บทที่ 388

บทที่ 388

กองทัพหลัก 2 หมื่นนายของฉินเปียวและฉูจิงเข้าปะทะกับพวกเปิง

ทหารเปิงที่สามารถต้านทานพวกเฟิงได้นั้นมีเพียงแค่องครักษ์ของซ่งเทียนเท่านั้น ทำให้ไม่นานนักกองทัพนับหมื่นก็ถูกแบ่งออกเป็นสองกองจากการโจมตีของพวกเฟิง

อีกด้านหนึ่ง จ้านหูและจ้านอู่ตี้กำลังปะทะกันอยู่อย่างดุเดือด แม้พลังของจ้านหูจะไม่เก่งกาจแต่เขาก็มีร่างกายที่แข็งแรง จนจ้านอู่ตี้ต้องใช้พลังยุทธ์เข้าช่วยอย่างเดียว

ทว่าจ้านหูก็เคลื่อนไหวรวดเร็วยิ่ง จนไม่ว่าจ้านอู่ตี้จะปล่อยพลังออกมามากเท่าไหร่ก็สามารถหลบได้หมด และเกิดอาการเหนื่อยล้า ก่อนที่เขาจะไม่กล้าปล่อยพลังมั่วซั่วอีก

ทั้งสองสู้กันอย่างดุเดือดจนพวกทหารโดยรอบต่างก็หนีถอยออกมา ส่วนพวกทหารบริเวณอื่นเองก็วุ่นวายยิ่ง เพราะต้องเข้าปะทะกับพวกเทียนหยวนอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้พวกเขาแทบไม่สามารถเอาชนะได้เลย

ในสมรภูมินั้น ทหารหนิงในชุดเกราะหนักจะเคลื่อนไหวได้เชื่องช้ายิ่ง และแม้ว่าเกราะหนักจะสามารถใช้ในการป้องกันได้ดี แต่การต่อสู้ในครั้งนี้มันก็วุ่นวายเกินไป ทำให้เกราะหนักที่สวมใส่กลายเป็นไร้ค่าและตัวถ่วง

…และก็เพราะแบบนี้ พวกหนิงที่เคลื่อนไหวเชื่องช้าจึงถูกพวกเฟิงเข้ารุมสังหารจากด้านข้างโดยไม่รู้แม้แต่น้อยว่าใคร หรืออะไร ที่ทำให้พวกเขาตาย

ถึงแม้จะมีพวกหนิงบางส่วนที่เห็นศัตรูกำลังวิ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็ว แต่ทว่าพวกเขาก็ไม่อาจทำอะไรได้ เพราะถูกพวกเทียนหยวนจับเอาไว้เสียแน่น ก่อนที่พวกเฟิงจะใช้ดาบทั้งสองมือเข้าฟาดฟันศัตรูอย่างรวดเร็ว ซึ่งดาบนั้นมันก็ทำจากเหล็กกล้าที่ลับคมเสียจนสามารถตัดผ่านเกราะของพวกหนิงได้อย่างง่ายดาย

ผลคือมีพวกหนิงตายไปมากมายในสนามรบ และมีเกราะที่ถูกฟันเป็นชิ้น ๆ กระจายอยู่ทั่วไปหมด !! จนเลือดสีแดงฉานที่ไหลอาบไปทั่วกลายเป็นดั่งการแต่งแต้มสถานที่แห่งนี้ให้กลายเป็นดั่งงานศิลปะ …ที่มีเสียงกรีดร้องปะปนกันไปเป็นเพลงประกอบงาน

พวกเขาตื่นตระหนกและวิ่งหนีกันไปทั่ว เช่นเดียวกับม้าที่บรรทุกของเอาไว้ที่ต่างก็วิ่งหนีอย่างไร้ทิศทาง จนทำให้สนามรบวุ่นวายมากกว่าเดิม

ในการต่อสู้เช่นนี้ กองทัพเปิงนั้นถูกกวาดล้างจนเรียบ ส่วนพวกองครักษ์ก็ถูกกำจัดจนหมดสิ้น ทำให้พวกทหารธรรมดาเริ่มหวาดกลัวจนหนีไป

