ณ ลานบ้านของฮูหยินใหญ่เฉิงเต็มไปด้วยเหล่าแม่นมและสาวใช้ ทั้งยังมีแม่นมและสาวใช้คนอื่นๆ ที่ถูกเรียกพากันวิ่งมา ไกลออกก็มีเหล่าแม่นมและสาวใช้ที่ยังคงงุนงงเอ่ยถามซึ่งกันและกัน
“เกิดอะไรขึ้นหรือ”
“รีบไปดูแม่นางบ้าผู้นั้นกลับมาน่ะสิ”
“แม่นางบ้านั่นมีอะไรน่าดูกัน ระวังตกใจล่ะ มองมากเข้าจะซวยเอา”
“ไม่ใช่คนบ้า แต่เป็นหญิงงามต่างหาก!”
“ตกลงคนบ้าหรือหญิงงามมากันแน่”
ลานบ้านตระกูลเฉิงเสียงจอแจไม่หยุดหย่อน ทว่าคนที่อยู่ใกล้กับฮูหยินใหญ่เฉิงกลับไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยคำใด แม่นมและสาวใช้ยิ่งกลั้นหายใจไม่กล้าส่งเสียง ส่วนผู้คนที่นั่งกันอยู่เต็มห้องโถงก็เงียบสงัดจนแทบได้ยินเสียงฝีเข็ม สายตาของทุกคนจ้องมองไปที่หญิงสาวที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือของฮูหยินใหญ่เฉิง
มือข้างหนึ่งของหญิงผู้นั้นกำลังรั้งแขนเสื้อขึ้น ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ยกชาขึ้นดื่ม… เอ่อ ไม่ใช่ชา ยามเหล่าสาวใช้ยกชาเข้ามาให้ สาวใช้ที่นั่งอยู่ด้านหลังของนางก็เอ่ยท้วงด้วยรอยยิ้ม
“นายหญิงของข้าไม่ดื่มชา ขอเปลี่ยนเป็นน้ำเปล่าได้หรือไม่” นางเอ่ย
สาวใช้นางนี้ใบหน้ายิ้มแย้ม ท่าทางดูผ่อนคลาย ดูไม่เหมือนกับคนที่เพิ่งมาเยือนแปลกที่เลยแม้แต่นิด
อ๋อ ใช่แล้วละ สำหรับนางแล้ว ที่นี่ก็ไม่ถือว่าต่างถิ่นแต่อย่างใด สาวใช้นางนี้เคยมาที่นี่
แม่นมข้างกายฮูหยินรองเฉิงหรี่ตามองอย่างตั้งใจอยู่นานสองนาน ภาพความทรงจำของสาวใช้ร่างสั่นเครือที่ถูกตบจนน้ำตาไหลนองหน้าก็ปรากฏขึ้นมา
สาวใช้นางนี้ก็กลับมาด้วยหรือนี่
หญิงสาวถอดหมวกคลุมหน้าออก สวมเสื้อผ้าสีเข้มเช่นเดียวกับหมวกคลุมหน้า มีเพียงแขนเสื้อกว้างเท่านั้นที่กุ้นขอบตกแต่ง ส่วนกระโปรงผืนยาวนั้นก็เป็นสีล้วนเช่นกัน เส้นผมแสกกลางปักด้วยหวีเล็กสีเงิน นอกจากนั้นก็ไม่มีเครื่องประดับใด แขนเสื้อที่ถูกยกขึ้นสูงบดบังใบหน้าของนางไปกว่าครึ่งหนึ่ง
แขนเสื้อกว้างที่คล้อยลงมาพลิ้วไหวเหมือนดั่งท่วงท่ากิริยาของหญิงผู้นี้
แขนเสื้อถูกรวบเก็บแล้ววางลงบนตัก ถ้วยชาถูกดันออกห่าง คนในห้องจึงพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก ราวกับว่าในที่สุดก็ได้เวลาพูดคุยโดยไม่ขัดจังหวะแม่นางผู้นี้เสียที
“เจ้า หายดีแล้วจริงๆ หรือ” ฮูหยินหวังถามขึ้นเป็นคนแรก แม้นางจะพินิจพิจารณาเฉิงเจียวเหนียงนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่เดินเข้าประตูมาจนถึงตอนนี้แล้วก็ตาม
“ร่างกายของข้านับว่าแข็งแรงใช้ได้” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะส่งยิ้มบางให้นาง
ฮูหยินหวังชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะยื่นมือออกไป
“เช่นนั้น… นี่กี่นิ้ว” นางถาม
เมื่อคำนั้นเอ่ยออกไป คนทั้งห้องก็ตกตะลึงในทันที
“ห้านิ้วเจ้าค่ะ” เฉิงเจียวเหนียงสีหน้ายิ้มแย้ม ทั้งยังเอ่ยพลางหัวเราะออกมา
