บทที่ 334 : ยอดฝีมือชาวญี่ปุ่น

หลิงหยุนและทุกคนต่างก็ยังอยู่ในพื้นที่ที่กว้างใหญ่ของป่าดงดิบเสินหนงเจี๋ย..

หลิงหยุนและตู้กู่โม่ต่างก็วิ่งนำหน้าไป ผ่านแม่น้ำลำธารถึงสี่สาย และปีนป่ายภูเขาสูงหลายลูก

ระหว่างเดินทางนั้น ทั้งคู่ต่างก็ได้เห็นสัตว์หายากมากมาย ไม่ว่าจะเป็นไก่ฟ้าสีขาว ลิงเผือก กวางเผือก งูเผือก หมีสีขาว และอีกมากมายรวมทั้งลิงขนทองสองสามตัวที่พวกเขาเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อนเช่นกัน พวกมันล้วนไม่เกรงกลัวคน แต่กลับวิ่งตามหลิงหยุนไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น พวกมันช่างน่ารักน่าชังนัก!

หลิงหยุนยืนอยู่บนเขาสูง มองฝ่าหมอกหนาลงไปด้านล่าง ท่ามกลางป่าดงดิบที่มีต้นไม้หนาแน่น หลิงหยุนกับตู้กู่โม่ต่างก็ใช้วิชาตัวเบาราวกับเหาะออกมา แต่ก็ใช่ว่าจะออกจากป่าดงดิบที่หนาแน่นนี้ได้อย่างง่ายดาย เพราะสามารถหลงทางได้อยู่ตลอดเวลา

“ฉันเริ่มจะไม่เชื่อแล้วสิว่านายอยู่ในเทือกเขาเหิงต้วน! ดูเหมือนนายจะไม่รู้จักเส้นทางด้วยซ้ำ..”

ตู้กู่โม่เกาศรีษะพร้อมกับตอบไปว่า “เทือกเขาเหิงต้วนน่ะข้าคุ้นเคยดี แต่ที่นี่มันเสินหนงเจี๋ย ข้าเคยมาเที่ยวที่นี่แค่สามครั้งเท่านั้นเอง และแต่ละครั้งที่มาก็ไปตรงจุดท่องเที่ยว ไม่ได้เข้ามาในป่าลึกแบบนี้..”

เสินหนงเจี๋ยเป็นสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากแห่งหนึ่ง แต่จุดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวนั้น เป็นบริเวณไม่ถึงหนึ่งในสิบของเสินหนงเจี๋ยวด้วยซ้ำไป ตู้กู่โม่เองก็เคยมาเที่ยวเล่นแค่สามครั้ง และทุกครั้งก็ไปเที่ยวเล่มชมวิว เขาจึงไม่ได้รู้เส้นทางมากไปกว่าหลิงหยุนนัก

หลิงหยุนรู้สึกร้อนใจ เขาจึงรีบถามขัดขึ้นมาทันที “แล้วนี่จะทำยังไงดี?”

ตู้กู่โม่ยิ้มพร้อมตอบกลับไปว่า “มันมีอยู่สองเส้นทาง!”

เขายกมือขึ้นชี้ไปทางยอดเขาเสินหนงที่อยู่ไกลๆ “เส้นทางแรก.. นายเห็นยอดเขานั่นไม๊ เราเดินไปที่ยอดเขาลูกนั้น ด้านล่างจะเป็นถนนและมีนักท่องเที่ยวอยู่มากมาย..”

จากนั้นเขาก็ชี้ไปทางพระอาทิตย์ขึ้น “เส้นทางที่สอง.. เส้นทางนี้ต้องอาศัยความสามารถมากหน่อย เพราะต้องข้ามภูเขา ข้ามแม่น้ำ จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออกก็จะพบถนน แล้วค่อยโบกรถไปต่อ..”

“คนที่จะเดินทางมาเที่ยวเสินหนงเจี๋ย จะต้องผ่านผ่านตัวเมืองมู่หยู และตัวเมืองมู่หยูก็อยู่ทางทิศตะวันออกพอดี ถ้าพวกเราไปตามเส้นทางตะวันออก ก็จะไม่ไกลนัก..”