แม้ว่าพวกเปิงจะช่วยพวกหนิงไม่ได้มากนักในสนามรบ แต่การหนีทัพของพวกเขาก็ทำให้พวกหนิงโกรธมากเช่นกัน ด้วยพวกเขาไม่สามารถรับมือกับพวกเทียนหหยวนได้อยู่แล้ว และยิ่งมาเจอการหนีเอาตัวรอดแบบนี้อีกมันก็ยิ่งทำให้พวกเขานึกเคืองอยู่ในใจ !!

การต่อสู้ระหว่างทั้งสองกองทัพใหญ่นี้เกิดความสูญเสียมากมาย ผู้ที่ถูกเหยียบตายมีมากกว่าคนที่ถูกฆ่าฟันด้วยอาวุธเสียอีก

ในตอนนี้แม้แต่จ้านอู่ตี้ที่เก่งกาจในการบัญชาการก็ยังสิ้นหวังและมองไม่เห็นหนทางที่จะชนะในครั้งนี้เลย

กองทัพหนิง 1 หมื่นนายพากันวางอาวุธและยอมแพ้เพื่อที่จะหนีไปทางใต้ พวกเขาวิ่งเร็วกว่าพวกเปิงเสียอีก

การออกคำสั่งให้ถอยทัพมันง่ายก็จริง แต่การหนีให้รอดนั้นยากกว่า พวกหนิงและเปิงวิ่งออกไปพร้อมกันโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไปมองพวกเทียนหยวนที่กำลังวิ่งไล่ล่าอย่างดุเดือด

พวกเสบียงต่าง ๆ เองก็ถูกทิ้งเอาไว้ข้างหลัง พวกเขาทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ที่นี่เพื่อเอาตัวรอดกันหมดเหลือแค่เพียงอาวุธเท่านั้นที่ติดตัวไป

ถ้าอู่กวนไม่ได้รับบาดเจ็บปางตายแบบนี้ เขาคงสั่งให้ทหารออกไล่ตามพวกหนิงไปแล้ว ทว่าพวกทหารเฟิงที่ไล่ตามออกไปไม่เท่าไหร่ก็ต้องวิ่งกลับมาดูอาการอู่กวนที่จู่ ๆ เขาก็ร่วงจากหลังม้า

พวกเทียนหยวนหวาดกลัวมากและรีบเข้ามาดูอาการทันที

แม้ว่าจ้านหูจะไม่รู้วิชาแพทย์ แต่เขาก็รู้ว่าอาการบาดเจ็บจนต้องรักษาเป็นยังไง และเมื่อเห็นบาดแผลตรงหน้า เขาก็รู้ทันทีว่ามันอันตรายมากแค่ไหน ดังนั้นเขาจึงเลิกไล่ตามศัตรูและเร่งพาสหายร่วมรบผู้นี้กลับไปยังเมืองหวังก่อน

พวกเขาเอาอู่กวนขึ้นรถม้าแล้วมุ่งหน้าไปยังเมืองหวังทันที

ส่วนพวกหนิงและพวกเปิงที่หนีออกมาก็ยังคงวิ่งหนีออกไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อพวกแม่ทัพหันไปมองคนของตน พวกเขาก็แทบจะร้องไห้ออกมา

แต่เดิมพวกเขามีกองทัพประมาณ 1 แสนกว่า ๆ แต่มาตอนนี้ พวกเขาเหลือแค่ 6 หมื่นเท่านั้น ! พวกทหารในชุดเกราะต่างก็วิ่งหนีอย่างรวดเร็ว บางคนถึงกับไม่สนใจเกราะกับหมวกจนโยนมันทิ้งไปก็มี ส่วนพวกที่น่าสงสารที่สุดก็เห็นจะเป็นพวกเปิง ตรงที่ว่ากำลังทหารของพวกเขาในตอนนี้เหลือแค่เพียง 3 พันนายเท่านั้น !!

