ปรมาจารย์อวิ๋นสะดุ้งตกใจ เขายังไม่ทันได้เปล่งเสียงอะไรออกมา ทว่าทันใดนั้นมีเสียงดังขึ้น
“โอ้ นี่คือไม้สวรรค์ว่านหลิง! ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าชาตินี้ข้าจะได้เห็นสิ่งนี้กับตาตัวเอง” ชายชราผู้หนึ่งกล่าวพลางเดินเข้ามาด้วยท่าทีตื่นเต้น
ทุกผู้คนต่างก็อุทานกันด้วยความตื่นเต้นตาม ๆ กัน “ท่านคือนักปรุงยาระดับสูงทางทิศตกของพวกเรา นักปรุงยาเวินเหรินใช่หรือไม่ ?”
“นึกไม่ถึงเลยว่าท่านนักปรุงยาเวินเหรินจะมาเข้าร่วมงานซื้อขายครั้งใหญ่นี้ด้วย”
เวลานี้นักปรุงยาเวินเหรินไม่ได้สนใจสายตาผู้ใดเลย เขากำลังใจจดใจจ่ออยู่กับไม้สวรรค์ว่านหลิง เขากล่าว “เด็กน้อย ขายไม้สวรรค์ว่านหลิงนี่ให้ข้าเถอะ ข้าให้หนึ่งล้านหยกวิญญาณ อืม ไม่ใช่สิ สามล้านหยกวิญญาณไปเลย หรือหากเจ้าต้องการยาวิญญาณข้าจะหลอมให้ แต่เป็นยาวิญญาณต่ำกว่าระดับเก้า ข้าหลอมให้เจ้าได้หนึ่งเม็ด”
ผู้คนในที่นี้ได้ยินคำกล่าวของนักปรุงยาเวินเหรินก็แทบจะเป็นลมล้มไป นี่มัน…
แค่กิ่งไม้กิ่งเดียว ใครเลยจะคิดว่ามันจะมีค่ามากมายเช่นนี้
แม้จะเป็นยาวิญญาณต่ำกว่าระดับเก้า ทว่ามันก็เป็นยาวิญญาณที่มีราคาสูงเสียดฟ้า!
นายน้อยหวงอีในตอนนี้หน้ามืดจนแทบจะเป็นลมล้มไปเช่นกัน เขารู้แล้วว่ากิ่งไม้นี้มีค่าพอที่จะทำให้หยกแก้วผลึกม่วงของเขาถูกทิ้งไปอย่างไร้ค่า
ปรมาจารย์อวิ๋นกล่าวขึ้นว่า “นี่คือสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพี อย่างไม้สวรรค์ว่านหลิงนี้ ยากนักที่จะได้พบเห็น มันสามารถนำไปหลอมเป็นเม็ดยาระดับปฐพีเพื่อเพิ่มพลังจิตได้ หรือก็คือยาสวรรค์ว่านหลิง”
“โอ้! นำไปหลอมยาสวรรค์ว่านหลิงได้ ไม่ธรรมดาเลย”
“ยาสวรรค์ว่านหลิง เพิ่มพลังจิต อ่า…!”
วิชาการฝึกพลังวิญญาณและพลังชีวิตนั้นมีมากมาย แต่ในแผ่นดินเซี่ยโจวนี้กลับไม่มีวิชาการฝึกพลังจิต หากต้องการเพิ่มพลังจิต มีเพียงยาวิญญาณไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่สามารถทำได้ ยาสวรรค์ว่านหลิงเป็นหนึ่งในนั้น ดังนั้นยาสวรรค์ว่านหลิงจึงเป็นยาวิญญาณที่ล้ำค่าอย่างมาก
ปรมาจารย์อวิ๋นกล่าว “ไม้สวรรค์ว่านหลิงนี้ สามร้อยปีต่อครั้งถึงจะปรากฏในแผ่นดินเซี่ยโจว ไม่ว่าจะทุ่มสมุนไพรวิญญาณไปมากเพียงใด ก็ยากที่จะซื้อหามันมาครอบครอง”
ใบหน้าของคุณชายหวงอีในตอนนี้ซีดเซียวยิ่งนัก เขาพลาดไปเสียแล้ว…
มู่เฉียนซีมองเขาก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าแพ้แล้ว ส่งของมาให้ข้าเถอะ”
หวงอีตกใจ ใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ เวลานี้เขาอยากจะกลับคำเสียจริง ทว่ามีผู้คนมากมายเกินไป หากเขากลับคำ มีหวังความน่าเชื่อถือของเขาคงได้หมดลง
หวงอี “เจ้าจงใจแกล้งข้า เจ้ารู้อยู่แล้วว่านี่คือไม้สวรรค์ว่านหลิง จึงตั้งใจจะหลอกลวงข้า”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างไม่แยแส “ใช่ข้ารู้อยู่แล้ว แต่เจ้าโอหังเกินไป ว่างมากนักหรืออย่างไรถึงได้มาแย่งของของพวกข้า ในที่สุดเจ้าก็โง่งมมาหลงกลข้าเอง เช่นนี้แล้วเจ้าจะโทษใครได้”
หวงอี “ข้าหลงอุบายของเจ้า แต่เจ้ากล้าหลอกลวงคนอย่างข้า เท่ากับเจ้ารนหาที่ตาย…”
ทันใดนั้นหวงอีลงมือกับมู่เฉียนซี เขาคิดว่าตนเองมีอายุมากกว่า อีกอย่าง เขาเป็นถึงอัจฉริยะของสำนักนิกายใหญ่ เขาต้องแข็งแกร่งกว่ามู่เฉียนซีเป็นแน่
แต่เมื่อมู่เฉียนซียกมือขึ้น พลังวิญญาณอันแข็งแกร่งแผ่กระจายออกมาทันที ร่างของหวงอียังไม่ทันเข้ามาใกล้นาง พลันถูกนางใช้พลังตบกระเด็นลอยออกไปเสียก่อน
— ตึง! —
ร่างของหวงอีล้มลงไปกับพื้น กระอักเลือดออกมาคำโต สาตาเคียดแค้นมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยท่าทางตกใจ “จะ… เจ้า เป็นจอมภูตระดับแปด!”
