บทที่ 333 : หกสาวชาวป่า – ออกจากเสินหนงเจี๋ย

แสงรุ่งอรุณยามเช้าปรากฏขึ้น.. ทางด้านตะวันออกของหุบเขาแห่งหนึ่งซึ่งภูมิประเทศมีลักษณะสูงชันเล็กน้อย เป็นป่าทึบที่มีต้นไม้ขึ้นเขียวชะอุ่ม

ชายคนป่าผู้หนึ่งที่มีร่างกายสูงใหญ่ราวสองเมตร ยืนถัดไปจากต้นไม้ใหญ่ ร่างของเขาสูงใหญ่ และผมสีน้ำตาลแดงก็ยาวลงมาปกคลุมร่างกาย จมูกค่อนข้างโด่งและใบหน้าค่อนข้างน่าเกลียด กำลังจ้องมองหลิงหยุนด้วยสายตาดุร้าย และอยากรู้อยากเห็น

ตระกูลของตู้กู่โม่นั้นอยู่บนเทือกเขาเหิงต้วนที่กว้างใหญ่ไพศาล เป็นเทือกเขาที่ยาวที่สุดและกว้างใหญ่ที่สุดจากเหนือจรดใต้ของประเทศจีน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นส่วนหนึ่งของที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบต

ตู้กู่โม่รักการเดินทางและการผจญภัยมาตั้งแต่เด็ก เขาไม่เพียงเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ด้านฝึกตน แต่วิทยายุทธของเขานั้นยังล้ำลึกอีกด้วย อีกทั้งยังเป็นคนหนึ่งที่ศึกษาเรื่องค่ายกลต่างๆ การทำนายโชคชะตาในแบบโบราณ และแผนผังแปดทิศ ที่เขาศึกษาเรียนรู้ทั้งหมดนั้น ก็เพื่อให้ตนเองสามารถท่องเที่ยวผจญภัยไปตามภูเขา และแม่น้ำที่มีชื่อเสียงต่างๆได้

ตู้กู่โม่สามารถเข้าสู่ขั้นโฮ่วเทียน-7 ได้ตั้งแต่อายุสิบสี่ปี จากนั้นก็เริ่มผจญภัยไปรอบๆเทือกเขาเหิงต้วนก่อน เขาจึงเคยพบเจอคนป่าตามแนวที่ราบสูงจิงฉี-ทิเบตมาแล้วหลายครั้ง

ระหว่างเทือกเขาเหิงต้วนและเสินหนงเจี๋ยนั้น คือมณฑลปาซันที่ตู้กู่โม่มักจะไปเล่นที่แม่น้ำอยู่บ่อยๆ อีกทั้งยังชอบวิ่งเล่นในป่าเสินหนงเจี๋ยแห่งนี้ด้วย เขาจึงคุ้นเคยกับเสินหนงเจี๋ยอย่างมาก

ตู้กู่โม่ตกใจมาก.. แต่ไม่ใช่เพราะเขาพบคนป่า แต่เพราะเขารู้ว่าเสินหนงเจี๋ยนั้นอยู่ทางเหนือของมณฑลหูเป่ยต่างหาก!

จากใต้ผืนดินของเขามังกรในเมืองจิงฉู มณฑลเจียงหนาน เขามาโผล่ที่ป่าเสินหนงเจี๋ยที่อยู่ทางด้านเหนือของมณฑลหูเป่ย แล้วจะไม่ให้เขาตกใจได้อย่างไรกัน?!