ทั้งสองเส้นทางนั้นล้วนเป็นเส้นทางที่อ้อมมาก แต่ในเมื่อทั้งคู่ต่างก็ไม่สันทัดกับภูมิประเทศของที่นี่ และก็ไม่มีเข็มทิศติดตัวมาด้วย ดังนั้นหากต้องการจะออกจากป่าดงดิบแห่งนี้ พวกเขาก็ต้องใช้สองเส้นทางนี้เท่านั้น

หลิงหยุนมองไปยังเส้นทางที่ตรงไปยังยอดเขาเสินหนง.. หากเขาเลือกไปเส้นทางนี้ ก็ต้องปีนป่ายภูเขาสูงอีกเจ็ดแปดลูก และแต่ละลูกก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ทางฝั่งตะวันออกนั้น แม้ว่าจะไกลกว่า แต่ภูเขาแต่ละลูกก็เตี้ยลงเรื่อยๆ

“ไปทางฝั่งตะวันออกนี่ดีกว่า!” หลิงหยุนตัดสินใจทันที จากนั้นทั้งคู่ก็ใช้วิชาตัวเบาเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับปีนหน้าผาได้อย่างไร้ปัญหา

ตู้กู่โม่รู้สึกแปลกใจจึงถามขึ้นมาว่า “นี่พ่อคนเก่ง.. ข้าไม่เข้าว่าทำไมเจ้าจึงต้องรีบร้อนกลับถึงเพียงนี้ เราสองคนกว่าจะมาโผล่ที่เสินหนงเจี๋ยได้ก็ลำบากยากเย็น ทำไมไม่อยู่เที่ยวเล่นก่อน จะต้องรีบกลับไปทำไมกัน?”

หลิงหยุนอธิบายเสียงเรียบ “ตอนนี้ฉันเองก็ไม่รู้ว่าวันนี้มันวันที่เท่าไหร่กันแน่ แต่ฉันได้รับปากกับหนิงน้อยไว้แล้วว่าจะไปงานเลี้ยงวันเกิดของเธอ ฉันก็ต้องกลับไปให้ทัน”

ความจริงแล้ว หลิงหยุนมีเหตุผลอื่นที่สำคัญกว่านั้น หลิงหยุนลงไปสำรวจก้นหลุมยักษ์โดยที่ไม่ได้บอกใครไว้ จู่ๆเขาก็หายตัวไปหลายวัน ทั้งฉินจิวยื่อและหนิงหลิงยู่ต่างก็ไม่สามารถติดต่อเขาได้เป็นเวลาหลายวันแล้ว

“หนิงน้อยคือใครกัน?”

“เอาเป็นว่าฉันต้องออกจากเสินหนงเจี๋ยเร็วที่สุดก็แล้วกัน นายอย่าถามมากมาย..”

หลิงหยุนไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะมานั่งอธิบาย เขาอุ้มเจ้าขาวปุยมุ่งหน้าไปทางหุบเขาด้านตะวันออกอย่างรวดเร็ว และตู้กู่โม่ก็แทบจะต้องเหาะตามให้ทัน..

หลังจากผ่านไปยี่สิบนาที.. ทั้งคู่ก็มาถึงหุบเขาที่เต็มไปด้วยพืชพรรณเขียวชะอุ่ม นกหลากหลายพันธุ์ต่างก็พากันส่งเสียงร้อง และปรากฏตัวออกมาให้เห็น

“ดูนั่นสิ.. ทางทิศใต้มีกลุ่มควันลอยขึ้นมา!” ตู้กู่โม่ร้องบอก

ระหว่างที่ทั้งคู่เดินเลาะไปตามป่าไม้และลำธาร แต่เมื่อมาถึงยอดเขาแห่งหนึ่งทางด้านตะวันออก พวกเขากลับพบกลุ่มควันพวยพุ่งมาจากทิศใต้

จุดที่มีควันไฟลอยขึ้นมานั้น น่าจะต้องมีคนอยู่.. หลิงหยุนกระโดดขึ้นไปบนยอดไม้ และมองไปทางทิศใต้ของหุบเขา เขาก็เห็นกลุ่มควันที่หนาแน่นอยู่ไกลออกไปราวหนึ่งกิโลเมตร

บนภูเขาสูงนั้น.. จะสว่างและเช้าเร็วกว่าพื้นข้างล่าง และนี่ก็เพิ่งจะหกโมงเช้า หลิงหยุนอดคิดไม่ได้ว่าใครกันที่จะเข้ามาก่อไฟในป่าเสินหนงเจี๋ยแห่งนี้?

