดผ่านลงมาราวกับเส้นทางสายดวงดาว

ปัง!!

สิ้นเสียงดังสนั่นนั้น.. พู่กันจักรพรรดิพุ่งออกจากหว่างคิ้วของหลิงหยุนเข้า ตรงเข้าใส่ประตูมัจฉาหยิน-หยางที่กำลังเปิดออก ปลายพู่กันชี้ไปที่ดาวเคราะห์สีฟ้าดวงหนึ่ง

พู่กันจักรพรรดิเริ่มต้นจากดาวเคราะห์สีฟ้าดวงนั้น และเคลื่อนที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มดาวมากมาย!

หลิงหยุนตกตะลึงอย่างมาก ระหว่างที่พู่กันจักรพรรดิยังคงเคลื่อนที่ไปมานั้น เขาก็เห็นดวงดาวต่างๆที่พู่กันจักรพรรดิเคลื่อนที่ผ่านนั้น ร้อยเรียงกันเป็นเส้นและเชื่อมต่อกันเข้าเป็นถนนดวงดาวที่ทอดยาว!

“นั่นมันอะไรกัน?! มันคือ..”

ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิด มัจฉาหยิน-หยางแยกออกจากกันอย่างประหลาด พู่กันจักรพรรดิยังคงเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และได้เชื่อมดวงดาวแต่ละดวงเข้าด้วยกัน จนเป็นเส้นทางดวงดาวที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างไม่มีที่สิ้นสุด!

ในใจของหลิงหยุนตอนนั้นต้องการจะพุ่งเข้าไปในช่องว่างแปลกประหลาดที่แยกออกจากกัน แต่สมุดจักรพรรดิในจุดตันเถียนของเขา กลับทอประกายเจิดจ้า และยึดร่างของเขาไว้แน่นจนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้แม้แต่นิ้วมือ!

หลิงหยุนจึงทำได้เพียงแค่มองและจดจำเส้นทางของพู่กันจักรพรรดิ ดวงดาวที่ถูกนำมาร้อยเรียงเป็นเส้นทางที่ทอดยาวนั้นมีจำนวนมากมาย จนแม้แต่ความทรงจำอันยอดเยี่ยมของหลิงหยุนก็ยังไม่เพียงพอที่จะจดจำ!

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนาน พู่กันจักรพรรดิร้อยเรียงดวงดาวได้มากมายนับไม่ถ้วน ก่อนจะหยุดเคลื่อนที่ในที่สุด!

หลิงหยุนเห็นชัดเจนว่าดวงดาวที่ส่องแสงอยู่ใกล้ดาวฤกษ์นั้น มีดวงดาวเล็กๆอยู่ห้าดวงที่มีสีสรรแตกต่างกัน!

“นี่มัน…”

หลิงหยุนยิ้มออกมาด้วยความตกตะลึง.. ร่างทั้งร่างของเขาสั่นอย่างรุนแรง น้ำตาเริ่มไหลเอ่อออกจากดวงตาคู่สวยทั้งสองข้าง และหยดลงอย่างเงียบๆ!

ระหว่างนั้น.. หลิงหยุนก็พยายามที่จะจะจำเส้นทางดวงดาวที่วาดโดยพู่กันจักรพรรดิ!

“พู่กันนั่น..”

แล้วพู่กันจักรพรรดิที่เป็นตำนานนับพันปี ก็พุ่งกลับเข้าสู่หว่างคิ้วของหลิงหยุน! แล้วประตูประหลาดที่มัจฉาหยิน-หยางเป็นผู้เปิดนั้น ก็ปิดลง..

ตูม!

เขามังกรและผาหยกด้านใต้สั่นสะเทือนไปทั้งลูก! แรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงนั้นเกิดขึ้นหลายครั้ง และนับว่ารุนแรงกว่าครั้งที่เกิดหลุมยักษ์แห่งนี้เสียอีก!

ที่ก้นหลุมยักษ์แห่งนี้ ทั้งคางคก งู และสัตว์ประหลาดใหญ่ยักษ์อื่นๆ ต่างก็พากันกรีดร้องออกมา เสียงนกบินกันแตกตื่นด้วยความตระหนกตกใจ น้ำในแม่น้ำพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และค่อยๆท่วมหลุมยักษ์จนลึกกว่าร้อยเมตร!

