หลังจากขันทีจวนอ๋องส่งเสียงลากยาว คนบ้านตระกูลอวิ๋นก็คำนับ แล้วตะโกน “คำนับพระชายาฉินอ๋อง!” แล้วอดไม่ได้ที่จะแอบเงยหน้าขึ้น เห็นเพียงสาวงามชุดสง่าล้อมรอบด้วยสาวใช้สวมใส่เสื้อผ้างดงามดั่งดาวล้อมเดือน
สาวงามเกล้าผมทรงโบตั๋น ปักปิ่นหางหงส์ลายเมฆกรอบมุกทอง สวมกระโปรงยาวคอผีผากรอบใหญ่กุ๊นใหญ่ปักลายใบไม้ขอบทองรองดอกโบตั๋น มัดเอวรัดอก เผยรูปร่างโค้งเว้าอย่างชัดเจน ชั้นนอกคลุมด้วยเสื้อคลุมนกกระเรียนขนแกะลายดอกสีน้ำเงิน บนคอใส่สร้อยคอพวงผันชือ[1]สีแดงทอง รับกับใบหน้าหยกให้ดูชื่นบาน ดูสูงศักดิ์ไปทั้งตัวอย่างไม่มีคำบรรยายใด บนใบหน้าอันไร้ที่ติ ดวงตาอันสวยงามคล้ายอัญมณี ดั่งแหล่งรวมน้ำในฤดูใบไม้ผลิ สดใสชัดเจน สุกสว่างแวววาว
ประหนึ่งเทพเซียนมาเยือน เป็นเกียรติเป็นศรี บ่าวรับใช้บ้านตระกูลอวิ๋นแม้จะมิกล้าเงยหน้า แต่เพียงได้เห็นด้วยหางตา ก็รู้สึกหายใจไม่ออกแล้ว
แม่นางใหญ่เมื่อตอนยังเป็นสาวมิได้ออกเรือน แม้จะรูปลักษณ์งดงาม แต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีอิริยาบถของผู้สูงศักดิ์เช่นวันนี้!
“มาต้อนรับกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ลำบากทุกท่านแล้ว” อวิ๋นหว่านชิ่นหันหน้าไปทางบ่าวในเรือนบนขั้นบันไดสองข้าง
ชูซย่ารับทราบความหมายของพระชายา ยิ้มกล่าว “มา ตบรางวัลให้บ่าวบ้านตระกูลอวิ๋น”
บ่าวรับใช้จวนอ๋องยก**บเล็กๆ มาจากในรถคันเล็กด้านหลัง
อวิ๋นเสวียนฉั่งสายตาอดไม่ได้ที่จะมองตามไป เห็นบ่าวรับใช้จวนอ๋องเปิด**บ หยิบเศษเงินแท่งตบรางวัลให้บ่าวบ้านตระกูลอวิ๋นแต่ละคน
กับบ่าวบ้านแม่ตัวยังให้มากมายเพียงนี้ ไม่รู้ว่าของกำนัลกลับเรือนในวันนี้คืออะไร อวิ๋นเสวียนฉั่งเมื่อนึกถึงสินเดิมของแม่ที่ตายไปที่บุตรสาวผู้นี้นำติดตัวไป จนวันนี้ยังโมโหไม่หาย หากวันนี้กอบโกยกลับมาได้บ้าง จึงจะบรรเทาความเจ็บปวดในการกรีดเลือดเนื้อนี้ได้
ถึงแม้บุตรสาวจะไม่ยินยอมให้ตนได้ผลประโยชน์อีก ของกำนัลกลับเรือนของราชสำนัก ก็จัดการโดยสำนักพระราชวังส่งให้จวนอ๋อง ถึงอย่างไรก็คงจะไม่ดูข้นแค้นเกินไปกระมัง
แล้วมองดูรถคันใหญ่ที่บรรทุกของกำนัลมาหลายคันหลังรถม้าพระชายานั้น อวิ๋นเสวียนฉั่งก็โล่งใจแล้ว ยิ่งยิ้มหน้าบานไปใหญ่
บ่าวบ้านตระกูลอวิ๋นรับรางวัลมา คุกเข่าอยู่บนพื้น ซาบซึ้งขอบคุณน้ำตาไหลโขกหัว “ขอบพระทัยพระชายาฉินอ๋อง!” นายท่านตระหนี่ถี่เหนียวมาตลอด ยากนักที่จะมีบุตรสาวที่ใจกว้างเช่นนี้
อวิ๋นหว่านชิ่นมองดูท่านพ่อจ้องรถม้าด้านหลังที่บรรทุก**บของกำนัลอย่างเงียบๆ ใช้สายตาส่งสัญญาณ รอยยิ้มยังคงปรากฏอยู่บนมุมปาก ไม่ได้กล่าวอะไร แล้วโบกมือ “ยกของกำนัลกลับเรือนเข้าจวนเจ้ากรมก่อนเถิด”
“ขอรับ พระชายา” บ่าวของจวนอ๋องไปที่รถม้าบรรทุกทางด้านหลัง ยก**บที่ลงกลอนไว้แน่นลงมา
ม่อไคไหลรีบเข้าไปเชิญคนและ**บเข้าจวนไป วางไว้หน้าห้องโถงหลัก
“นี่สิถึงเรียกว่ามาดของบ้านใหญ่” ฮูหยินถงอดไม่ได้ที่จะปิติยินดี แล้วจ้องอนุฟางข้างกายตาเขม็ง “ไม่เหมือนลูกสาวเจ้า แค่กลับเรือนทำเหมือนคนอื่นติดค้างนางเป็นหมื่นเป็นแสนตำลึงอย่างนั้น! ผลเป็นอย่างไร ข้าก็ไม่เห็นว่านางจะได้ดีเท่าไร!”