ตอนนี้ทั้งสองคน.. คนหนึ่งอยู่ในขั้นปรับร่างกาย-4 ส่วนอีกคนก็ดูเหมือนจะเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องพูดถึงกำลังภายในที่แข็งแกร่ง และการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว แน่นอนว่าทั้งคู่ย่อมมีฝีมือเหนือกว่าคนป่าอย่างแน่นอน

เพราะฉะนั้น ทั้งคู่จึงไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวคนป่านี้แม้แต่น้อย และตอนนี้สายตาของคนป่าที่จ้องมองพวกเขานั้น ก็ไม่ต่างจากกำลังจ้องมองสัตว์ในสวนสัตว์เลยแม้แต่น้อย

“เสินหนงเจี๋ยงั้นเหรอ? นี่พวกเรามาถึงมณฑลหูเป่ยเลยรึ?!” หลิงหยุนตกใจจนใจสั่น

ตอนนี้เรื่องภูมิศาสตร์หลิงหยุนคล่องหมดแล้ว ก่อนที่เขาจะลงไปสำรวจหลุมยักษ์ เขาได้ทำการศึกษาตำนานและเรื่องลี้ลับที่เกี่ยวกับประเทศจีน เขาจึงรู้จักเสินหนงเป็นอย่างดีว่าเป็นชื่อของจักรพรรดิแห่งผืนดิน เสินหนงใช้เวลาคิดค้นเรื่องสมุนไพรอยู่เป็นเวลานาน และมันก็เป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติอย่างมาก!

ตู้กู่โม่ยกมือขึ้นชี้ไปที่ยอดเขาสูงสุดซึ่งอยู่ไกลออกไป “นั่นคือยอดเขาเสินหนงที่สูงที่สุด สูงถึงสามพันหนึ่งร้อยเมตร! ข้าขึ้นไปเที่ยวเล่นเมื่อปีที่แล้ว!”

จากนั้นตู้กู่โม่ก็ร้องขึ้นอย่างตกใจ “ตามตำนาน.. เสินหนงก็เป็นจักรพรรดิแห่งผืนแผ่นดิน แล้วจู่ๆพวกเราก็มาโผล่ที่นี่ หรือว่าสมุดจักรพรรดิจะอยู่ที่นี่?!”

ในเวลานั้นเอง จู่ๆคนป่าผู้นั้นก็กระโจนออกจากหลังต้นไม้ใหญ่ และกระโดดได้ไกลถึงเจ็ดแปดเมตร อีกทั้งยังมีความรวดเร็วว่องไวอย่างน่าอัศจรรย์! และปรากฏว่าเป็นหญิงชาวป่า..

“จากที่ข้าอ่านมา.. หญิงชาวป่าที่เสินหนงจะจับผู้ชายกลับไปเพื่อทำลูกให้พวกเธอ นายว่าเธอกำลังคิดจะทำแบบนั้นอยู่ไม๊?”

ตู้กู่โม่ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว แต่กลับนึกขำคำพูดของหลิงหยุน..

ทันทีที่เขาพูดจบ หญิงชาวป่าก็เดินตรงมาหาพวกเขาทั้งคู่ พร้อมกับจ้องมองด้วยสายตาที่ไม่ต่างจากกระทิงดุ หญิงสาวมองตู้กู่โม่ และหลิงหยุน จากนั้นก็หันมาหยุดอยู่ที่ใบหน้าของหลิงหยุน พร้อมกับอ้าปากยิ้ม

“นี่พ่อยอดคน! ในเมื่อเจ้าหล่อเหลามากเหลือเกิน แล้วก็หล่อเหลากว่าข้ามากมายนัก งั้นก็ลองให้พวกนางจับเจ้าไป แล้วเจ้าก็ลองเล่นกับพวกนางดูหน่อยก็แล้วกัน..”

ตู้กู่โม่ชี้ไปที่หลิงหยุนพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังกระหึ่มขึ้น ปรากฏว่าเพียงแค่พริบตาเดียว ก็มีหญิงชาวป่าอีกหลายคนปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าคนทั้งคู่ และล้อมพวกเขาไว้

 แต่หลิงหยุนกลับไม่ใส่ใจ เขาร้องบอกตู้กู่โม่ “ตอนนี้มีมากกว่าหนึ่งแล้ว.. นายคงไม่รอดแล้วล่ะ?”

ตู้กู่โม่มองหลิงหยุนพร้อมกับตอบไปว่า “เจ้าไม่รู้อะไร? พวกนางต้องการมีลูก เจ้าหล่อเหลากว่าข้ามากนัก พวกนางไม่ต้องการข้าหรอก!”