“หรือว่าจะเป็นนายพรานที่อาศัยอยู่ใกล้ๆกับป่าแห่งนี้.. ลองเข้าไปถามทางจากพวกเขาก็น่าจะดี..”

หลิงหยุนเดาว่าน่าจะเป็นนายพรานที่เข้ามาล่าสัตว์ในเสินหนงเจี๋ย เขาจึงต้องการที่จะไปถามทาง เพราะอย่างน้อยก็น่าจะดีกว่าอ้อมแบบนี้

หลิงหยุนกระโดดลงไปที่พื้น แล้วทั้งสองคนต่างก็รีบมุ่งหน้าไปยังทิศทางของควันไฟ

เพียงแค่สองสามนาที ทั้งคู่ก็เดินไปได้ราวเจ็ดร้อยเมตร หลิงหยุนหยุดฟังเสียงเคลื่อนไหวที่อยู่ด้านหน้า

“มีอะไรเหรอ?” ตู้กู่โม่หยุดตามหลิงหยุนพร้อมกับร้องถามขึ้นมา

ด้วยความสามารถของพวกเขาทั้งคู่เวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่อาจหยุดพวกเขาทั้งคู่ได้แน่นอน

“ดูเหมือนจะเป็นเสียง..”

ตู้กู่โม่นั้นไม่ได้ยินเสียงอะไร แต่หลิงหยุนกลับได้ยินเสียงได้ในระยะไกล เขาจึงอดคิดไม่ได้ว่า หลิงหยุนนั้นน่าจะมีกำลังภายในที่เหนือกว่าตนเอง

“ดูเหมือนจะไม่ใช่ชาวจีน พวกเราต้องช้าลงหน่อย.. รอฟังดูว่าพวกเขากำลังคุยเรื่องอะไรกัน!”

ที่นี่เป็นป่าไม้ดั้งเดิม.. จึงค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพรรณไม้นานา การจะมองในระยะไกลจึงค่อนข้างลำบาก เพราะถูกบดบังด้วยต้นไม้พวกนั้น

หลิงหยุนเริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้น เพราะคนเหล่านั้นไม่ได้พูดภาษาจีน จึงน่าจะเป็นชาวต่างชาติ แต่ชาวต่างชาติพวกนี้มาทำอะไรในป่าลึกแห่งนี้?

คนสองคนกับสุนัขจิ้งจอกหนึ่งตัว ต่างก็แอบดูเหตุการณ์อยู่ในระยะห่างไกราวสสองร้อยเมตร และตอนนี้ตู้กู่โม่เองก็เริ่มจะได้ยินเสียงบ้างแล้ว

ไม่ใช่คนจีนจริงๆด้วย ฟังจากเสียงแล้วก็น่าจะมีหลายคน และดูเหมือนพวกเขากำลังพูดถึงอะไรบางอย่าง

“นั่นมันคนญี่ปุ่น! หรือจะเป็นนักฆ่า?!” ตู้กู่โม่เคยดูภาพยนต์แอคชั่นของญี่ปุ่น และจำได้ว่าภาษาที่พวกเขาใช้พูดนั้น เป็นภาษาญี่ปุ่นอย่างแน่นอน

แต่แล้วตู้กู่โม่เริ่มมีสีหน้าที่ขุ่นเคือง และเคียดแค้นจนถึงกัดกรามแน่น!

