ภาค 2 ใต้หล้ายังมีผู้ใดไม่รู้จักท่านอีกหรือ บทที่ 176 ลงมือได้ ก็อย่ากล่าวเหลวไหล

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เฉินหลินมองเยี่ยนจ้าวเกอ โกรธจนแทบทนไม่ไหว เกือบจะเกิดธาตุไฟเข้าแทรกในปราณจิตราโดยพลัน

มือหนึ่งวางลงบนไหล่ของนางอย่างรวดเร็ว เฉินหลินมองไป เป็นเสียจื่ออี้นั่นเอง

นางข่มความรู้สึกเศร้าต่อไปไม่ไหว “จื่ออี้…”

เสียจื่ออี้ตบบ่าของนาง ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองเยี่ยนจ้าวเกอ “เยี่ยนจ้าวเกอกระมัง?” เขาชี้พ่านพ่าน “บัดนี้ข้าจะพูดกับเจ้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะสังหารปี่เซียะภูเขาของเจ้าเสีย”

บัดนี้เสียจื่ออี้อายุราวสามสิบกว่าปี รูปร่างสูงใหญ่กำยำ ใบหน้าฉายแววโหดเหี้ยมอยู่หลายส่วน

ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความพร้อมที่จะต่อสู้ ทั้งยังมีความมั่นใจเช่นเดียวกับเยี่ยนส่าน ศิษย์น้องร่วมสำนักของเขา เพียงแต่ว่าจิตใจกลับสุขุมยิ่งกว่า กระนั้นทั่วกายกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความหลงระเริงถือดี ร้ายกาจและทรงพลังอย่างเห็นได้ชัด

เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ “แท้จริงแล้วอยากสังหารข้าสินะ?”

เสียจื่ออี้มองเยี่ยนจ้าวเกอ พลันหัวร่อขึ้นมา แสงเย็นเยียบในดวงตาพลันปรากฎขึ้น “กล่าวได้ดี กล่าวได้ดียิ่งนัก! เยี่ยนจ้าวเกอ ข้ารู้ว่าเจ้าเอาชนะเจ้าเศษสวะหลิวเซิ่งเฟิงนั่นได้แล้ว แต่ถ้าเจ้าคิดว่าข้าเป็นเหมือนเขา เช่นนั้นเจ้าก็คิดผิดแล้ว แม้ว่าหลิวเซิ่งเฟิงจะใช้ไม่ได้ยิ่ง แต่เจ้าสามารถใช้วรยุทธ์ขั้นเคียงนภาระยะต้น โจมตีเขาที่อยู่ในขั้นเคียงนภาระยะท้ายได้ เช่นนั้นก็พอจะพิสูจน์ความโดดเด่นของเจ้าได้แล้ว”

เขายื่นฝ่ามือออกมา ทั้งยังชี้ประดุจดาบ ฟันไปในอากาศเปล่าๆ “ใช่ เจ้าเก่งมาก แต่คงจะดีกว่านี้หากเจ้าเลิกโอหังเสียบ้าง ดังสำนวนว่า อัจฉริยะที่ยังมีชีวิตอยู่ ถึงจะเรียกว่าอัจฉริยะ สิ้นชีพไปแล้ว ล้วนไม่ใช่อะไรทั้งสิ้น! คำกล่าวนี้ล้วนใช้ได้กับทุกคน รวมถึงเจ้าด้วย”

เยี่ยนจ้าวเกอมองเสียจื่ออี้ พลางส่ายหน้าและหัวเราะออกมา ชายหนุ่มยกมือขั้นมาด้านหน้าต้นคอของตนอย่างช้าๆ ทำท่าตัดลำคอไปทางเสียจื่ออี้ “หากจะลงมือ ก็เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว”

เสียจื่ออี้สะบัดข้อมือของตนลง แล้วเดินไปทางเยี่ยนจ้าวเกอ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้าต้องการเช่นนั้นพอดี เพราะข้าอยากจะเห็นนักว่าเจ้ารับหมัดข้าได้ดีเพียงใด”

ทันใดนั้น เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ “หมัดเดียวก็ไม่รับ”

เสียจื่ออี้ชะงักไปเล็กน้อย

“ไม่กี่หมัดข้าก็ล้มเจ้าได้แล้ว ผู้ใดพูดว่าจะรับหมัดของเจ้ากัน” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ ทำเอาเสียจื่ออี้หน้าถอดสี “เจ้าเด็กปากร้าย หวังว่าเจ้าจะไม่ได้มีดีแค่ปาก!”