แล้วก็เป็นอย่างที่ตู้กู่โม่พูดจริงๆ หญิงชาวป่าทั้งหกคนต่างก็ไม่สนใจตู้กู่โม่ พวกนางต่างพากันล้อมหลิงหยุนไว้ พร้อมกับอ้าปากใหญ่ๆและกรีดร้องออกมาอย่างดีใจ

“ท่าทางแบบนี้แปลว่าเลือกข้าแล้วใช่ไม๊?!” หลิงหยุนถึงกับอึ้ง

จากนั้น.. สาวชาวป่าคนหนึ่งก็ยื่นฝ่ามือที่มีขนาดใหญ่เท่าใบพัดออกมาให้หลิงหยุน..

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า.. นี่นางต้องการให้เจ้าไปนอนกับนางในถ้ำนะ นางไม่ได้ต้องการเงิน อย่าเข้าใจผิดล่ะ! ฮ่า ฮ่า!” ตู้กู่โม่ได้แต่หัวเราะเยาะและล้อเลียนหลิงหยุน

“หุบปากไปเลย..!! พวกนางต้องนอนกับนายต่างหาก..” หลิงหยุนรู้ว่านี่เป็นสัญชาติญาณและวิถีชีวิตตามธรรมชาติของพวกเธอ เขาไม่ต้องการทำร้ายหญิงสาวเหล่านี้ จึงได้แต่ใช้มังกรพรางร่างหนีออกจากวงล้อมของหญิงสาวทั้งหกคน

หญิงสาวชาวป่าทั้งหกที่กำลังดีใจราวกับได้เห็นดอกไม้แสนสวยที่อยู่ตรงหน้าพวกเธอ แต่จู่ๆ หลิงหยุนก็หายตัวไป และไม่รู้ว่าหายไปใหน

เมื่อพวกเธอหาหลิงหยุนไม่พบ จึงหันไปทางตู้กู่โม่แทน แต่ครั้งนี้พวกเธอเรียนรู้แล้วว่าตู้กู่โม่จะหนีไปเช่นเดียวกับหลิงหยุน จึงเพิ่มความรวดเร็วในการจู่โจมตู้กู่โม่

แต่ถึงอย่างนั้น.. พวกเธอก็ไม่สามารถเร็วไปกว่าตู้กู่โม่ที่เข้าสู่ขั้นเซียงเทียนแล้วได้ ร่างของเขาเคลื่อนที่ไปไกลถึงสิบเมตร ปล่อยให้พวกเธออยู่กับความว่างเปล่า..

“วันนี้คู่ต่อสู้เป็นหญิงสาวชาวป่า ข้าไม่ต้องการต่อสู้กับพวกเจ้า” ตู้กู่โม่หลบออกมาได้ก็เอาแต่หัวเราะ

หลิงหยุนอุ้มเจ้าขาวปุยยืนอยู่บนหลังของเจ้าสสีนิล ดูช่างสง่างามอย่างมาก หลิงหยุนตะโกนเร่งตู้กู่โม่ “เร็วเข้า.. รีบออกไปจากที่นี่กันได้แล้ว!”

“อะไรนะ?! แล้วจะไปที่ใหน? นายไม่ไปหาสมุดจักรพรรดิแล้วหรือไง?!” ตู้กู่โม่ร้องถาม

หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า “ข้าเดินสำรวจดูทั่วแล้ว นอกจากหม้อทองแดงเก่าๆที่พบในบ้านศิลาหลังหนึ่ง ก็ไม่มีอะรอีก พวกเราไปกันได้แล้ว!”

ในวันข้างหน้าหลิงหยุนจำเป็นต้องใช้หม้อทองแดงนี้บ่อยครั้ง เขาจึงไม่ต้องการที่จะปิดบังตู้กู่โม่

“หม้อทองแดงงั้นรึ?! เจ้าว่าหม้อนั่นจะเกี่ยวอะไรกับตำนานเสินหนงหรือไม่?” ตู้กู่โม่ร้องตะโกนตามหลังหลิงหยุนไป

หลิงหยุนบอกกับเจ้าสีนิลให้พาพวกเขาไปทางด้านใต้ของหุบเขาแห่งนี้ แล้วจึงหันไปตอบตู้กู่โม่

“หม้อเสินหนง? นี่นายกำลังฝันหวานอะไรกัน!”