หลังจากผ่านศึกมา ซ่งเทียนที่อยู่ในชุดธรรมดาก็ได้เดินออกมาหาพี่น้องจ้าน ที่จริงแล้วเขานั่งอยู่ในรถม้าคันที่อู่กวนพุ่งเข้ามานั่นแหละ เพียงแต่ว่าคนที่ถูกฆ่าคือขุนนางคนหนึ่งเท่านั้น

…เมื่อเห็นว่าพวกเฟิงเกลียดเขามากแค่ไหน เขาก็ยิ่งรู้สึกเสียใจที่เดินทางออกมาจากวัง และเพราะว่าเขากลัวที่จะเจอมือสังหารระหว่างทางจึงได้ทำการปลอมตัว

และนั่น …มันก็ทำให้เขาไม่ต้องตายด้วยน้ำมือของอู่กวนนั่นเอง

ในค่ายของพวกหนิง ซ่งเทียนเห็นจ้านอู่ฉานและจ้านอู่ตี้ที่กำลังนั่งเงียบงัน เขาจึงได้เดินเข้าไปถาม “ท่านแม่ทัพ พวกเราควรออกเดินทางต่อไปหรือควรทำเช่นไรดี ?”

สองพี่น้องตระกูลจ้านมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจและโศกเศร้าพร้อมกัน ด้วยในสายตาพวกเขาแล้ว ซ่งเทียนคือตัวเสนียดจัญไรที่ทำให้กองทัพของพวกเขาย่อยยับ !!!

จ้านอู่ตี้กระทืบเท้าลงพื้นอย่างไม่พอใจ ก่อนเป็นจ้านอู่ฉานที่หัวเราะออกมาแล้วก้มหัวให้ “ฝ่าบาท พวกเราต้องเดินทางไปยังเมืองเฟ่ยต่อ ไม่มีทางหันกลับไปอีกแล้ว”

ซ่งเทียนพยายามเถียง “ไม่ใช่ว่าเมืองเฟ่ยกำลังถูกโจมตีอยู่หรือ ? และถ้ากองทัพอันน้อยนิดของเราเข้าไปตอนนี้มันจะ…”

จ้านอู่ฉานถอนหายใจแล้วพูดต่อ “ต่อให้เมืองเฟ่ยจะลุกเป็นไฟยังไงพวกเราก็ต้องฝ่าเข้าไป ข้าไม่ยอมตายในที่แบบนี้หรอก !”

ซ่งเทียนที่ได้ยินแบบนั้นจึงถามต่อ “ท่านแม่ทัพ ทำไมเราไม่กลับไปจัดการพวกมันให้สิ้นซากเสียเลยล่ะ ?”

จ้านอู่ตี้เริ่มทนไม่ไหวและเดินเข้ามา “มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกโว้ย ! ถ้าจะให้กลับไปยังไงก็คงมีแต่ตายเท่านั้นแหละ !”

“แต่ว่า…” ซ่งเทียนพูดไม่ออก ตอนที่หนีมาเขาไม่คิดถึงความปลอดภัยของตัวเองด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่คิดถึงทรัพย์สมบัติที่มีอย่างเดียว และในตอนนี้มันก็ได้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของพวกเทียนหยวนหมดแล้ว สิ่งที่เขาสะสมมาทั้งหมดมลายหายไปหมดสิ้น และการที่เขารบเร้าให้ไปจัดการพวกเทียนหยวน ก็มิใช่เพราะต้องการล้างแค้น …แต่เป็นเพราะหวงเงินทองต่างหาก !!

“ไม่มีแต่ ! ถ้าเจ้าอยากกลับไปนักก็กลับไปเองสิวะ พวกข้าจะไปทางแคว้นโมแล้วกลับบ้านเกิด !” จ้านอู่ตี้พูดอย่างขุ่นเคือง

“อะไรนะ กลับไปที่แคว้นหนิงหรือ ?” ซ่งเทียนตะลึงแล้วมองจ้านอู่ฉานทันที “ท่านพูดจริงหรือ ?”