ตอนที่ 57 หากไม่อาจรักได้ อย่างนั้นก็แค้นเถอะ

เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 2 ภาคครองใต้หล้า]

“ท่าน…”

 

 

เสียงทั้งหมดของนางถูกจูบของเขากลืนกินเข้าไปหมดสิ้น

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เยี่ยเม่ยรับรู้ถึงความรักว่าเป็นความรู้สึกเช่นไร นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เขากับนางจะมีความสัมพันธ์แนบสนิทกลายเป็นคนคนเดียวกันได้เช่นนี้

 

 

ทั้งจิตวิญญาณและเนื้อกายสอดประสานกัน ทำให้นางตัวสั่นเป็นระยะ

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนใช่กว่าจะเก่งกาจนัก แต่ว่าเขาก็ค่อยๆ จับหลักได้ เหมือนกับว่าเรื่องประเภทนี้เป็นความสามารถโดยธรรมชาติของบุรุษเพศ ทำให้เยี่ยเม่ยไม่อาจขัดขืน

 

 

สุดท้ายในคืนนี้พวกเขาทั้งสองก็สิบนิ้วสอดประสาน

 

 

เขาครอบครองนางครั้งแล้วครั้งเล่าคล้ายกับสัตว์ป่า เรียกได้ว่าไม่รู้จักหยุดหย่อน เล็บของนางมิใช่ยาวมากแต่กลับฝากรอยเลือดเป็นริ้วๆ ไว้บนแผ่นหลังเขารอยแล้วรอยเล่า

 

 

เยี่ยเม่ยเคยคิดว่าตัวเองมีกำลังกายดีมาตลอด สามารถเปลี่ยนรับเป็นรุก เปลี่ยนจากผู้ตามเป็นผู้นำ ทว่าคิดไม่ถึงเลย กลับถูกควบคุมจนขยับไม่ไหว ได้แต่รองรับอยู่ฝ่ายเดียว

 

 

เช้าตรู่วันถัดมา

 

 

เยี่ยเม่ยมองไปที่หัวเตียง ใจก็แอบกราดด่าบรรพบุรุษแปดชั่วโคตรของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไปรอบหนึ่ง นางรู้สึกว่าส่วนล่างของร่างกายไม่ใช่ของตัวเองแล้ว ไม่ต้องมองนางก็รู้ต้องเป็นบริเวณบอบบางบวมแดงอย่างมาก

 

 

ส่วนบางคนคล้ายยังลิ้มรสไม่รู้จักพอ เกาะเกี่ยวบนกายนาง คล้ายคิดจะทำอะไรอีกแล้ว

 

 

เยี่ยเม่ยหน้าเขียวคล้ำ คิดผลักเขาออก แต่ก็พบว่าแขนนางไม่หลงเหลือเรี่ยวแรงเลยสักนิด นางค่อยๆ หลับตาลง ยอมรับชะตากรรม ปล่อยให้เขากระทำต่อไป

 

 

ไม่รู้ว่าศึกยกนี้ผ่านไปนานเพียงไหน

 

 

เยี่ยเม่ยถามอย่างหมดความอดทนว่า “ท่านอยากให้ข้าตายคาเตียงเลยหรือไง”

 

 

“ข้าจะทนให้เจ้าตายคาเตียงได้อย่างไร” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนอารมณ์เบิกบานเป็นที่สุด คล้ายกับแมวกินอิ่ม ท้องในที่สุดก็ปล่อยนาง เอ่ยด้วยความพึงพอใจ “ทนไม่ไหวแล้ว อย่างนั้นเยี่ยนหยุดก็ได้ วันเวลาภายหน้ายังอีกยาวไกล!”

 

 

หากมิใช่เพราะเวลานี้เยี่ยเม่ยเกิดโทสะอยู่บ้างแล้วจริงๆ

 

 

นางยังอยากถามว่า วันเวลาภายหน้าอีกยาวไกลหรือ ยาวไกลไม่ผิดแน่ แต่เขาคิดว่าจะครอบครองนางตลอดเวลาหรือไง?