“ข้าไม่สนใจ! ไม่รู้ล่ะ.. เจ้าต้องแบ่งของที่ได้ให้กับข้าครึ่งหนึ่ง.. ว่าแต่.. เจ้ายืนบนหลังมังกรแบบนั้น ลมคงจะเย็นสดชื่นน่าดูสิท่า! ข้าขึ้นไปยืนเล่นบ้างจะได้ไม๊?” ตู้กู่โม่มองเจ้าสีนิลที่กำลังเลื้อยไปทางภูเขา ด้วยความรู้สึกอจิฉาจนอยากขึ้นไปยืนบ้าง

แต่เมื่อเห็นสายตาดุร้ายของเจ้าสีนิลที่หันกลับมามองด้วยความขุ่นเคือง ตู้กู่โม่ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที และไม่กล้าพูดเรื่องนี้อีก ได้แต่ใช้วิชาตัวเบาของตัวเองแทน

หลิงหยุนภูมิอกภูมิใจจนถึงกับต้องหัวเราะออกมา “เห็นไม๊.. ของบางอย่าง ถึงแม้ข้าจะให้เจ้า เจ้าก็ใช้ไม่ได้อยู่ดี เจ้ารู้ไม๊ว่าเพราะอะไร?”

ตู้กู่โม่เกาหัวพร้อมกับตอบไปว่า “ถึงใช้ไม่ได้ แค่มองก็ยังดี..”

หลิงหยุนดุตู้กู่โม่ “เจ้านี่เพ้อเจ้อ!” จู่ๆ เขาก็หันไปเจอสาวชาวป่าทั้งหกคนกำลังกระโดดเข้ามา เขาจึงร้องบอกเจ้าสีนิลเสียงดัง “สีนิลเร็วเข้า พวกนางตามมาทันแล้ว!”

จิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง และเจ้าสีนิลหันไปมองด้านหลัง เจ้าขาวปุยถึงกับถอนหายใจออกมาพร้อมกับวิ่งตามหลิงหยุนไป

หญิงชาวป่ายังคงไม่หมดหวัง พวกนางยังคงวิ่งตามหลิงหยุนไปอย่างรวดเร็ว แต่จู่ๆพวกนางก็รู้สึกว่าต้นไม้และก้อนหินกำลังเคลื่อนที่มาขวางไว้ จนไม่สามารถวิ่งตามทุกคนไปได้อีก

หญิงสาวชาวป่าทั้งหกกรีดร้องออกมาอย่างเสียดาย ที่ไม่สามารถวิ่งตามหลิงหยุนและคนอื่นๆไปได้

เจ้าขาวปุยได้ใช้วิชาลวงตาซึ่งเป็นวิชาที่สุนัขจิ้งจอกถนัดที่สุด!!

“ข้าว่าเสน่ห์ของเจ้าแรงเกินไป สาวชาวป่าทั้งหกคนไม่มีใครเลือกข้าเลย ข้ารู้สึกเสียใจและขาดความมั่นใจไปมาก..” ตู้กู่โม่พูดแหย่หลิงหยุน

หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ “นายจะเสียใจทำไม? ถ้านายกลับไปตอนนี้ รับรองว่าพวกนางยังคงรอนายอยู่แน่!”

ชายหนุ่มทั้งสองคนต่างก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา จากนั้นหลิงหยุนก็พูดขึ้นว่า “ฉันต้องกลับไปให้ถึงจิงฉูตอนเย็น แต่ไม่ได้เอาบัตรประชาชนมา ฉันต้องทำยังไง?”

สองสามวันนี้บัตรประชาชนของหลิงหยุนอยู่ที่ถังเมิ่ง เพราะต้องนำไปใช้ในการจัดการโอนรถแลนด์โรเวอร์ และจัดการเรื่องใบทะเบียนการค้าของคลีนิค จึงเป็นปัญหาใหญ่สำหรับหลิงหยุน..