ระหว่างที่พูดนั้น เสียจื่ออี้ก็ก้าวเท้าออกมาก้าวหนึ่ง เดินตรงไปข้างหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอ แล้วใช้หมัดสายฟ้ามรกตโจมตีกลางศีรษะของอีกฝ่าย!

สายฟ้ามากมายกระจายไปทั่วทั้งร่างของเสียจื่ออี้ ทำให้เขาดูไม่ต่างกับเทพอัสนีเลยสักนิด

ปราณจิตราที่น่ากลัวรวมเข้ากันเป็นจุดเดียว เต็มไปด้วยโลกลวงตาแห่งสายฟ้า บีบอัดจนมีขนาดเท่ากำปั้น คล้ายกับลูกสายฟ้าที่พาดไปทางเยี่ยนจ้าวเกอตามพลังหมัดของเสียจื่ออี้

โลกลวงตาที่กลายสภาพมาจากปราณจิตราของปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาย่อมเหนือกว่าขั้นอื่นๆ ถึงแม้ว่าจะหดเล็กลงไปมาก ทว่าพลังกลับอัดแน่น

สีหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอเป็นปกติ เขาผลักฝ่ามือหนึ่งออกไปด้านหน้าเช่นเดียวกัน ปราณจิตราของเขาราวกับมังกรเพลิงมากมายที่พรั่งพรูออกมา แล้วผสานเข้าด้วยกันในชั่วพริบตา กลายเป็นโลกแห่งเพลิงที่ร้อนแรงใบหนึ่ง!

ในโลกแห่งเพลิงที่ลุกโชน เตากลั่นโอสถสีแดงอมม่วงเตาหนึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง ควบคุมฟ้าดินเอาไว้!

เมื่อภาพฉากนี้ปรากฏ ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแต่อ้าปากตาค้าง

สวีเฟยและถังหย่งฮ่าวที่นั่งปรับลมปราณอยู่ข้างๆ ต่างเผยสีหน้าตกตะลึง

ซ่งเฉา คุณชายเจ็ดทะเลที่หลังจากประมือกับถังหย่งฮ่าวก็ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ ราวกับว่าการประชุมฝ่านภานี้ไม่เกี่ยวข้องกับตน บัดนี้สีหน้าของเขาเผยความประหลาดใจเช่นเดียวกัน

หวงเจี๋ย คุณชายจรัสแสงที่เดิมควรจะเป็นจุดสนใจตั้งแต่ปรากฎกาย ตอนนี้กลับทำตัวถ่อมตนราวกับไม่มีตัวตนอย่างไรอย่างนั้น แววตาที่เป็นประกายของเขาจับจ้องไปที่เยี่ยนจ้าวเกอ

จางเหยาเปิดปากกล่าวออกไปว่า “ปราณจิตรากลายเป็นโลกลวงตา?! ระดับปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะกลาง!”

นางเบือนหน้ากลับไปมองเซี่ยโยวฉานและหร่วนผิง “ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เพิ่งอยู่ในขั้นเคียงนภาหรอกหรือ”

เวลานี้หร่วนผิงไม่สนใจภาพลักษณ์แล้วเช่นเดียวกัน เขาอ้าปากค้าง และมองไปทางเยี่ยนจ้าวเกออย่างเหม่อลอย

บัดนี้เป็นเซี่ยโยวฉานที่นิ่งเงียบไม่พูดจา ตัวเขาเองก็เสียดายในภายหลังเช่นกันที่ไม่ได้ทดสอบเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนั้น เคราะห์ดีที่เซี่ยโยวฉานสั่งให้หยุดได้ทันเวลา

