ทำงานหนักในวงการบันเทิงมานานหลายปี ฉินซิวเฉินก็มีสตูดิโอและเส้นสายของตัวเอง

พ่อบ้านฉินบอกว่าเขาสืบไม่พบ ฉินซิวเฉินจึงลงมือสืบด้วยตัวเอง

ซุปยังคงต้มอยู่ด้านนอก ฉินซิวเฉินคลิกเปิดอีเมลที่อยู่ด้านบนสุด

ไฟล์แนบมีเนื้อหาประมาณ100k ฉินซิวเฉินโหลดลงคอมพิวเตอร์แล้วอ่านดูคร่าวๆ เนื่องจากเขาเป็นคนมีความจำดี เวลาถ่ายหนังแทบไม่ต้องจำบทอะไรมาก

แม้ข้อมูลชุดนี้จะยาวมาก แต่เขาอ่านรวดเดียวสิบบรรทัด ไม่ถึงสิบนาทีก็อ่านจบ

ล่างสุดยังมีรูปถ่ายอีกไม่กี่ใบ

ฉินซิวเฉินอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วหลังจากอ่านจบ

ค่อนข้างกลุ้มใจ

เมื่อเห็นฉินหลิงเป็นแบบนี้ ฉินซิวเฉินจึงคาดหวังในตัวลูกสาวทั้งสองของฉินฮั่นชิวเป็นอย่างมาก แต่กลับไม่คิดว่าเขาจะได้รับเนื้อหาดังกล่าว

ด้านนอกมีคนเคาะประตู ฉินซิวเฉินวางเมาส์ “เข้ามา”

“ซุปตาร์ฉิน นายจะต้มซุปไปอีกนานเท่าไหร่?” ผู้จัดการมาพร้อมกับผ้ากันเปื้อน

“ต้มเมื่อตอนบ่ายแล้ว อีกซักยี่สิบนาทีค่อยปิดแก๊ส” ฉินซิวเฉินดึงลิ้นชักหยิบบุหรี่ออกมา

ผู้จัดการเห็นเขาเป็นแบบนี้ก็ประหลาดใจ “มีอะไรหรือเปล่า? มีใครมัดนายไว้หรือว่านายท่านคนที่สี่ตระกูลฉินก่อเรื่องอะไรอีกล่ะ?”

“ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง ฉันสืบข้อมูลบางอย่างน่ะ” ฉินซิวเฉินหันคอมพิวเตอร์ไปอีกด้านให้ผู้จัดการดู “นายลองอ่านดูสิ”

ผู้จัดการดันแว่นตาขึ้น

หรี่ตามองไป “ฉินอวี่?”

ความเร็วในการอ่านช้ากว่าฉินซิวเฉิน แต่อ่านไปได้ครึ่งทางก็เริ่มขมวดคิ้ว “ไม่ไหว ซิวเฉิน นายฟังฉันนะ อย่ารับคนคนนี้กลับมา”

ข้อมูลชุดนี้เป็นข้อมูลของฉินอวี่

แต่ละหน้ามีแต่สัญลักษณ์129 ผู้จัดการรู้จักฉินซิวเฉินมานานหลายปีและยังรู้แนวทางของเขาดี

ฝีมือของ129ไม่มีทางเป็นของปลอม

ข้อมูลในนั้นเขียนไว้ละเอียดมาก รวมไปถึงฉินอวี่ไม่เคยเหลียวแลฉินฮั่นชิวเลยหลังจากไปอยู่กับตระกูลหลิน หลีกเลี่ยงคนอื่นที่โรงเรียนทุกครั้ง…

ยังมีข้อมูลบางอย่างของหนิงฉิง…

“ฉันรู้” ฉินซิวเฉินดีดก้นบุหรี่ “เสี่ยวหลิงเหมือนจะชอบเธอมาก”

ถ้าไม่มีฉินหลิง แม้ตระกูลฉินจะพาฉินอวี่กลับมาอย่างเอิกเกริก ฉินซิวเฉินก็ไม่เห็นเธออยู่ในสายตา

“ก็อย่างที่นายคิด”ผู้จัดการทำเสียงทอดถอนใจ “ทันทีที่รับฉินอวี่คนนี้กลับมา จะต้องสร้างปัญหาแน่ๆ ”