อนุฟางโกรธจนจิกผ้าเช็ดหน้าไว้แน่น ไม่กล้าพูดอะไร เรื่องของเว่ยอ๋องถูกตัดสินคดีเพียงความผิดพลาดที่ไม่ได้ตั้งใจ ราชสำนักไม่สืบถามเรื่องสาเกดอกท้ออีก แต่ยายแก่นี่ยังไม่จบไม่สิ้น ได้โอกาสก็จะต้องทับถมเสียให้ได้! เรื่องใหญ่เพียงนี้เว่ยอ๋องนั่นยังรอดตัวไปได้ เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้ยังคงทรงโปรดเว่ยอ๋องเช่นเดิม ส่วนอำนาจของมเหสีรองเหวยและบ้านตระกูลเหวยยังคงมั่นคงอยู่! บุตรสาวของตนจะต้องเป็นผู้มีบุญบารมี รอให้เรื่องนี้ซาลง จวนเว่ยอ๋องพลิกฟื้น ถงเอ๋อร์จะต้องเป็นชายาที่สูงศักดิ์เพราะสวามี พลอยได้ดีตามไปด้วย!
ดูว่ายายแก่นี่ยังจะบ่นทั้งวันเช่นนี้อีกหรือไม่!
ฮุ่ยหลานได้ยินฮูหยินถงพูดแล้วยิ้มพลางกล่าวไป “สมรสแล้ว บำรุงหน้าตาได้จริงเสียด้วย ทำเอาแม่นางใหญ่อวบอิ่มจนงดงามยิ่งขึ้น ดูก็รู้ว่าอยู่เรือนสวามีสบายใจได้อย่างหวัง ได้รับการเอ็นดูเอาใจตามใจทุกอย่างจากอาเขย”
“ก็ต้องดูว่าแต่งกับใคร หากแต่งให้คนไม่เห็นเจ้าอยู่ในสายตาแล้ว อย่าได้พูดถึงเอาใจตามใจเลย เห็นเจ้าเป็นคนก็ดีโขแล้ว…” ฮูหยินถงวันนี้เห็นหลานสาวคนโตร่วมสายเลือดกลับเรือน ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงความโมโหตอนอวิ๋นหว่านถงกลับเรือนมิได้ ระบายใส่ตัวอนุฟางทั้งหมด ใช้เวลาว่างตอนบ่าวยกของ ว่างอยู่ก็เท่านั้น บ่นสักสองสามคำ
อนุฟางทนไม่ไหว หน้าตึง “คำพูดเจ้าคนนี้ ข้าทนฟังต่อไปมิได้แล้ว ถงเอ๋อร์จะไม่ดีเพียงใด อย่างไรเสียก็แต่งกับเว่ยอ๋อง ถึงจะไม่ได้รับการเอ็นดูเพียงใด ก็เป็นถึงพระชายารอง จะไม่เห็นนางเป็นคนได้อย่างไรเล่า”
ท่านแม่ได้ยินดังนั้น ส่งเสียงโกรธเคือง เพื่อเป็นการประจบฮูหยินถง เหลียนเหนียงหัวเราะกล่าวเสียงแผ่วเบา “พี่รอง ท่านแม่ก็ไม่ได้พูดเหลวไหลอะไร คุณหนูถงกลับเรือนในครั้งนั้น บาดแผลบนใบหน้าเราก็ต่างเห็นกันชัดเจน นั่นเหมือนไม่ทันระวังหกล้มมาที่ไหนกัน ข้างกายพระชายารองก็ใช่ว่าจะไม่มีสาวใช้คอยเปิดทางและประคองไว้ อยู่ดีๆ จะหกล้มจนเป็นแผลเช่นนั้นได้อย่างไร แผลนั่นมาได้อย่างไร ทุกคนต่างก็รู้กันดี ถึงว่าคุณหนูพอกลับเรือนมาก็อารมณ์ไม่ดี โมโหไปเรื่อย”