เมื่อเจ็ดสิบปีที่แล้ว ตระกูลตู้กู่ของเขาอาศัยอยู่บนเทือกเขาเหิงต้วน แต่เพราะการรุกรานของชาวญี่ปุ่นในอดีต ทำให้ผู้คนไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ แม้ตระกูลตู้กู่จะมียอดฝีมือมาก แต่ก็ยากที่จะต้านทานต่อการโจมตีของระเบิดที่ญี่ปุ่นใช้เครื่องบินนำมาทิ้งใส่ ยอดฝีมือของตระกูลตู้กู่ต้องตายลงอย่างมากมาย จนตระกูลตู้กู่แทบจะสูญสิ้น และต้องล่าถอยไปในที่สุด

แต่ถึงอย่างนั้น สุดท้ายแล้วพวกญี่ปุ่นก็ถูกขับไล่ออกไปจากผืนแผ่นดินจีน และตระกูลตู้กู่ก็ได้ตั้งรกรากอยู่ที่ตีนเขาแทน เพราะยังเคยชินกับการอยู่ตามเทือกเขา

แต่ความเกลียดชังชาวญี่ปุ่นก็ไม่ได้เลือนหายไป และความเกลียดชังนี้ก็ถูกปลูกฝังจากรุ่นสู่รุ่น แม้แต่ตู้กู่โม่เองที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ ยังเห็นคนญี่ปุ่นเป็นศัตรู แล้วจะไม่ให้เขารู้สึกโกรธแค้นได้อย่างไรกัน?

หลิงหยุนเองก็เคยได้ยินได้ฟังมาเช่นกัน..

คนกลุ่มนี้พูดภาษาญี่ปุ่น และเขาก็ได้ยินเสียงของคนราวเจ็ดหรือแปดคน หลิงหยุนได้แต่ขมวดคิ้ว..

แน่นอนว่าคนพวกนี้ไม่ได้เพิ่งมาถึงตอนเช้า เพราะมันยังเช้าเกินไปที่คนกลุ่มนี้จะเดินเข้ามาในป่าลึกได้ถึงเพียงนี้! แต่พวกเขาน่าจะเข้ามาในป่าแห่งนี้ได้ระยะหนึ่งแล้ว..

‘น่าแปลก.. คนพวกนี้เข้ามาในป่าแห่งนี้ทำไมกัน?’

“เราเข้าไปใกล้อีกนิดจะดีกว่า จะได้เห็นว่าพวกเขามาทำอะไร..” หลิงหยุนบอกตู้กู่โม่ด้วยท่าทีที่สงบบนิ่ง จากนั้นก็ยกมือขึ้นแตะริมฝีปากส่งสัญญาณให้เดินเบาๆ

ทั้งคู่เดินเข้าไปใกล้อีก และตอนนี้คนพวกนั้นก็อยู่ห่างจากทั้งคู่ราวสี่สิบเมตร ทั้งสองคนอาศัยต้นไม้อำพรางกาย และแอบบมองคนพวกนั้นอย่างระมัดระวังจากช่องว่างระหว่างพุ่มไม้

หลิงหยุนเห็นคนทั้งหมดเก้าคน.. เจ็ดคนกำลังยืนล้อมรอบลังไม้ขนาดใหญ่ และแต่ละคนก็ล้วนพกมีดยาวคนละเล่ม และปืนที่มีลักษณะคล้ายอาวุธสงคราม ดูเหมือนกำลังมีการแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่าง

รอบๆแค้มป์ไฟ มีเต๊นท์สนามเล็กๆอยู่สิบเต๊นท์ ดูจากลักษณะแล้ว คนพวกนั้นเพิ่งจะตื่นนอน และกำลังก่อไฟ

‘เป็นการเดินทางที่มีอุปกรณ์ค่อนข้างครบถวน!’

‘เหตุใดจึงเห็นเพียงแค่เก้าคน ในเมื่อมีเต้นท์ถึงสิบเต๊นท์? อีกคนอยู่ที่ใหนกัน?’