“เดี๋ยวฉันจะลองไปถามเสี่ยวหลิงอีกที” ฉินซิวเฉินยิ้มเบาๆ จากนั้นก็ดับบุหรี่ เขาไม่ค่อยเชื่อว่าฉินหลิงจะชอบฉินอวี่มากมายอะไรขนาดนั้น แต่จำได้ว่าพ่อบ้านฉินเคยบอกว่าฉินฮั่นชิวมีลูกสาวสองคน

วันนี้เขาก็ได้ถามฉินหลิงในรถมาแล้ว

แต่แค่พูดถึงพี่สาว ฉินหลิงก็ปิดปากเงียบ ไม่พูดแม้แต่ประโยคเดียว เอาแต่ก้มหน้าเล่นเกม

**

มหาวิทยาลัยเมืองหลวง หอพักหญิง

ตอนเย็นฉินหร่านไม่ได้ไปห้องสมุด หลังจากอาบน้ำเสร็จก็กลับมานั่งที่พร้อมกับหยิบกระดาษเปล่ามาหนึ่งปึก

จากนั้นก็หยิบปากกาเขียนโน้ตเพลงลงไปในกระดาษ

แนวเพลงเหยียนซีเปลี่ยนไปมาก ปีที่แล้วหลักๆ จะเป็นเพลงแนวคันทรี แต่ปีนี้แนวร็อกแอนด์โรล

เป็นความท้าทายอันใหญ่หลวง ฉินหร่านไม่มีแรงบันดาลใจภายในชั่วครู่ชั่วยาม เธอทำลายกระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่า

“หร่านหร่าน เธอยังเคยเรียนดนตรีมาด้วยเหรอ?” เดิมทีหนานฮุ่ยเหยาที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ จะเรียกฉินหร่านมาเล่นเกมด้วยกัน พอเห็นฉินหร่านเขียนโน้ตเพลงบนกระดาษ เธอก็ละสายตาอย่างอดไม่ได้

เสียงเด็กผู้ชายกลุ่มหนึ่งดังในหูฟังโดยอัตโนมัติ “มีอะไร หนานฮุ่ยเหยา ฉินหร่านเล่นเกมไหม?”

“ไม่เล่น” หนานฮุ่ยเหยาละสายตากลับพร้อมกับตอบอย่างเงียบๆ

กลุ่มเด็กผู้ชายเหล่านั้นชะงัก “เธอยังอ่านหนังสืออยู่เหรอ?”

“ใช่ที่ไหนกัน” หนานฮุ่ยเหยาเลือกการ์ดไพ่ “พูดไปพวกนายคงไม่เชื่อ เธอกำลังเขียนเพลง”

ฉินหร่านเขียนมาสักพักแล้ว แต่ไม่ค่อยเป็นที่น่าพึงพอใจเท่าไหร่

เธอวางปากกาลง เสียงวิดีโอวีแชทดังขึ้นมาพอดี

เป็นเหอเฉิน

ฉินหร่านคิดอยู่สักพักก็หยิบหูฟังเดินไปรับสายที่ระเบียง

“วันนี้ฉันรับงานมาด้วยแหละ” ในวิดีโอ เหอเฉินหยิบเบียร์จากตู้เย็นมาหนึ่งกระป๋อง เดินไปที่โซฟาแล้วเปิดด้วยมือเดียว

ฉินหร่านพิงระเบียง สวมหูฟังอีกข้าง พอได้ยินดังนั้นก็เลิกคิ้ว “เกี่ยวอะไรกับฉัน?”

“ก็เกือบๆ ” เหอเฉินพูด “หลักๆ ก็คือสืบเรื่องลูกของฉินฮั่นชิว หลังจากที่สืบดูแล้วก็พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับเธอ ก็เลยลบข้อมูลเธอทิ้ง เหลือแค่ฉินอวี่คนเดียว”

อย่างไรก็ตามเหอเฉินก็สืบเนื้อหาทั่วไปของฉินหร่านไม่พบเช่นกัน ตอนที่เธอสืบถึงได้รู้ว่าที่แท้แล้วฉินอวี่เป็นน้องสาวของฉินหร่าน

เหอเฉินพูดมาขนาดนี้ ฉินหร่านก็พอจะรู้แล้วว่าใคร

เธอนั่งบนระเบียงพลางกัดใบไม้ที่เธอเด็ดมาจากดอกไม้ พูดด้วยเสียงเรียบๆ “ต่อ”

“คนสั่งก็คือฉินซิวเฉิน” เหอเฉินนั่งจิบเบียร์บนโซฟา “เมื่อก่อนตอนที่ฉันเป็นปาปารัซซี่ เขาเคยช่วยฉันไว้ครั้งนึง เขาเป็นคนตระกูลฉิน เรื่องวุ่นๆ พวกนี้เธอจะให้ฉันกับลูกพี่แก้ปัญหาให้ไหม?”