คนอื่นๆ ในเหตุการณ์ตื่นตกใจ ส่วนเสียจื่ออี้นั้นยิ่งอ้าปากตาค้าง “ตอนที่โจมตีหลิวเซิ่งเฟิง ไม่ใช่ว่าเพิ่งอยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะต้นหรอกหรือ”

เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ปิดบังพลังฝึกปรือเอาไว้ล่วงหน้า แล้วโจมตีคู่ต่อสู้จนรับมือไม่ทัน ทว่าแสดงพลังความสามารถของตนออกมาตั้งแต่เป็นในทีแรก

เขาหัวเราะหยัน “ภาพที่ข้าอยากเห็นมาโดยตลอด ตอนนี้กลายเป็นจริงแล้ว”

ชายหนุ่มผลักฝ่ามือหนึ่งออกมาด้านหน้า เตากลั่นโอสถสีแดงม่วงภายในโลกลวงตา พลันสั่นไหวโครมครามขึ้น ราวกับว่ามีสิ่งของอะไรจะพุ่งพรวดออกมา

ชั่ววูบถัดมา ฝาเตาเปิดออก เปลวเพลิงที่ลุกโชนไหลทะลักออกมาข้างนอก

จากนั้นก็เห็นลิงยักษ์ตัวหนึ่งกระโดดออกมาจากข้างในนั้น มันตัวใหญ่ค้ำฟ้า ราวกับเคลื่อนเขาย้ายทะเลได้!

ท่ามกลางเสียงร้องคำรามบ้าคลั่งของลิงตัวนั้น มันต่อยหมัดหนึ่งออกมาด้านหน้า ม้วนเอาเพลิงลุกโชนไร้ขอบเขตพลิ้วไหวไปด้วยกัน แรงปะทุที่ชวนหวาดหวั่นโจมตีโลกลวงตาที่มีลักษณะเป็นลูกหนังสายฟ้า อันกลายสภาพมาจากปราณจิตราของเสียจื่ออี้จนสลายเป็นจุณ!

ฝ่ามือดุสิต วิชาวายุอัคคี และหมัดอสูรวานรจอมพลัง สามวิชารวมเป็นหนึ่ง พลังระเบิดปะทุ ปรารถนาจะพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินทันที!

สีหน้าของเสียจื่ออี้พลันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว “มิน่าเล่าถึงอาศัยขั้นเคียงนภาระยะต้น เอาชนะหลิวเซิ่งเฟิงที่อยู่ขั้นเคียงนภาระยะท้ายได้ ไม่ธรรมดาอย่างที่คาดไว้”

เขาไม่กล้าเมินเฉยแม้แต่น้อย สำแดงวิชาร่างเงาอสุนีซึ่งเป็นวิชาสืบทอดตำหนักอัสนีสวรรค์ออกมา ร่างกายถอยร่นราวกับสายฟ้า ประหนึ่งกับกลายเป็นเงาลวงตา

ถึงกระนั้นความเร็วของเยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่ช้าไปกว่าเขาเลยสักนิด พลังลมนภาจากคัมภีร์วายุจิตราผนึกกับวิชาวายุอัคคีเปิดฉากออกไปพร้อมกัน ไล่ตามร่างของเสียจื่ออี้ที่ถอยร่นไปติดๆ ไม่ให้โอกาสเขาได้พักหอบหายใจเลยสักนิด

สีหน้าเสียจื่ออี้บึ้งตึง ลำแสงส่องวาบในมือ ประกายกระบี่หนึ่งจู่โจมมาทางเยี่ยนจ้าวเกออย่างรวดเร็ว

กระบี่หนึ่งแทงออกไป ทักษะ สายตา และความเร็วผสานกัน!

อัสนีประกายแสง หนึ่งในสามยอดวิชาอัสนี วิชาสืบทอดหลักของตำหนักอัสนีสวรรค์!