“พวกเขาน่าจะเป็นยอดฝีมือชาวญี่ปุ่น! ดูเหมือนหกคนนั่นจะอยู่ในขั้นโฮ่วเทียน-7ขึ้นไป!” ตู้กู่โม่มองฝ่ายตรงข้ามที่มีอาวุธครบมืออย่างขุ่นเคืองใจ

แม้จะสังเกตุการณ์อยู่ไกลๆ แต่หลิงหยุนก็ได้ยินเสียงพูดของทุกคนได้อย่างชัดเจน เขาต้องการรอดูอีกหน่อยว่าจะพบอะไรที่มากกว่านี้หรือไม่?

หลิงหยุนและตู้กู่โม่ต่างก็ไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่น ทั้งคู่เห็นพวกมันคุยกันไปแล้วก็หัวเราะกันไป แล้วจู่ๆก็มีคนเดินเข้ามาสมทบอีกหนึ่งคน

ไม่รู้ว่าผู้ที่เข้ามาใหม่พูดอะไร แต่ท่าทางของเขาดูลึกลับ และสีหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาทำเสียงเบาคล้ายกับกำลังพูดอะไรที่เป็นความลับ

หลิงหยุนพยายามตั้งใจฟังที่คนพวกนั้นพูดกัน และสามารถจับใจความจากปากของหัวหน้าทีมที่ย้ำคำว่า “หม้อ.. ฝา.. แล้วก็สมุด..”

หลิงหยุนถึงกับอ้าปากกว้างอย่างตกใจ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน และดูเหมือนจะเริ่มเข้าใจอะไรได้บ้าง!

คนญี่ปุ่นกลุ่มนี้น่าจะมาตามหาหม้อทองแดง และสมุดจักรพรรดิ?! และที่อยู่ในมือของคนผู้นั้นก็น่าจะเป็นฝาของหม้อทองแดง?!

หลิงหยุนถึงกับเหงื่อออกตามหน้าผาก.. ไม่ใช่เพราะความหวาดกลัว แต่เพราะความหวั่นใจ!

หลิงหยุนอดคิดไม่ได้ว่า.. โชคดีที่เขานึกจะเข้ามาถามเส้นทาง จึงได้ตัดสินใจเข้ามาที่นี่ ไม่เช่นนั้นแล้ว หากคนญี่ปุ่นเหล่านี้ไปค้นพบหุบเขาที่พวกเขาเพิ่งจากมา รับรองว่าสมุนไพรในหุบเขานั่น ต้องไม่ปลอดภัยอย่างแน่นอน! และนี่คือสิ่งที่เขาหวั่นใจ!

หัวหน้าทีมพูดพร้อมกับหยิบรูปถ่ายออกมาจากเสื้อ และจัดการวงกลมอะไรบางอย่างไว้ จากนั้นก็หันไปมองรอบๆดูลับๆล่อๆ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่าง และคนอื่นๆต่างก็แสยะยิ้มออกมา!

หลังจากนั้น.. หลิงหยุนก็ได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังเดินเข้ามา และคนญี่ปุ่นพวกนั้นต่างก็พากันหยุดพูดทันที และเริ่มพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

หลิงหยุนและตู้กู่โม่รู้ได้ทันทีว่าคนที่สิบได้กลับมาแล้ว! ฟังจากเสียงที่เดินด้วยความเร็วหลิงหยุนก็รู้ได้ว่าเป็นคนผู้นี้เป็นยอดฝีมือเช่นกัน

“คุณโทคุงาวะครับ ผมได้ไปสำรวจเส้นทางข้างหน้าแล้ว จากแผนที่นี้เราต้องเลี้ยวกลับไปที่เขาลูกที่เราผ่านมา และจากนั้นอีกไม่ไกลก็ใกล้ถึงจุดหมายที่เราจะไปแล้วล่ะครับ..”

เมื่อชายผู้นั้นปรากฏตัว เขาก็เดินไปยืนอยู่อยู่ด้านข้างของชายคนที่เก้า จากนั้นก็หันไปพูดกับชายญี่ปุ่นวัยกลางคน และทุกคนก็หัวเราะออกมา

หลิงหยุนหันมองไปตามนิ้วที่ชายคนนั้นชี้ไป และพบว่าพวกมันตั้งใจจะไปที่หุบเขาเล็กๆแห่งนั้นจริงๆด้วย ในใจของหลิงหยุนตกใจและต้องการจะฆ่าคนเหล่านี้มากยิ่งกว่าตู้กู่โม่เสียอีก

“พวกมันมีแผนที่ด้วยงั้นรึ?!”