“ไม่ต้อง” ฉินหร่านยิ้ม เธอยื่นมือยันแล้วกระโดดลงจากกำแพงระเบียง ถุยใบไม้ในปากออก ท่ามกลางความมืดมิด ดวงตาเป็นประกายที่แสดงให้เห็นถึงความชั่วร้าย “ฉันเอง”

“เข้าใจแล้ว” เหอเฉินจึงไม่กังวลอีก เธอดื่มเบียร์เสร็จก็บีบกระป๋องโยนไปด้านหลัง “แกร๊ง” โยนเข้าไปในถังขยะโดยตรง “ฉันวางนะ”

**

วันรุ่งขึ้น

ฉินหร่านรับสายฉินหลิงตั้งแต่เช้า

“มีอะไร?” ฉินหร่านกำลังถือกระเป๋าเป้ไปจองที่ห้องสมุด

ฉินหลิงที่กำลังนั่งชักโครกอยู่อีกด้านหนึ่งพูดเบาๆ “พี่ฮะ ผมไปถ่ายวาไรตี้กับคุณอาได้ไหม? คุณอาบอกว่ามันสนุกมาก”

ฉินหร่านเข้าใจว่าคุณอาที่ฉินหลิงพูดถึงก็คือฉินซิวเฉิน เมื่อคืนเหอเฉินก็พูดถึงคนคนนั้น

นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ฉินหลิงแสดงออกว่าชื่นชอบใครสักคนชัดเจนขนาดนี้

“สนุกมากงั้นเหรอ?” ฉินหร่านเดินไปที่โต๊ะแถวสุดท้ายริมหน้าต่าง เธอทิ้งกระเป๋าเป้ไว้บนโต๊ะ เอนตัวพิงพนักเก้าอี้พลางเล่นสายหูฟัง

“ผมก็ไม่รู้ ก็เลยมาถามพี่” ฉินหลิงพูดเบาๆ

ฉินหร่านเปิดซิปกระเป๋า หยิบหนังสือเรียนและสมุดออกมาจากข้างใน “พ่อนายล่ะ? ปรึกษาเขาสิ”

“จะไปหาพ่อไม่ได้” ฉินหลิงมองประตูที่กำลังปิดอยู่พลางกระซิบบอก “จะหลงกลเอาได้ง่ายๆ ”

กล่าวโดยสรุปคือฉินหลิงไม่เชื่อในสติปัญญาของฉินฮั่นชิว

ฉินหร่านหัวเราะเหมือนมีความสุข “นายพูดถูก งั้นเอาแบบนี้ ตอนเย็นนายกับคุณอาของนายว่างไหม?”

ฉินหลิงอึ้ง “…พี่?”

“ฉันจะคุยกับเขาเรื่องรายการวาไรตี้” ฉินหร่านเหลือบมองนักศึกษาที่ทยอยเดินเข้ามา “ฉันวางก่อนนะ”

ฉินหลิงที่โทรอยู่อีกด้านก้มมองโทรศัพท์อย่างไม่อยากจะเชื่อ

ผ่านไปสักพักก็ส่งข้อความกลับไป——

(พี่ นี่พี่จะเจอคุณอาเหรอ?)

