บทที่ 331 : หม้อทองแดง
หลิงหยุนอยู่ในก้นหลุมมานาหลายวัน เมื่อจะได้กลับออกไปข้างนอก จึงรู้สึตื่นเต้นเป็นพิเศษ เขาเกือบจะร้องตะโกนออกมาระหว่างที่นั่งอยู่บนหลังของเจ้าสีนิล
มันคือช่วงเวลาใกล้ค่ำ.. ความมืดของยามค่ำคืนเน้นให้เห็นแสงระยิบระยับของดวงดาว และดวงจันทร์ที่อยู่บนฟากฟ้าได้อย่างชัดเจน หลิงหยุนกำลังโคจรดารกะดายัน และพลังจันทราก็กำลังถ่ายเทเข้าสู่ร่างกายของเขา ทำให้ร่างทั้งร่างของหลิงหยุนเปล่งประกายสดใส..
ในเวลานี้.. ภายในร่างกายของหลิงหยุนคล้ายเกิดการระเบิดปังขึ้น และดารกะดายันของเขาก็ทะลุทะลวงเข้าสูงขึ้นไปอีกสามระดับย่อย เรียกได้ว่าตอนนี้หลิงหยุนได้ผ่านระดับย่อยๆมาทั้งหมดสิบเอ็ดระดับแล้ว!
“ช่างรวดเร็วอะไรเช่นนี้?!”
หลิงหยุนทั้งมีความสุขและทั้งตกใจไปพร้อมๆกัน นั่นเพราะว่าหากดารกะดายันของเขาสามารถทะลุทะลวงได้พร้อมกันทีเดียวถึงสามระดับย่อย จะส่งผลให้เขาสามารถเข้าสู่ดารกะดายันขั้นสามได้อย่างรวดเร็ว!
และนี่คือความสำเร็จของวิชาลับหยินหยาง ที่ได้ดูดซับเอาพลังชีวิตจากน้ำลายมังกรจำนวนมาก พลังสุริยัน พลังจันทรา และพลังดวงดาวเข้าไปในเวลาเดียวกันและพร้อมๆกัน
แต่จะว่าไปแล้ว.. ทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนเป็นผลมาจากค่ายกลมังกรหยินหยางแห่งนั้นนั่นเอง ทำให้เมื่อร่างกายปะทะเข้ากับดวงจันทร์และดวงดาวในธรรมชาติ ดารกะดายันของหลิงหยุนจึงสามารถก้าวหน้าขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
ร่างกายของหลิงหยุนในเวลานี้ปกคลุมไปด้วยแสงของดวงดาวระยิบระยับ แต่กระแสยังคงอ่อนจึงไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
หุบเขาแห่งนี้สวยงาม อีกทั้งยังเงียบสงัด เสียงน้ำไหลช่างไพเราะและน่าฟัง..
สายลมบางเบาพัดกระทบใบหน้าของหลิงหยุน ดอกไม้และต้นไม้หายากหลากหลายชนิดเจริญงอกงาม พลังชีวิตที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยละล่องเข้าสู่ร่างกายของหลิงหยุน รูขุมขนบนร่างกายเปิดกว้างพร้อมรับอย่างปิติ
ท้องฟ้าแจ่มใส เมฆหมอกและดอกไม้แปลกตารายล้อมรอบตัวหลิงหยุน ให้ความรู้สึกราวกับอยู่ในดินแดนแห่งเทพนิยาย อีกทั้งยังรู้สึกราวกับได้กลับไปยังโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ ที่ที่มีพลังชีวิตหนาแน่นสมบูรณ์กว่าที่ใหนๆ
หลิงหยุนมองดอกไม้และต้นไม้ที่มีอยู่มากมาย เขาจำได้ว่ามันล้วนแล้วแต่เป็นสมุนไพรที่ให้พลังชีวิต
หลิงหยุนได้แต่ตกตะลึง! ที่นี่ไม่ใช่หุบเขาที่อยู่ระหว่างเขามังกรกับเขาหยกด้านใต้อย่างที่เขาคิด!
สถานที่แห่งนี้มีผาชันอยู่รอบๆหุบเขา มีต้นไม้ใบหญ้าที่เขียวชะอุ่ม และดูเหมือนว่ายอดเขาแห่งนี้จะสูงกว่าเขามังกรและเขาหยกด้านใต้เสียอีก ต้นไม้บนยอดเขานี้ก็เขียวชะอุ่มกว่ามาก และดูเหมือนว่าจะไม่มีผู้คนเข้ามาที่แห่งนี้เนิ่นนานมากแล้ว
“นี่ข้าอยู่ห่างจากเมืองจิงฉูกี่พันไมล์กันแน่?!”