“ข้าจะไปจัดการกับเจ้าคนทรยศศนั่น! หลิงหยุน.. หมอนั่นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า ข้าจะฆ่ามันด้วยตัวข้าเอง!” ตู้กู่โม่ร้องบอกหลิงหยุน

ชายคนที่สิบนั้นพูดภาษาจีน ตู้กู่โม่เพียงแค่เห็นหน้าก็รู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นชาวจีน จึงรู้สึกโกรธแค้นอย่างมาก

“มั่นใจได้ว่าพวกมันหนีไม่รอดแน่ แต่หมอนั่นต้องเก็บไว้ฆ่าเป็นคนสุดท้าย ฉันมีเรื่องต้องถามมันหลายอย่าง!”

หลิงหยุนพูดกับตู้กู่โม่ตรงๆ และแน่นอนว่าคนเหล่านี้จะไม่สามารถมีชีวิตรอดออกไปได้อย่างแน่นอน!

“คุณเฉิน.. คุณทำงานได้ดีมากเลยทีเดียว ผมเชื่อว่าความร่วมมือระหว่างตระกูลโทคุงาวะของผม และตระกูลเฉินของคุณจะเป็นไปกันได้ด้วยดี!” โทคุงาวะพูดภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว

หัวหน้าทีมโทคุงาวะพยักหน้าอย่างพออกพอใจ แม้เขาจะยิ้มและพูดจาสุภาพดูเป็นมิตรต่อมิสเตอร์เฉิน แต่สายตาของเขานั้นกลับเต็มไปด้วยความเหยียดหยัน!

สายตาของโทคุงาวะที่มองมิสเตอร์เฉินนั้น ไม่ต่างจากสายตาที่มองสุนัขตัวหนึ่ง!

“ขอบคุณคุณโทคุงาวะมากครับ ผมตั้งใจที่จะช่วยงานคุณ และมั่นใจว่าคุณจะได้ของที่ต้องการ!”

มิสเตอร์เฉินยิ้มอย่างประจบสอพลอให้กับโทคุงาวะราวกับทาสผู้ซื่อสัตย์ หลิงหยุนและตู้กู่โม่ต่างก็มองอย่างสะอิดสะเอียน..

โทคุงาวะหัวเราะและชาวญี่ปุ่นคนอื่นๆก็หัวเราะด้วย

“คุณเฉิน.. นี่เป็นสัตว์ป่าที่พวกเราเพิ่งจับได้ มาย่างกินกันดีกว่า! ประเทศจีนมีผืนแผ่นดินที่กว้างใหญ่ และในป่าเสินหนงเจี๋ยแห่งนี้ก็มีสัตว์หายากอยู่มากมาย ช่างเป็นการเปิดหูเปิดตาจริงๆ!”

ทันทีที่โทคุงาวะพูดจบ คนอื่นๆต่างก็พากันหัวเราะและลุกขึ้นยืน และเดินตรงไปยังพุ่มไม้ แต่ละคนต่างก็ถือสัตว์ที่มีเลือดอาบในมือ แต่ละตัวล้วนมีสีขาว.. และแม้มีแม้แต่ลิงขนทอง..

สัตว์ที่หายากเหล่านี้.. พวกมันไม่รู้จักแม้แต่จะหลบซ่อนจากผู้คน จึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับยอดฝีมือเหล่านี้ที่จะล่าพวกมัน

“คุณเฉิน.. ผมนี่ชอบกินสมองลิงที่สุดเลย! นี่เป็นลิงขนทองแห่งเสินหนงเจี๋ย ผมจับได้เพียงแค่ตัวเดียว คุณเฉินอยากจะลองบ้างไม๊?”