ห้องสมุด ฉินหร่านเดินไปรอบๆ ชั้นหนังสือ หาหนังสือได้มาสองเล่มก็เห็นข้อความฉินหลิง เธอตอบกลับอย่างเบื่อหน่าย

(อื้อ)

**

วันนี้ฉินหร่านมีเรียนทั้งวัน เลิกเรียนคาบสุดท้ายตอนเย็นห้าโมงครึ่ง

ช่วงเวลานี้คนด้านนอกมหาวิทยาลัยไม่ค่อยเยอะ

ฉินหร่านไม่ได้กลับไปเปลี่ยนชุดที่หอพัก

เธอถือกระเป๋าเป้เดินออกไปข้างนอก หน้าประตูมหาวิทยาลัยเรียกแท็กซี่ได้ง่าย ฉินหร่านดูที่อยู่ที่ฉินหลิงส่งมาให้ จากนั้นก็นั่งแท็กซี่ไป สุดท้ายมาจอดอยู่ที่ข้างร้านอาหารที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง

ไม่ไกลมากนัก

เฉิงจินกำลังคุยกับใครบางคนอยู่ เขาเห็นเฉิงเจวี้ยนหยุดเดินอยู่ข้างๆ ราวกับกำลังมองไปที่ไหนสักแห่ง

“คุณชายเจวี้ยน?” เฉิงจินหยุดเท้าตาม พอมองไปทางนั้นก็ไม่เห็นอะไร

เฉิงเจวี้ยนหยิบบุหรี่ในกระเป๋าออกมา ถอนหายใจเบาๆ พลางหลุบตาลงคล้ายกับไม่มีท่าทีใดๆ “ไม่มีอะไร ไปเถอะ”

เฉิงจินพยักหน้าและรายงานเรื่องงานต่อ

เฉิงเจวี้ยนฟังด้วยท่าทางเฉยเมย เขากัดบุหรี่โดยไม่จุด แค่หยิบโทรศัพท์ออกมา ข้อนิ้วมือที่เห็นได้อย่างชัดเจนกดลงไปบนหน้าจอ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ส่งข้อความ——

(ทำอะไร?)

**

ห้องอาหารส่วนตัวชั้นบน

ฉินหลิงกำลังสวมหูฟังเล่นเกม ผู้จัดการเพิ่งทราบว่าเย็นนี้จะได้พบใคร เขาอดไม่ได้ที่จะก้มหน้ากระซิบถามฉินซิวเฉิน “ซุปตาร์ฉิน นายบุ่มบ่ามเกินไปแล้ว ฉินอวี่นั่นดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนดีอะไร ถ้าเธอรู้ว่านายเป็นคุณอาของเธอ จะต้องมีประเด็นร้อนออกมาไม่หยุดแน่ๆ ”

ถึงจะไม่ส่งผลกระทบต่อฉินซิวเฉินมากนัก แต่มันก็น่าสะอิดสะเอียน

เมื่อคืนผู้จัดการอ่านข้อมูลที่ฉินซิวเฉินให้มาไปแล้วหนึ่งรอบ ส่วนมากคนในวงการบันเทิงจะเป็นคนอย่างฉินอวี่

ถึงอย่างไรฉินฮั่นชิวก็เป็นคนงานขนอิฐ เขาไม่เคยเห็นสิ่งที่ฉินอวี่ทำ รู้แค่ว่าอยู่ตระกูลหลิน และดูเหมือนเธอจะลืมไปว่ายังมีเขาเป็นพ่ออีกคน

แน่นอนว่าคนอย่างฉินอวี่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในชีวิตจริง เหมือนแม่เธอไม่มีผิด

“ถ้าถึงตอนนั้นเธอเข้าวงการบันเทิงคงจะเป็นอะไรที่ยุ่งยากมาก” ผู้จัดการทอดถอนใจ ฉินซิวเฉินไม่มีจุดบอดอะไร จุดบอดเพียงจุดเดียวต่อจากนี้คงมีแค่ฉินอวี่

ฉินซิวเฉินให้ผู้จัดการรินเหล้า เขายกขึ้นมาด้วยท่วงท่าสง่างาม “ไม่ต้องกังวล บางทีอาจจะดีกว่าที่นายคิดก็ได้”

ฉินซิวเฉินเหลือบมองฉินหลิงพลางครุ่นคิด

ผู้จัดการชำเลืองมองฉินซิวเฉินอย่างระมัดระวัง พอเห็นเขาเป็นเสียแบบนี้ก็พยักหน้าโดยไม่เกลี้ยกล่อมอีก “งั้นนายก็เตรียมตัวกับประเด็นร้อนพวกนั้นด้วยแล้วกัน”

ส่วนเขาก็ต้องเตรียมเนื้อหาประชาสัมพันธ์ในวันข้างหน้าไว้ให้ดี

ขณะนี้เองฉินหลิงถอดหูฟังแล้วลุกขึ้นยืน “พี่สาวผมมาแล้ว”