 

 

เขาเอ่ยจบลงแค่นี้

 

 

มือเขากลับอยู่ไม่สุข น้ำเสียงชั่วร้ายค่อยๆ ถามว่า “ทำไมต้องหลอกเยี่ยนว่า เจ้ากับกูเยว่อู๋เหินมี…”

 

 

เยี่ยเม่ยพลันอึดอัดขึ้นมา

 

 

เมื่อคืนตอนเขารู้เรื่องนี้ นางก็รู้ว่าเขาไม่มีทางยอมจบง่ายๆ ต้องถามนางอย่างแน่นอน เดิมนางได้แต่หวังว่าพอฟ้าสางแล้ว เขาจะลืมเรื่องนี้ไปเสีย คิดไม่ถึงเลยว่าเขากลับยังจำได้

 

 

เห็นนางไม่ตอบ

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกัดที่คอนางทีหนึ่ง เอ่ยเนือยๆ “ทำไมไม่ตอบ หรือจะให้เยี่ยนลงมืออีกครั้ง”

 

 

แม่เจ้าเถอะ!

 

 

เยี่ยเม่ยฟังคำข่มขู่ของเขาออก สีหน้านางคล้ำแล้วคล้ำอีก รู้ว่าเขาไม่ได้เอ่ยเล่น แต่กลับจะเอาจริงอีกครั้ง

 

 

เยี่ยเม่ยรีบเอ่ยว่า “ก็แค่ข้ออ้าง”

 

 

เขาถึงได้หยุดลง

 

 

แววตาร้ายจับผิดนาง ถามว่า “ข้ออ้างหรือ เป็นข้ออ้างอะไรกัน เพื่อเป็นข้ออ้างให้เยี่ยนยอมปล่อยมือ? เยี่ยเม่ย เจ้าช่วยตอบตามตรงสักครั้งได้หรือไม่ ตอบเยี่ยนว่า สรุปแล้วเจ้ารักเขาหรือข้า”

 

 

เวลานี้พวกเขาเป็นสามีภรรยา

 

 

พวกเขาเข้าหอด้วยกันแล้ว

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยไม่ใช่คนโง่ รู้จักนิสัยเยี่ยเม่ยดี หากนางไม่รักเขาสักนิด ไม่มีทางเข้าหอกับเขาง่ายๆ แน่ การโอนอ่อนอย่างไร้เหตุผลนี้ไม่เข้ากับนิสัยของนางเลย

 

 

ยิ่งกว่านั้นที่นางยืนหยัดว่านางกับกูเยว่อู๋เหินมีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาไปก่อนแล้ว ในตอนนี้ก็พิสูจน์ได้ว่าล้วนเป็นคำลวงเท่านั้น ดังนั้นนางคิดทำอะไรกันแน่

 

 

สิ่งที่อยู่ในใจนาง เหมือนกับสิ่งที่นางเอ่ยออกมาจริงหรือเปล่า

 

 

เขา…ไม่เชื่อแล้ว

 

 

หากนางรักกูเยว่อู๋เหินจริงๆ ไฉนไม่เลือกอีกฝ่าย ทั้งยังมอบครั้งแรกของนางให้เขาด้วยเล่า

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนถามขึ้นอีกครั้ง “เจ้า เจ้าไม่ได้รักเขาเลย ใช่ไหม”

 

 

เยี่ยเม่ยรู้ว่า หากนางยอมมอบครั้งแรกให้เขา เป่ยเฉินเสียเยี่ยนจะต้องสงสัยแน่ สงสัยในคำพูดไร้เยื่อใยของในกาลก่อนของนาง แต่ว่า…

 

 

นางก็ไม่มีเหตุผลจะมอบครั้งแรกให้กับผู้อื่นเพราะเรื่องนี้

 

 

อีกอย่าง…

 

 

ในเมื่อเลือกแต่งงานกับเขาแล้ว นางก็ยินยอม ทั้งยินยอมมอบกายให้เขาแต่เพียงคนเดียวเท่านั้น ยามนี้เมื่อเผชิญความสงสัยของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน สำหรับนางแล้วเป็นคำถามที่ยากตอบได้

 

 

เยี่ยเม่ยนิ่งเงียบไปสักพัก “ถูกต้อง! ท่านพูดไม่ผิดเลย ข้ามิได้รักเขา เพราะข้าไม่อยากรบเร้าพัวพันกับท่าน ดังนั้นจึงหาข้ออ้างเพื่อเลิกกับท่าน เท่านี้พอหรือยัง”

 

 

เมื่อนางเอ่ยออกมา ในใจเขาก็เย็นเยียบลง

 

 

ที่แท้นางไม่เคยคบหากับกูเยว่อู๋เหิน ถึงแม้นางจะไม่มีความรักกับกูเยว่อู๋เหินอย่างที่นางเคยพูด แต่ว่านางก็ยังมีท่าทีกับเขาเหมือนเดิม