“คุณชาย!” ผู้ติดตามของเขาวิ่งแจ้นเข้ามาอย่างตระหนกตกตื่น คิดจะลงมือกับมู่เฉียนซี
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ?”
กลุ่มผู้คุมลานซื้อขายสินค้าเข้ามาห้าม หนึ่งในนั้นตะโกนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า… “ไม่ว่าพวกเจ้าจะเป็นคนสำนักใด ตระกูลใด หากอยู่ในลานซื้อขายสินค้าแห่งนี้ ไม่ว่าผู้ใดหน้าไหนก็ห้ามมีเรื่องทะเลาะต่อสู้กันเด็ดขาด ผู้ใดเป็นผู้ลงมือก่อน ?”
มู่เฉียนซีชี้ไปที่หวงอี “เขาเป็นคนลงมือ”
หวงอีโต้ทันควัน “นาง! นางต่างหากที่เป็นคนทำร้ายข้า ข้าคือคุณชายแห่งสำนักจินติ่ง”
ทันใดนั้นเอง นักปรุงยาเวินเหรินกล่าวแทรกขึ้นมา “คุณชายสำนักจินติ่งผู้นี้เป็นคนลงมือ ข้าเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่เริ่มต้น คุณชายสำนักจินติ่งผู้นี้แพ้พนันแต่ไม่ยอมจ่ายตามที่ตกลงกันเอาไว้ ดูท่าแล้วสำนักจินติ่งก็ไม่เท่าไร คงเป็นเพียงแค่สำนักนิกายกระจอก ๆ กระมัง”
นักปรุงยาเวินเหรินท่านนี้อยากจะซื้อไม้สวรรค์ว่านหลิงจากมู่เฉียนซี เขาออกโรงช่วยมู่เฉียนซีพูด แต่อย่างไรเสียสิ่งที่เขาพูดนั้นก็ล้วนแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น
ปรมาจารย์อวิ๋นกล่าวขึ้นบ้าง “ใช่ ข้าก็อยู่ที่นี่ ข้าเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง คุณชายแห่งสำนักจินติ่งผู้นี้เป็นคนลงมือ ไม่รู้ถูกสั่งสอนมาอย่างไรจึงได้ลงมือกับสตรี”
ต่อมานายน้อยท่านหนึ่ง—นายน้อยจิน ผู้ซึ่งเป็นสหายของคุณชายหวงอี หากเขาไม่ช่วยหวงอีก็กระไรอยู่
นายน้อยจิน “แต่นางหลอกลวง นาง…”
ทุกคนเห็นเช่นนี้ก็หมดคำจะพูดกับนายน้อยจิน ไม่มีใครบังคับให้หวงอีวางเดิมพัน เขาเป็นคนยินยอมวางเดิมพันเอง
มู่เฉียนซีกล่าวหน้านิ่วคิ้วขมวด “อย่ากล่าวอะไรให้มากความเลยมันช่างน่ารำคาญ บอกมาเพียงคำเดียว จะให้หรือไม่ไห้ ? หากไม่ยอมให้ข้าจะจับเจ้าแก้ผ้าแล้วนำร่างไปแขวนประจานหน้าประตูเมืองซะ”
“ไม่ให้! เจ้าหลอกลวงข้า” หวงอีตะโกนอย่างเดือดดาล
มุมปากของทุกคนกระตุกขึ้นทันที คุณชายผู้นี้ไร้อย่างอายยิ่งนัก!
นายน้อยจินกล่าว “ข้าให้เอง ข้าให้แทนเขาได้หรือไม่ ?”