ก้นหลุมยักษ์ที่มีความลึกกว่าสี่ร้อยเมตร จู่ๆก็เหลือความลึกเพียงแค่สามร้อยเมตร เพราะอีกหนึ่งร้อยเมตรคือน้ำที่ท่วมสูงขึ้น!

หลังจากที่เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นนั้น หัวใจแห่งค่ายกลมังกรหยิน-หยางแห่งนี้ ถ้ำหินที่หลิงหยุนและคนอื่นๆเคยอยู่นั้น ก็ได้จมอยู่ใต้น้ำที่มืดมิดไปหนึ่งร้อยเมตร

แต่หลิงหยุนกลับไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวในใจแม้แต่น้อย เขาไม่ได้หวาดกลัวตัวสั่น แต่แล้วจู่ๆ ทุกอย่างตรงหน้าเขากลับหายวับไปกับตา!

มัจฉาหยิน-หยางที่แปลกหลาดเมื่อครู่ก็หายไป สัญลักษณ์แปลกประหลาดต่างๆก็หายไป จักรวาลที่กว้างใหญ่เวิ้งว้างและเต็มไปด้วยดวงดาวก็หายไป ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวหลิงหยุนตอนนี้กลับคืนสู่สภาพเดิมและมืดมิดเช่นเดิม!

หลังจากที่หลิงหยุนหลับตาลงอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง และรีบปรับสายตาให้คุ้นเคยกับความมืดจนสามารถมองเห็นทุกอย่างรอบๆตัว

“โอ้.. ถ้ำทั้งหกที่เคยเป็นเส้นทางมาสู่ที่แห่งนี้ได้หายไปแล้ว..”

หลิงหยุนเห็นเพียงกำแพงหินที่ว่างเปล่า ส่วนถ้ำาทั้งหกที่เคยเป็นเส้นทางมาสู่หัวใจแห่งนี้ก็หายวับไปกับตา เขาได้แต่ตกตะลึง!

หลิงหยุนหันไปมองประตูศิลาทั้งสามบาน ประตูศิลาตรงกลางและด้านขวาได้ปิดสนิทกลับไปอยู่ในสภาพเดิม แต่ประตูทางซ้ายมือยังคงเปิดอยู่ พร้อมกับเส้นทางที่ด้านในมืดมิด และไม่รู้ว่าจะนำไปสู่ที่แห่งใหน

หลิงหยุนมองตู้กู่โม่และเจ้าขาวปุยที่นอนหมดสติอยู่บนพื้น เขารู้ว่าทั้งคู่เพียงแค่สลบไปเท่านั้นเอง

ทั้งพลังอมตะ แสงไฟที่เป็นประกายเจิดจ้าสวยงามราวกับเทพนิยาย และเสียงมรรคาแห่งเต๋า ได้ให้ประโยชน์อย่างมากมายมหาศาลกับพวกเขา และการฝึกฝนของพวกเขานับจากนี้ ก็จะก้าวหน้าได้รวดเร็วขึ้นอีกหลายพันเท่าเลยทีเดียว

หลิงหยุนหันหน้าไปดูเจ้างูยักษ์ เขาพบว่าร่างของเจ้างูยักษ์ที่นอนอ่อนระทวย และเต็มไปด้วยบาดแผลจากกระบี่ศิลานั้นได้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมแล้ว เกล็ดสีดำขนาดเท่าอ่างกลับมาเป็นประกายสดใสเช่นเคย ดวงตาสองดวงที่เป็นประกายราวกับหลอดไฟคู่นั้นดูเหมือนกำลังจ้องมองหลิงหยุน

“ทำไมเจ้าตัวเล็กลง?!”

หลิงหยุนพบว่าร่างใหญ่ยักษ์ของเจ้างูเหลือมนั้นเล็กลงกว่าเดิมมากไม่รู้กี่เท่า! ตอนนี้ร่างของมันเล็กลงจนลำตัวของมันมีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ถึงครึ่งเมตร และยาวไม่เกินสิบเมตร ซึ่งเล็กกว่าขนาดเดิมหลายเท่ามาก

และหลิงหยุนเองก็เพิ่งสังเกตุเห็นว่าหัวของเจ้างูนั้นเปลี่ยนไป ตอนนี้หัวของมันมีเขาสีขาวอมเหลืองคู่หนึ่งงอกขึ้นมา ช่างน่ารักน่าชัง!