โทคุงาวะชี้ไปยังลิงสีทองที่กำลังดิ้นรนอย่างดุร้าย พร้อมกับถามมิสเตอร์เฉินอย่างสุภาพ

เมื่อหลิงหยุนเห็นว่าพวกมันกำลังจะเตรียมอาหารเช้า เขาจึงไม่จำเป็นต้องรออีกต่อไป และถามตู้กู่โม่ว่า “พวกมันมีกันทั้งหมดสิบคน เราจะจัดการพวกมันยังไง?”

ตู้กู่โม่พูดอย่างกะตือรือร้นหลังจากที่รอมานาน “ข้าจะหาทางจัดการกับคนญี่ปุ่นทั้งสี่คนที่ไม่มีวิทยายุทธก่อน จากนั้นที่เหลือยอดฝีมืออีกหกคน แบ่งกันคนละสาม!”

หลิงหยุนจัดการหักนิ้วพร้อมกับกระซิบว่า “ไม่ได้.. พวกมันมีอาวุธติดตัวกันมาทุกคน ฉันคนเดียวสามารถจัดการได้พร้อมกันหกคน ฉันจะออกไปก่อน จากนั้นก็จะเหลือแค่สาม ฉันจัดการหนึ่ง นายจัดการอีกสอง?”

ตู้กู่โม่ตอบว่า “ข้ายังไม่เห็นกำลังภายในของโทคุงาวะ ดูเหมือนมันน่าจะเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนแล้ว ข้าจะจัดการกับมันเอง มันเป็นหัวหน้า คงต้องมีผู้คุ้มกันอยู่แล้ว เจ้าจัดการคนอื่นๆเสร็จแล้วค่อยกลับมาช่วยข้า!”

หลิงหยุนหัวเราะอย่างมั่นใจ “ไม่ต้องห่วงข้ามีเจ้าขาวปุยอยู่ด้วย”

หลิงหยุนแอบส่งสัญญาณบอกเจ้าขาวปุยว่า ระหว่างที่เขากับตู้กู่โม่กำลังต่อสู้กับคนพวกนั้น ให้มันทำหน้าที่คอยระวังอย่าให้มีใครหนีออกไปได้ เจ้าขาวปุยและหลิงหยุนเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา ทั้งคู่จึงเข้าใจกันได้ดี มันจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจ

“เอาล่ะ.. เข้าไปข้างหน้าอีกสิบเมตร!”

หลิงหยุนจัดการโคจรดารกะดายันทั่วทั้งตัว จึงไม่สนใจกับขวากหนามของต้นไม้ จากนั้นก็ใช้มังกรพรางร่างเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอีกสิบเมตร

ลักษณะของหลิงหยุนราวกับมังกรที่แข็งแกร่ง และคล้ายกับเทพที่ลงมาจากสวรรค์!

หลิงหยุนเรียกตะปูออกมาสิบกว่าดอกเพื่อทำการซัดใส่คนพวกนั้น..

ฟิ้ว.. ฟิ้ว.. ฟิ้ว.. ความเร็วของตะปูในมือหลิงหยุนนั้นรวดเร็วอย่างที่สุด เพราะเพียงแค่พริบตาเดียว คนที่ไม่มีวิทยายุทธก็ถูกตะปูของหลิงหยุนพุ่งเข้าใส่!

อีกทั้งยอดฝีมือญี่ปุ่นอีกสองคนที่ใช้มือเปล่าจับตะปู แต่ก็ยังช้าเกินไปนั้น ก็ได้รับบาดเจ็บจนเหลือดไหลออกมาเช่นกัน!

ส่วนอีกสามคนรวมทั้งมิสเตอร์เฉิน พวกเขาต่างก็มีปฏิกิริยาที่รวดเร็วกว่า และสามารถหลบตะปูซัดของหลิงหยุนได้..

แต่หลิงหยุนเองก็รวดเร็วมากเช่นกัน เขาสะบัดข้อมืออีกครั้ง และตะปูจำนวนมากก็พุ่งออกจากมือของเขา คนญี่ปุ่นอีกสองคนได้รับบาดเจ็บ พวกมันต่างก็พากันเอามือกุมที่ใบหน้า!