“นายว่านี่มันวันที่เท่าไหร่แล้ว?” หลิงหยุนยังคงกังวลเรื่องวันเกิดของหนิงน้อย

ตู้กู่โม่ขมวดคิ้วพร้อมกับพูดขึ้นว่า “จากที่ข้าคำนวนดูแล้ว ต้องเลยวันที่ 11 มาแล้วแน่นอน วันนี้ก็น่าจะเป็นวันที่ 12 แต่ถ้าเจ้าไม่มีบัตรประชาชน ก็เป็นเรื่องใหญ่ เพราะไม่ว่าจะขึ้นเครื่องบิน หรือรถไฟ ก็ต้องใช้บัตรประชาชน เว้นแต่จะขับรถยนต์กลับไป..”

หลิงหยุนพูดขึ้นอย่างหมดหวัง “จากแผนที่.. เสินหนงอยู่ห่างจากจิงฉูอย่างน้อยก็สองพันไมล์ แล้วจะขับรถไปได้ยังไง?”

“สองพันไมล์ก็น่าจะใช้เวลามากกว่าสิบชั่วโมง? หรือไม่ก็ต้องใช้วิชาตัวเบาวิ่งกลับไป? แต่วิ่งไปได้แค่สองสามร้อยไมล์ก็จะหมดแรงน่ะสิ..”

หลิงหยุนและตู้กู่โม่สามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วหลายร้อยไมล์ต่อชั่วโมง เรียกได้ว่าเร็วกว่ารถยนต์เสียอีก

แต่วิธีเหล่านี้ใช้สำหรับในการต่อสู้เท่านั้น แต่หากมาใช้วิ่งในระยะทางไกลหลายพันไมล์เช่นนี้ ต่อให้เป็นยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนก็ไม่น่าจะเป็นผลดี!

พูดง่ายๆก็คือว่า พลังชี่ยังไม่เพียงพอ! เพราะถึงอย่างไรทั้งคู่ก็คือคน.. ที่สามารถหมดเรี่ยวหมดแรงได้ ต่างจากเครื่องจักร!

ทั้งคู่ต่างก็เดินคุยกันเรื่องดินฟ้าอากาศไปเรื่อยๆ และในที่สุดก็มาถึงที่ยอดเขาสูงสุด ทางลงนั้นค่อนข้างชัน แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับหลิงหยุนและตู้กู่โม่ ส่วนเจ้าขาวปุยและสีนิลก็ไม่มีปัญหาเช่นเดียวกัน

ช่างโชคดีที่ภูเขาลูกนี้อยู่ห่างจากยอดเขาเสินหนงมาก และพวกเขาก็มาถึงตอนที่พระอาทิตย์ขึ้น พวกเขาจึงสามารถชื่นชมดื่มด่ำกับทิวทัศน์ที่สวยงามได้

หลิงหยุนตั้งใจที่จะปล่อยเจ้าสีนิลไว้ที่เสินหนงเจี๋ยแห่งนี้ หากมันชอบที่นี่ มันก็สามารถอาศัยอยู่ที่หุบเขาแห่งนี้ได้ เพราะที่นี่จะช่วยให้มันเติบโตได้ดี และหลิงหยุนก็จะมาหามันคราวหลัง

เจ้าสีนิลไม่ค่อยเต็มใจ แต่หลังจากที่หลิงหยุนโน้มน้าวใจมันอยู่หลายครั้ง พร้อมกับห้ามไม่ให้ติดตามไป มันจึงยอมพยักหน้าตกลง

“ไปกันได้แล้ว.. ส่วนเจ้าอยู่ที่นี่ไปก่อนนะ!”

หลิงหยุนยังคงกังวลเรื่องวันเกิดของเสี่ยวเม่ยหนิง และเกรงว่าจะไม่สามารถไปได้ทันเวลา จึงไม่มีจิตใจที่จะชื่นชมทิวทัศน์ และรีบคว้าเจ้าขาวปุยพร้อมกับบอกตู้กู่โม่ให้วิ่งลงไป