แต่หลิงหยุนก็ไม่ประหลาดใจอยู่นานนัก เขากำลังคิดว่าที่นี่ก็น่าจะเป็นอีกฉากหนึ่งที่ยอดฝีมือผู้น่าเกรงขามซึ่งเป็นผู้สร้างค่ายกลมังกรหยินหยางนั้น เป็นผู้สร้างขึ้นมา..
แม้หลิงหยุนจะมีความได้เปรียบบที่มาจากโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ แต่หลังจากที่เขาได้ทำการหมุนก้อนหินที่อยู่ในสัญลักษณ์ไท่จี๋ที่ก้นบ่อ ก็ปรากฏภาพอัศจรรย์ต่างๆยิ่งกว่าที่เขาเคยเห็นในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่เสียอีก
ยอดฝีมือในอดีตผู้ยิ่งใหญ่ท่านนั้น กำลังภายในของเขาคงต้องผ่านขั้นอมตะ หรือขั้นเซียนในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่แล้วอย่างแน่นอน!
หลิงหยุนหันไปมองเจ้าขาวปุยที่อยู่ด้านของตนเอง จากนั้นจึงค่อยๆวางร่างของตู้กู่โม่ และร่างของเจ้าขาวปุยลงบนพื้น ก่อนจะเดินตรงไปยังเสาหินที่อยู่ไกลออกไป
ตอนนี้พู่กันจักรพรรดิได้เข้าไปอยู่ในหว่างคิ้วของเขา ส่วนสมุดจักรพรรดิก็เข้าไปอยู่ที่จุดตั้นเถียน หลิงหยุนจึงไม่สามารถนำมันออกมาใช้ได้ จึงต้องใช้กระบี่โลหิตแดนใต้ หรือกระบี่มังกรขาวแทน
แต่ภายในสถานที่แห่งนี้ หลิงหยุนไม่กล้าที่จะหยิบกระบี่มารอย่างกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมาใช้ เพราะเขาสัมผัสได้ถึงพลังเต๋าที่รุนแรง..
หากเขาหยิบกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมา เกรงว่าจะได้รับการต่อต้านจากพลังเต๋า และอาจถูกโจมตีกลับได้ ซึ่งหลิงหยุนเองก็ไม่ต้องการที่จะเสี่ยง
บ้านศิลาที่ดูแปลกตาหลังนี้ ดูเหมือนจะมีเพียงแค่สองห้อง หลิงหยุนเดินสำรวจไปรอบๆบ้าน
บ้านศิลาหลังนี้มีดอกไม้ พืชพรรณแปลกตา และหญ้าที่สูงกว่าหนึ่งเมตรขึ้นอย่างแน่นหนาจนเต็มรอบบ้านไปหมด และไม่รู้ว่าขึ้นมาเนิ่นนานเท่าไหร่แล้ว มันขึ้นหนาแน่นจนขนาดที่ว่าหากผู้ใดสวมเสื้อผ้าหนาเข้ามา คงจะไม่สามารถเดินผ่านต้นไม้เหล่านี้ไปได้อย่างแน่นอน เพราะคงจะเคลื่อนไหวได้อย่างลำบาก
แต่ตอนนี้หลิงหยุนอยู่ในสภาพร่างกายเปลือยเปล่า และกำลังโคจรดารกะดายัน จึงไม่รู้สึกเจ็บปวดกับร่างที่เสียดสีกับต้นไม้เหล่านั้น
“พลังที่นี่ช่างรุนแรงนัก!”
หลิงหยุนอุทานออกมาเบาๆ เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังพุทธะที่แข็งแกร่งรอบบ้านศิลาแห่งนี้ ที่ดูเหมือนจะเทียบเท่าพลังพุทธะที่กระจายออกมาจากร่างของหลวงจีนชรา แม้พลังจะรุนแรงแต่ก็อ่อนโยนทำให้หลิงหยุนรู้สึกสบาย
“ดูเหมือนจะไม่มีอันตรายอะไร..” หลิงหยุนไม่รู้สึกถึงอันตรายใดๆ เขาจึงเก็บกระบี่มังกรขาว และเดินตรงเข้าไปในบ้านศิลาเหมือนคนธรรมดาคนหนึ่ง เขามองสำรวจไปรอบๆแต่ก็ไม่พบอะไร
แต่หลิงหยุนไม่ย่อท้อ เขาเดินออกมาสำรวจบริเวณรอบๆบ้านอีกครั้งว่าจะพบเจออะไรใหม่ๆอีกหรือไม่?