หลิงหยุนเป็นนักสู้ และเขาไม่เคยปราณีใคร! และยิ่งมีเจ้าขาวปุยอยู่ด้วย เขาก็ยิ่งไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครหลบหนีไปได้!

ยอดฝีมือชาวญี่ปุ่นสองคนที่บาดเจ็บนั้น ก็เพิ่งผ่านเข้าสู่ขั้นโฮ่วเทียน-8มา แต่ยังมีการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้า จึงไม่สามารถหนีพ้น และถูกตะปูซัดเข้าเช่นกัน!

“นี่มันอะไรกัน?” โทคุงาวะไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้พบยอดฝีมือเช่นนี้ในป่าลึกของเสินหนงเจี๋ย

ยอดฝีมืออีกสองคนที่ทำหน้าที่คุ้มครองโทคุงาวะนั้นมีความรับผิดชอบในหน้าที่สูงมาก และเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน ทั้งคู่หยิบอาวุธออกมา และกระโจนเข้าหาหลิงหยุนที่อยู่ไกลออกไปยี่สิบเมตร!

พวกมันต่างก็ไม่รู้ว่าฝั่งหลิงหยุนนั้นมีกี่คน และคิดว่าหลิงหยุนน่าจะเป็นคนขององค์กรลับของจีนเป็นผู้ส่งมาขัดขวางพวกเขา

ชัวะ!!

เสียงกระบี่ของตู้กู่โม่ที่รอจังหวะอยู่แล้ว แทงเข้าใส่ยอดฝีมือของโทคุงาวะ

และนี่คือลักษณะของตู้กู่โม่เมื่อเขาเผชิญหน้ากับศัตรู ตู้กู่โม่เผยให้เห็นอีกด้านที่เหี้ยมโหดของตนเอง เขาไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไร และจัดการลงมือสังหารฝ่ายตรงข้ามทันที

ระหว่างนั้น.. มิสเตอร์เฉินเองที่กำลังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ด้วยความรวดเร็ว เขาได้ไปหลบซ่อนอยู่หลังต้นไม้ใหญ่เพื่อดูว่าเป็นใครกันแน่ที่กำลังโจมตีพวกเขาอยู่

ฝั่งเขาถูกโจมตีอย่างรุนแรง มิสเตอร์เฉินกำลังดูท่าทีว่าฝ่ายใดจะชนะ หากโทคุงาวะเป็นฝ่ายได้เปรียบ เขาก็จะกระโดดออกไปช่วย แต่หากไม่.. เขาก็เตรียมที่จะหนีเอาตัวรอด..

คนที่เพิ่งผ่านขั้นโฮ่วเทียน-7มา คงยากที่จะหนีการไล่ล่าที่รวดเร็วของเจ้าขาวปุยได้ หลิงหยุนไม่พอใจคนสกุลเฉินมาก

สองยอดฝีมือที่คุ้มครองโทคุงาวะนั้น เข้าสู่ขั้นโฮ่วเทียน-9 ขั้นสูงสุดแล้ว ต่างก็ร้องบอกกัน และพุ่งเข้าโจมตีตู้กู่โม่พร้อมกัน

หลิงหยุนมองตู้กู่โม่ที่กำลังถูกคนทั้งสามรุม เขาจึงใช้มังกรคำรามส่งเสียงออกมาเพื่อยับยั้งความรวดเร็วของพวกมันให้เคลื่อนที่ได้ช้าลง จากนั้นก็เรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมา และใช้มังกรพรางร่างเคลื่อเข้าไปอย่างรวดเร็ว!

“นั่นมันกระบี่จักรวาล!”

โทคุงาวะและยอดฝีมือทั้งสองที่คุ้มครองเขาอยู่ เมื่อได้เห็นกระบี่ของหลิงหยุนก็ถึงกับเย็นยะเยือกไปทั่วทั้งสันหลัง และเมื่อหันกลับไปมอง ก็พบกระบี่สีดำยาวพร้อมด้วยสัญญาณการสังหารที่เลือดเย็น