“เจ้า…” อนุฟางโมโหที่หญิงผู้นี้นับวันจะยิ่งไม่เห็นตนในสายตา ตอนเพิ่งจะยกชูขึ้นมา ยังพอจะเคารพตนอยู่บ้าง ตั้งแต่ไปวัดมา ได้คำทำนายของไต้ซืออู้เต๋อ ก็เริ่มชูหางขึ้นมา เมื่อเร็วๆ นี้แม่นางใหญ่ออกเรือน เหลียนเหนียงยิ่งเหมือนไม่มีคนคุม ยืดอกสูงขึ้นมาหลายนิ้ว อยู่บ้านแทบจะเดินทางขวางอยู่แล้ว
เห็นท่าทางเสือยิ้มของนาง จะด่ากลับก็ไม่ดี แต่จะไม่ด่าก็รู้สึกอึดอัดใจ อนุฟางกำหมัด ระบายความแค้นออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา “อย่าด่วนดีใจไปเลย จนเดี๋ยวนี้ในท้องยังไม่มีข่าวคราว ไม่แน่ว่าครานี้ไต้ซืออู้เต๋อนั่นอาจจะทำนายผิดก็ได้ หึ ครอบครองนายท่านมาตั้งนาน อายุก็ยังน้อย หากจะท้องก็ท้องนานแล้ว นึกถึงสมัยข้านั้น ครั้งเดียวก็ท้องถงเอ๋อร์แล้ว…”
พูดสะกิดเรื่องที่เหลียนเหนียงกังวลมาตลอดในช่วงนี้พอดี นางขมวดคิ้ว แล้วจมอยู่กับเรื่องทุกข์ใจของตนต่อ
เหล่าหญิงเรือนหลังกำลัง ‘เจ้าใช้เข็มทิ่มข้า ข้าใช้มีดแทงเจ้า’ **บของกำนัลกลับเรือนก็ยกเข้าในจวนเรียบร้อย อวิ๋นหว่านชิ่นท่ามกลางบ่าวที่ห้อมล้อม ก้าวเข้าประตูไปแล้ว นายท่านก็อยู่เคียงข้างเดินเข้าไปด้วย พวกนางก็รีบปิดปาก เดินตามเข้าไป
เดินอ้อมกำแพง ผ่านทางเดิน ผ่านห้องเล็ก คนกลุ่มหนึ่งเดินมาอย่างยิ่งใหญ่ ตะโกนด้านหน้าห้อมล้อมด้านหลัง เดินตรงไปทางห้องโถงหลัก
อวิ๋นหว่านชิ่นสังเกตเห็นหลังคาห้องเรือนหน้ามีบันไดพิงอยู่ มีคนงานกำลังปีนขึ้นปีนลง กำลังทาสีเพิ่ม พอเลื่อนตำแหน่ง ตำแหน่งขุนนางเพิ่งจะมั่นคง เป็นพระราชนิกูลของราชสำนัก ก็เริ่มทำตัวโอ้อวดเสียแล้ว
ในห้องโถงหลัก อวิ๋นหว่านชิ่นนั่งตำแหน่งหัวโต๊ะ อวิ๋นเสวียนฉั่งให้คนถวายน้ำชาให้ แล้วยกขนมแกล้มน้ำชาห้าอย่างมา ขนมกุหลาบหวานกรอบ ขนมเปี๊ยะฟักทองสีทองอร่าม ซาลาเปารับโชคสุกสว่าง ขนมพรหมลิขิตสี่ทิศ ขนมใบม้วนหงส์ระบำ
อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นว่าในห้องโถงก็บูรณะใหม่เช่นกัน เครื่องเรือนโต๊ะเก้าอี้ก็เปลี่ยนชุดใหม่ หน้าประตูก็มีสาวใช้แปลกหน้ามาเพิ่ม แต่ละคนทั้งสวยทั้งสาว ผอมบางจนลมพัดไปได้ น่าจะเพิ่งซื้อมาใหม่ ตรงตามรสนิยมท่านพ่อ เกรงว่าอีกไม่นาน เรือนหลังของบ้านแม่ตัวต้องมีคนใหม่เพิ่มขึ้นมาเป็นแน่ จึงกล่าวหยอกล้อ “ลูกจากบ้านแม่ตัวไปเพียงไม่กี่วัน กลับมานึกว่าเข้าผิดเรือนเสียอีก”
——
[1] ผันชือ มังกรในยุคแรก เป็นมังกรไม่มีเขา สีเหลือง รูปร่างคล้ายงู