“ความจริงแล้ว.. กลับมีความโชคดีซ่อนอยู่ในความโชคร้าย! ทั้งสองอย่างต่างซ่อนอยู่ในกันและกัน ในที่สุดเจ้ามังกรน้ำก็สามารถกลายร่างได้สำเร็จ!” หลิงหยุนพูดพร้อมกับพยักหน้าให้มัน..

ที่แท้เจ้างูตัวนี้ก็คือมังกรน้ำนั่นเอง! แม้มันจะไม่สามารถขี่เมฆขี่หมอกได้ แต่มันก็สามารถว่ายวนอยู่ในแม่น้ำลำธารได้อย่างไร้ขีดจำกัด

เจ้างูเหลือมตัวน้อย.. ไม่ใช่สิ! ต้องเรียกว่าเจ้ามังกรน้ำตัวน้อย มันจ้องมองหลิงหยุนด้วยความซาบซึ้งใจ เมื่อเห็นหลิงหยุนพยักหน้าให้กับมัน แววตาของมันก็เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข และเลื้อยเข้ามาหาหลิงหยุนด้วยความรวดเร็วที่น่าอัศจรรย์!

เจ้ามังกรน้ำตัวน้อย.. ก่อนที่มันจะกลายมาเป็นมังกรน้ำนั้น มันค่อนข้างฉลาดมากอยู่แล้ว ตอนนี้ได้กลายร่างเป็นมังกรน้ำที่สมบูรณ์แล้ว ปัญญาญาณของมันก็ได้เปิดออกแล้ว มันจึงรู้ว่าหลิงหยุนคือผู้ที่ช่วยชีวิตของมันไว้!

เมื่อเห็นร่างสีดำขลับเลื้อยเข้ามาหา หลิงหยุนกลับไม่รู้สึกหวาดกลัว เขาเพียงแค่มองมันยิ้มๆ

เจ้ามังกรน้ำตัวน้อยเลื้อยเข้ามาที่ร่างของหลิงหยุน และพันรัดไปรอบๆร่างของเขาสองรอบ และลำตัวท่อนบนของมันก็ชูขึ้น แต่ก็ไม่กล้าที่จะชูหัวของมันให้สูงกว่าศรีษะของหลิงหยุน จากนั้นก็ทำการโค้งคำนับให้เขา..

หลิงหยุนรู้ว่ามันกำลังทำความขอบคุณที่เขาได้ช่วยชีวิตของมันไว้ หลิงหยุนรู้สึกสนุกจึงหัวเราะออกมาพร้อมกับยกแขนขึ้นสัมผัสเขาที่เพิ่งงอกใหม่ของมัน..

เขาของเจ้ามังกรน้ำตัวน้อยนี้ ถึงแม้ว่าจะเพิ่งงอกแต่ก็แข็งมากเลยทีเดียว!

เขาของมังกรนั้นนับว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของมันเช่นเดียวกับเกล็ด หากตู้กู่โม่กล้าที่จะจับเขาของมันเหมือนเช่นหลิงหยุนแล้วล่ะก็ เจ้ามังกรน้ำตัวน้อยนี้คงไม่ไว้ชีวิตของตู้กู่โม่แน่!

เจ้ามังกรน้อยแสนเชื่องรีบโน้มลงให้หลิงหยุนสัมผัสหัวของมัน แต่จู่ๆก็ม้วนหางรัดรอบตัวหลิงหยุน และเลื้อยไปอยู่บนหลังของหลิงหยุนแทน!

หลิงหยุนหัวเราะอย่างมีความสุข เขาพูดกับมันอย่างอ่อนโยน “ในเมื่อเกล็ดของเจ้าเป็นสีดำ ข้าจะตั้งชื่อให้เจ้าว่า ‘สีนิล’ ก็แล้วกันนะ!”