นายน้อยจินไม่พูดเปล่า นำเอาชุดเกราะและหยกวิญญาณสองแสนชิ้นออกมา เขาเพิ่งจะมาถึงลานการซื้อขายและเพิ่งจะซื้อไปเพียงแค่หินธรรมดาก้อนเดียว เมื่อมาเจอเหตุการณ์นี้ ยิ่งกว่าทำให้ตระกูลล้มละลายก็มิปาน
เขา—จินหลู่ โกรธแทบจะกระอักเลือดออกมาเช่นกัน นำเอาของพนันออกมาและไม่มีหน้าที่จะอยู่ต่อ รีบออกไปทันที
ในขณะเดียวกันนั้น นักปรุงยาเวินเหรินกล่าวขึ้นมา “เด็กน้อย ไม้สวรรค์ว่านหลิงนี้เจ้าจะขายให้ข้าได้หรือไม่ ? หากเจ้าขายให้ข้า ข้าจะถือว่าข้าติดหนี้บุญคุณเจ้า”
ทุกคนต่างอิจฉาเด็กหนุ่มอายุน้อยผู้นี้มาก เขาผู้นี้โชคดีอย่างมากที่ใช้หยกวิญญาณเพียงชิ้นเดียวก็สามารถซื้อไม้สวรรค์ว่านหลิงนี้มาได้ อีกทั้งท่านนักปรุงยาระดับสูงเวินเหรินยังขอซื้อต่อโดยกล่าวว่าหากนางขายให้เขา จะถือว่าเขาติดหนี้บุญคุณนาง
สายตาของมู่เฉียนซีมองนักปรุงยาเวินเหรินอย่างละเอียด หลังจากที่จวินโม่ซีออกไป นอกจากตัวนางเองแล้ว หอหมอปีศาจจำเป็นต้องมีนักปรุงยาระดับสูงประจำการ อีกอย่าง นักปรุงยาเวินเหรินผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงไม่น้อยเลย
มู่เฉียนซีกล่าวน้ำเสียงสบาย ๆ “ท่านนักปรุงยา ที่นี่ไม่เหมาะกับการเจรจา ข้าว่าเราไปหาที่นั่งสนทนากันจะดีกว่า”
“ได้”
แม้กระทั่งน่าหลานอวี้ยังรู้สึกได้ว่ามู่เฉียนซีกำลังดึงดูดความสนใจของนักปรุงยาเวินเหรินอยู่ แต่นักปรุงยาเวินเหริน เวลานี้จิตใจของเขาจดจ่ออยู่กับไม้สวรรค์ว่านหลิง ไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติแต่อย่างใด
น่าหลานอวี้หาโรงเตี๊ยมที่มีชื่อเสียงเพื่อให้มู่เฉียนซีได้พูดคุยกับนักปรุงยาเวินเหรินผู้นี้
เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยม มู่เฉียนซีกล่าวอย่างตรงไปตรงมาทันที “ท่านนักปรุงยาเวินเหริน ข้าสามารถแบ่งไม้สวรรค์ว่านหลิงให้ท่านได้เพียงครึ่งเดียว ข้าไม่ต้องการหยกวิญญาณ ไม่ต้องการยาวิญญาณ ขอเพียงแค่ท่านช่วยข้าสักเรื่อง หากท่านตกลง ข้าจะแบ่งไม้สวรรค์ว่านหลิงครึ่งหนึ่งให้ท่านทันที”
นักปรุงยาเวินเหรินได้ยินเช่นนี้พลันสะดุ้งตกใจเล็กน้อย แม้จะได้มาแค่เพียงครึ่งเดียว แต่ได้ครึ่งหนึ่งก็นับว่าโชคดียิ่งนักแล้ว
“จะให้ข้าทำสิ่งใดรึ ?” นักปรุงยาเวินเหรินกล่าวถาม
มู่เฉียนซี “ท่านนักปรุงยาเวินเหรินคงเคยได้ยินชื่อเสียงของหอหมอปีศาจมาบ้างแล้ว เวลานี้หอหมอปีศาจกำลังจะเปิดในพื้นที่ทางตกของเซี่ยโจว ข้าต้องการนักปรุงยาระดับสูงมาประจำที่หอหมอปีศาจ ดังนั้นข้าจึงอยากเชิญท่านนักปรุงยาเวินเหรินมาประจำการที่หอหมอปีศาจเป็นเวลาหนึ่งปี”
นักปรุงยาเวินเหรินเป็นนักปรุงยาระดับสูง เป็นเสมือนผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่ผู้คนเคารพนับถือ ไม่ว่าสำนักนิกายใดก็ตามที่เชิญเขาไป มักจะถูกเขาปฏิเสธอย่างไม่เกรงใจ ต่อให้เป็นสำนักนิกายใหญ่อย่างสำนักอวิ๋นเยียนก็ตาม
“ข้าขอปฏิเสธ”
เขาเป็นคนที่ไม่ชอบโดนกักขัง ในวันนี้หอหมอปีศาจมาเชิญให้เขาไปประจำการ คนหยิ่งผยองอย่างเขานั้น แน่นอนว่าต้องปฏิเสธอย่างไม่เกรงใจ
.