ประกายกระบี่ในมือเสียจื่ออี้เปล่งประกายวับวาบอย่างต่อเนื่อง ประกายกระบี่นับสิบเล่มส่องแสง คล้ายกับเชื่อมต่อกันเป็นเส้นเดียว

อัสนีประกายแสงประสาน!

ดวงตาเยี่ยนจ้าวเกอไม่กะพริบอยู่ครู่หนึ่ง กระบี่วิญญาณมังกรมรกตที่ร้องคำรามออกมาจากฝัก กลายสภาพเป็นแสงมรกต เข้าปะทะกับกระบี่ผนึกหมอก อาวุธวิญญาณระดับล่างของเสียจื่ออี้

กระบี่เจ็ดดาราสำแดงเดช แสงดาราโปรยปราย ท้องนภาบัดนี้เต็มไปด้วยดวงดาว สายฟ้านับสิบสายโถมเข้ามาภายใน ไม่เห็นร่องรอยในทันที

สีหน้าเสียจื่ออี้จริงจังยิ่งขึ้น แล้วปล่อยกระบี่ออกไปอีกครั้ง

เขาปล่อยกระบี่ออกไปครั้งนี้ ประกายกระบี่กลายสภาพเป็นดั่งผืนผ้าไหมสีม่วงที่แผ่ออก หลอมรวมราวกับมีรูปลักษณ์อยู่จริงก็ไม่ปาน พลังกว้างใหญ่ไพศาล ประดุจกับสายรุ้งยาวทอดข้ามท้องนภา!

อัสนีสั่นสะท้าน หนึ่งในสามยอดวิชาอัสนี!

กระบี่นี้ไม่เหมือนเช่นอัสนีประกายแสงประสานที่เน้นความเร็วและทักษะ แต่เป็นกระบวนท่าสังหารที่ปะทุปราณแท้ทั่วกายในพริบตา ทำให้กระบวนท่าทวีอานุภาพอย่างมาก

ทว่านี่ยังไม่นับว่าหมดสิ้น บนใบหน้าเสียจื่ออี้พลันมีแสงสีแดงวาบผ่าน

กระบี่แรกของเขาเพิ่งส่งออกไป กระบี่ที่สองตามติดไปอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งแทบจะหยิบกระบี่ยาวมาใช้เป็นง้าว ผ่าแสกไปทางศีรษะเยี่ยนจ้าวเกอสุดพลังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้!

อานุภาพของกระบี่ที่สองนี้ไม่ด้อยไปกว่ากระบี่แรกเลยแม้แต่น้อย ประกายกระบี่ที่ชวนหวาดผวาทั้งสอง เล่มหนึ่งแนวขวาง เล่มหนึ่งแนวตั้ง ประกอบเป็นกากบาทขนาดมหึมา

อัสนีวัฏจักร กระบวนท่าสุดท้ายของสามยอดวิชาอัสนี!

กระบี่แรกเป็นการโจมตีด้วยแรงทั้งหมดของเสียจื่ออี้ จอมยุทธ์สูงสุดขั้นเคียงนภาระยะท้ายผู้นี้

แต่หลังจากปล่อยมหากระบวนท่าเช่นนี้แล้ว ไม่ต้องฟื้นปราณทั้งหมดก็สามารถปล่อยกระบี่ที่สองออกไปได้ทันที อานุภาพไม่ด้อยกว่ากระบี่ก่อนหน้านี้เลยสักนิด!

กระบี่แรกไม่ได้เก็บพลังเอาไว้ หลังปล่อยพลังโจมตีที่มีพลังรุนแรงที่สุดออกไปแล้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ กลับสามารถปล่อยกระบี่ที่สองออกไปได้อย่างรวดเร็ว!

คู่ต่อสู้ในระดับเดียวกันรับกระบี่แรกก็สูญเสียกำลังกายแล้ว จึงยากจะตอบโต้กระบี่ที่สองได้

ซึ่งก็คือกระบวนท่าสังหารที่สืบทอดกันในตำหนักอัสนีสวรรค์นั่นเอง!

………..