เจ้ามังกรน้อยพยักหน้า มันเข้าใจในสิ่งที่หลิงหยุนพูดดี จากนั้นก็เลื้อยออกไปด้วยความเร็ว และความเร็วของมันนั้นต่อให้หลิงหยุนใช้เท้าทองคำหมื่นลี้ขั้นสุดก็ยังไม่สามารถตามมันทันได้

หลังจากวิ่งเล่นกับมันอยู่ครู่หนึ่ง หลิงหยุนก็ห้ามเจ้าสีนิลไม่ให้ลงไปในบ่อหิน ที่ตอนนี้แผนผังแปดทิศที่ก้นบ่อได้หายไปแล้ว

ทั้งคู่กลับมาตรงที่ตู้กู่โม่และเจ้าขาวปุยนอนขดอยู่ หลิงหยุนเรียกกระบี่ในมือของตู้กู่โม่เข้าไปเก็บไว้ในแหวนพื้นที่ ก่อนที่จะใช้มือขวาหนีบร่างของเขาไว้ใต้รักแร้ ส่วนมือซ้ายก็อุ้มเจ้าขาวปุยขึ้นมา

“สีนิล.. ไปที่ประตูศิลากัน!” หลิงหยุนขึ้นขี่ร่างของเจ้าสีนิล และให้เจ้าสีนิลเลื้อยเข้าประตูศิลาทางซ้ายมือ

จุ่ๆร่างของเจ้าสีนิลก็หยุดนิ่งไปเฉยๆ มันมองไปที่ประตูศิลาตรงกลางอย่างหวาดกลัว เพราะมันเพิ่งจะได้รับบาดเจ็บจากกระบี่ศิลา..

หลิงหยุนปลอบมันด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “สีนิล ค่ายกลแห่งนี้ได้ถูกข้าทำลายไปแล้ว อีกอย่าง.. ประตูนี้ก็เป็นทางเดียวที่จะพาพวกเราออกไปจากที่นี่ และมันจะทำร้ายเจ้าไม่ได้อีกแล้ว!”

หลังจากนั้น หลิงหยุนก็ลูบหัวเจ้าสีนิลอย่างอ่อนโยน และกระตุ้นให้มันเข้าไปภายในประตูศิลา..

หลิงหยุนเองก็ไม่รู้ว่าภายในประตูศิลแห่งนี้จะมีอะไร แต่ในเมื่อถ้ำทั้งหกที่เคยเป็นเส้นทางเข้ามาที่นี่ได้หายวับไปอย่างน่าอัศจรรย์แล้ว จึงเหลือประตูนี้เพียงบานเดียวที่จะเป็นทางออกได้

เจ้าสีนิลลังเลครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดมันก็รีบพุ่งออกไปจากประตูศิลาทันที!

ช่างแตกต่างจากมนุษย์ ความมืดกลับไม่มีอิทธิต่อมันแม้แต่น้อย เจ้าสีนิลจึงสามารถเคลื่อนที่ไปได้อย่างรวดเร็ว

ประตูศิลาแห่งนี้ไม่ใช่ห้องศิลา แต่มันคือถ้ำที่มีขนาดยาว โค้งและชัน ไม่มีทางแยก และไม่มีอันตรายอะไร..

ในไม่ช้า หลิงหยุนก็สัมผัสได้ถึงแรงลม และความเย็นสดชื่นของภูเขา อีกทั้งยังเต็มไปด้วยพลังชีวิต

ภายในถ้ำเริ่มสว่างขึ้น แม้มันจะยังคงมืดอยู่ แต่ก็ไม่ใช่ความมืดมิดสนิท แต่เป็นความมืดธรรมดาของยามค่ำคืน และท่ามกลางความมืดในยามค่ำคืนเช่นนี้ สำหรับหลิงหยุนคนปัจจุบันแล้ว สายตาของเขาสามารถมองเห็นได้ไม่แตกต่างจากเวลากลางวัน

หลิงหยุนสูดหลมหายใจเข้าไปอย่างสดชื่น.. เขารู้ว่าอีกไม่นานก็จะออกไปสู่หุบเขา หลิงหยุนไม่รู้ว่าตัวเองได้ลงมาที่นี่นานมากเท่าไหร่แล้ว.. หนิงน้อย เฉิงเม่ยเฟิง และใครๆคงจะกำลังร้อนใจ?

เจ้าสีนิลราวกับรู้ว่าเจ้านายของมันคงอยากจะออกไปจากถ้ำเต็มที มันจึงเร่งความเร็วอย่างสุดกำลัง และพุ่งไปตามแสงไฟที่อยู่ปากทาง!