เคล้ง!
หลิงหยุนรู้สึกว่าเท้าข้างขวาของเขาไปกระแทกกับของแข็งบางอย่างเข้า เขาตกใจมากและรีบแหวกหญ้าออกดู..
“นี่มันอะไรกัน? สนิมที่ขึ้นก็ดูแปลก..” หลิงหยุนเห็นวัตถุรูปเกือกม้าที่เปื้อนไปด้วยโคลน และมันคือสิ่งที่เขาเดินเตะเมื่อครู่นี้
หลิงหยุนเอื้อมมือออกไปหยิบขึ้นมาดู เขาออกแรงสุดกำลังเพื่อดึงมันขึ้นมา!
พื้นโคลนนิ่มได้กลายเป็นพื้นดินอัดแน่นเล็กน้อย เขาสังเกตุเห็นว่าพื้นดินมีคราบโลหะผสมกับสนิม และพบว่ามันเป็นโลหะประเภททองแดง
“ดูเหมือนว่ามันจะเป็นชิ้นส่วนของวัตถุบางอย่างที่ทำจากทองแดง” หลิงหยุนขุดลึกลงไปในดินอีก เขารู้สึกตื่นเต้นเมื่อเห็นว่ามันคืออะไร
“นี่.. นี่มันดูเหมือนขาตั้ง!” เพียงแค่เห็นหลิงหยุนก็มั่นใจว่ามันต้องเป็นหม้อที่ทำจากทองแดง!
หลิงหยุนตื่นเต้นดีใจอย่างที่สุดที่ได้พบของแบบนี้ เพราะมันจะทำให้เรื่องการปรุงยาของเขาในวันข้างหน้าสะดวกมากยิ่งขึ้น ดีกว่าที่จะต้องไปใช้หม้อโลหะใบเล็กๆเหมือนปัจจุบัน
หลิงหยุนรู้สึกเบื่อหน่ายกับหม้อโลหะใบเล็กๆพวกนั้นมานานแล้ว เขารีบใช้มือขุดลงไปดู และดึงออกมาทั้งชิ้น
หม้อทองแดง..! แม้จะขึ้นสนิมและดูเก่ามาก แต่ก็ยังคงความสวยงาม
หม้อทองแดงใบนี้ถูกแกะสลักไว้ แต่ก็ถูกโคลนดำและสนิมปิดบังไว้ จนหลิงหยุนเองก็มองได้ไม่ชัดเจน
“หนักมากจริงๆ! นี่มันหนักกว่าน้ำเต้าที่บรรจุน้ำลายมังกรเสียอีก หลิงหยุนออกแรงยกขึ้นมาจากโคลน และมาวางไว้บนพื้น”
หม้อทองแดงใบนี้มีขนาดใหญ่มาก และมีเส้นผ่าศูนย์กลางจากหูจับข้างหนึ่งไปถึงหูจับอีกข้างหนึ่งก็ราวเจ็ดสิบหรือแปดสิบบเซ็นติเมตร และสูงราวแปดสิบเมตร
“ช่างเหมาะสำหรับนำมาปรุงยายิ่งนัก” หลิงหยุนชื่นชอบอย่างมาก
“ไม่สิ.. มันต้องมีฝาปิดด้วย..” หลิงหยุนเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่าหม้อสามขาใบนี้ไม่มีฝาปิด เขารีบกระโดดลงไปในหลุม และขุดดูรอบๆ
หลิงหยุนใช้มือขุดลึกลงไปอีกหนึ่งเมตร ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้กระบี่มังกรขาวฟันลงไปในโคลนสีดำแทน แต่ท้ายที่สุดก็ไม่พบฝาของมัน
“ขาตั้งก็อยู่ใกล้ๆกับหม้อ เหตุใดจึงไม่พบฝาของมัน” เมื่อไม่สามารถหาฝาพบหลิงหยุนจึงรู้สึเสียดายเล็กน้อย
“หรืออาจจะไม่มีผา หรือไม่ก็มีแต่ไม่ได้อยู่ที่นี่..”