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองเยี่ยเม่ยนิ่งๆ ครู่หนึ่ง ถามว่า “อย่างนั้น…เมื่อคืนพวกเรา นับว่าเป็นอะไร”

 

 

ทั้งๆ ที่เมื่อคืน

 

 

หลายชั่วยามที่นางตอบรับเขาอย่างคลุ้มคลั่ง กอดเขาแน่น ทำให้เขาหลงคิดว่านางรักเขา ทั้งให้เขารู้สึกอีกครั้งว่าความสุขปรี่ล้นอยู่ในใจ

 

 

แต่วันนี้นางมีท่าทางเย็นชาเช่นนี้

 

 

คล้ายนางเป็นคนละคนกับเมื่อคืนนี้

 

 

เยี่ยเม่ยหันมองเขา หลับตาลงเอ่ยว่า “การแต่งงานระหว่างเราเดิมทีก็เป็นการแลกเปลี่ยน ข้าไม่ใช่คนชอบเอาเปรียบใคร ในเมื่อข้าหลอกใช้ท่าน อย่างนั้น…ก็ถือเป็นการตอบแทนท่านแล้วกัน! อย่างไรเสียก็ไม่อาจปล่อยให้ท่านไม่ได้รับอะไรเลย แล้วรู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบไม่ใช่หรือ อีกอย่างได้ร่างกายของข้าไป ก็เป็นสิ่งที่ท่านต้องการไม่ใช่หรือ”

 

 

เมื่อนางเอ่ยจบ บรรยากาศในห้องก็เย็นเยียบลงไป

 

 

 

 

เยี่ยเม่ยรู้ดี คำพูดนางไม่ว่าสำหรับเขาหรือตัวนางล้วนเป็นความเ**้ยมโหด

 

 

นางกำลังดูหมิ่นความรัก

 

 

ดูหมิ่นเขา ‘ก็แค่คิดอยากได้ร่างกายของนาง’ แต่นอกจากคำพูดประโยคนี้แล้ว นางก็ไม่รู้ตัวว่าสมควรเอ่ยอะไรอีก

 

 

เขายิ้มเย็น เอ่ยว่า “ดี! ดี!”

 

 

สิ้นเสียงแววตาของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ฉายความอำมหิต จ้องมองสตรีใต้ร่าง เอ่ยแช่มช้าว่า “ในเมื่อเจ้าใช้ร่างกายเจ้าเป็นของแลกเปลี่ยน อย่างนั้นเยี่ยนก็ไม่ต้องทะนุถนอมใช่ไหม อย่างไรเสียร่างกายนี้ก็เป็นของเยี่ยน ถูกหรือไม่”

 

 

“ท่าน…” เห็นท่าทีของเขา เยี่ยเม่ยก็เริ่มลนลาน

 

 

ยังไม่ทันตอบสนอง

 

 

เขาก็จูบนางอย่างดุดัน ครอบครองนางอีกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้ไม่ได้ระวังอย่างครั้งก่อน ทั้งไม่เหลือความอ่อนโยนทะนุถนอมของล้ำค่า แต่เหมือนกับการลงทัณฑ์มากกว่า คล้ายการแย่งชิงยกหนึ่ง ไม่สนใจความรู้สึกนางเลย

 

 

ความหยาบโลนของเขาสร้างความเจ็บปวดให้นาง

 

 

เยี่ยเม่ยหลับตาลง หางตามีน้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาอย่างไม่รู้ตัว นางรู้ว่ายั่วให้เขาโมโห ปฏิเสธว่ารักเขา ทั้งดูหมิ่นความจริงใจของเขา นางยังรู้อีกว่าการกระทำของเขาในตอนนี้คือสิ่งที่นางรนหาที่เอง แต่ว่าใจของนางเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส

 

 

“เจ็บหรือ”

 

 

จู่ๆ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ถามขึ้น

 

 

เยี่ยเม่ยไม่ตอบ จะไม่เจ็บได้อย่างไร

 

 

ความโกรธในดวงตาเขายังไม่มอดลง เอ่ยว่า “เยี่ยนอยากให้เจ้าจำความเจ็บปวดนี้ไว้ อย่างนี้…บางทีเจ้าอาจจำข้าได้นานอีกหน่อย”

 

 

นางรู้สึกเจ็บถึงกระดูก ไม่เพียงเจ็บใจ แต่ก็เจ็บกายด้วย

 

 

สุดท้าย ก็ได้ยินเสียงของเขาที่ข้างหู เอ่ยเบาๆ “เยี่ยเม่ย หากไม่อาจรักได้ อย่างนั้นก็แค้นเถอะ!”