หลิงหยุนยังคงสำรวจต่ออีกสองสามรอบ แต่เมื่อไม่พบเขาจึงล้มเลิก
“ก่อนอื่นคงต้องจัดการล้างโคลนนี่ออกก่อน..”
หลิงหยุนก้มลงไปหยิบหม้อขึ้นมา.. จากนั้นก็เดินออกจากบริเวณบ้านศิลากลับไปหาตู้กู่โม่และเจ้าขาวปุย เมื่อพบว่าทั้งคู่ยังคงนอนสลบไสล หลิงหยุนจึงได้แต่ยิ้ม
เขาเดินตรงไปที่น้ำพุพร้อมกับพูดกับเจ้าสีนิลที่กำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนานอยู่ว่า “ฉีดน้ำให้ข้าหน่อย!” เขาพูดพร้อมกับชี้ไปที่หม้อทองแดงในมือ
เจ้าสีนิลเลื้อยเล่นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เลื้อยไปรัดร่างของหลิงหยุนไว้ แล้วจัดการฉีดน้ำใส่ตัวหลิงหยุนและตัวของมันเอง
เมื่อเห็นว่าเจ้าสีนิลช่างดื้อนัก หลิงหยุนก็ได้แต่ส่ายหน้า พร้อมกับชี้ไปที่หม้อทองแดงอีกครั้ง แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ข้า.. ที่หม้อนี่!”
เจ้าสีนิลพ่นน้ำใส่หม้อทองแดง และหลิงหยุนก็เริ่มขัดถูทำความสะอาด
ส่วนที่เป็นสนิมยังไม่สามารถขัดออกได้ หลิงหยุนจึงยังไม่มีโอกาสได้เห็นลวดลายและอักษรที่แกะสลักอยู่บนหม้อทองใบนี้
หลิงหยุนสำรวจหม้อและขาตั้งของมันอย่างละเอียดอยู่นาน พร้อมกับครุ่นคิดว่ามันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่ในที่สุดก็ล้มเลิกที่จะหาคำตอบชั่วคราว
“แค่นี้ก็เพียงพอกับการปรุงยาแล้วล่ะ น่าจะใช้ได้แล้ว..”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับจัดสถานที่ภายในแหวนพื้นที่ และจัดการเรียกหม้อทองแดงใบใหญ่เข้าไปเก็บไว้ด้านใน และมันก็กินพื้นที่ถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของแหวนพื้นที่ หลิงหยุนจัดการใส่ทุกอย่างลงไปในนั้น
“ที่นี่มีสมุนไพรที่ให้พลังชีวิตอยู่มากมาย.. ที่นี่นับว่าเป็นขุมทรัพย์สมุนไพรขนาดใหญ่เลยทีเดียว แต่น่าเสียดายที่ข้านำกลับไปด้วยไม่ได้..”
หลิงหยุนกำลังคิดว่าในวันข้างหน้า หากเขาฝึกถึงขั้นที่สามารถปรุงยาได้แล้ว เขาจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง
หลิงหยุนไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน เขาจึงลงไปเล่นน้ำพุกับเจ้าสีนิล และทำการชำระล้างร่างกาย จากนั้นก็เดินไปหาตู้กู่โม่ และวางกระบี่ของเขาไว้ข้างตัว
แม้ตู้กู่โม่จะไม่ได้ครอบครองสมุดจักรพรรดิ แต่ก็ได้รับประโยชน์มากมายกลับไป ไม่เพียงได้แค่น้ำลายมังกร เขายังได้รับพลังอมตะมากมาย ได้ยินเสียงระฆังกังวาน และเสียงมรรคาแห่งเต๋า เพียงแค่นี้ก็เพียงพอที่จะใช้ไปจนชั่วชีวิตแล้ว
ในเวลานั้นเอง หลิงหยุนก็หันไปมองเจ้าขาวปุย มันลืมตาขึ้นมองหลิงหยุนช้าๆ มันรู้สึกตัวได้เร็วกว่าตู้กู่โม่
พรึบ!
เจ้าขาวปุยตื่นขึ้นมา และหางที่สามของมันก็งอกต่อหน้าหลิงหยุน ไม่แตกต่างจากหางทั้งสอง ที่โบกสะบัดไปมาอยู่กลางอากาศ!