นับเลขเป็นนี่! แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ฮูหยินหวังดีใจยิ่งนัก ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ดียิ่งนัก” นางเอ่ยพลางลุกยืนขึ้น “เช่นนั้นข้าขอตัวลา”
คนอื่นยังคงเหม่อลอย ทว่าเฉิงเจียวเหนียงนั้นลุกยืนขึ้นก่อนจะโค้งคำนับลา
คนในห้องเพิ่งได้สติก่อนพากันลุกขึ้นยืนจนวุ่นวายไปหมด
“นั่งลงเถิด นั่งลงเถิด” ฮูหยินหวังยิ้มเอ่ยก่อนจะก้าวเท้าเดินออกไป
ฮูหยินใหญ่เฉิงรู้ดีว่าในใจของนางคงกังวัลเรื่องท่านชายหวังสิบเจ็ดอยู่ หากไม่ต้องมาสำรวจเฉิงเจียวเหนียงอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ นางคงกลับเรือนไปตั้งนานแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่ได้เอ่ยรั้งไว้ ก่อนจะเดินไปส่งด้วยตนเอง
“ไม่เลว ไม่เลว แหมท่านพี่ ท่านนี่ก็เหลือเกิน แม่นางน้อยเป็นคนดีถึงเพียงนี้ ท่านจะกังวลใจไปใย” ฮูหยินหวังเอ่ยด้วยรอยยิ้ม พลางก้าวเดินอย่างฉับไว
ฮูหยินใหญ่เฉิงสีหน้ายุ่งเหยิง
“แต่ก่อน นางไม่ได้ดีเช่นนี้…” นางเอ่ย พูดจบก็หยุดเดินลง “ยามนี้เองก็ไม่ได้รู้ว่าดีขึ้นสักเท่าใด… คนจะดีหรือไม่ ใช่ว่าอยู่ที่รูปร่างหน้าตา…”
ฮูหยินหวังเหลียวหลังมายิ้มให้
“ชายสิบเจ็ดของข้า ไม่ได้ดูคนที่หน้าตาเพียงอย่างเดียวหรอกเจ้าค่ะ” นางยิ้มเอ่ยพลางยกมือขึ้นโบกไปมา “หน้าตาเช่นนี้ จะหาที่ไหนได้อีก”
ฮูหยินใหญ่เฉิงมองดูฮูหยินหวังนั่งรถที่เคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว นางยืนเหม่อลอยอยู่ที่หน้าประตูรอง
เสียงฝีเท้ารีบเร่งดังขึ้นมาจากด้านหลัง พร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคัก
“เร็วเข้า รีบไปดูหญิงงามกัน”
“คือคนบ้าผู้นั้นจริงๆ หรือ”
ฮูหยินใหญ่เฉิงหันหลังกลับ ก็เห็นแม่นมและสาวใช้พากันวิ่งให้วุ่นวาย ทันใดนั้นสีหน้าก็บึ้งตึงขึ้นมาในทันใด
แม่นมข้างกายกระแอมขึ้นมา
เหล่าแม่นมและสาวใช้ที่เพิ่งเห็นฮูหยินใหญ่เฉิงก็ตกใจจนคุกเข่าลงแล้วโขกหัวกับพื้น
ฮูหยินใหญ่เฉิงเองก็คร้านจะลงโทษพวกนาง เพียงแต่ในใจนั้นรู้สึกกระวนกระวาย อธิบายไม่ถูกว่ารู้สึกเช่นไร
คราวก่อนที่แม่นางน้อยกลับมา เป็นเพราะเคาะประตูยามดึกดื่นจนทะเลาะกันเสียงดังวุ่นวายไปหมด ทั้งยังทำให้สะใภ้ทั้งสองอย่างพวกนางบาดหมางกันมาจนถึงตอนนี้
คราวนี้นางกลับมาอย่างสง่าผ่าเผย ทว่าก็ก่อเรื่องวุ่นวายไม่น้อย… ไม่รู้ว่าต่อไปจะมีเรื่องอันใดให้รำคาญใจอีก
ฮูหยินใหญ่เฉิงยกมือขึ้นนวดขมับ ก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าไปข้างใน
แต่ว่า…
นางหยุดฝีเท้าลงอีกครั้ง
หายดีแล้วจริงๆ หรือ ไม่บ้าแล้วหรือ
หายดีได้จริงๆ หรือ โรคที่เป็นตั้งแต่กำเนิดก็หายดีได้หรือ
หรือว่าจะเหมือนกับคราวก่อนที่เดินทางจากปิ้งโจวมานับพันลี้ ที่จริงแล้วล้วนแต่เป็นแผนการและฝีมือของสาวใช้นางนั้นทั้งหมด
อ๋อ ใช่ สาวใช้นางนั้น สาวใช้ที่หนีไปกับตระกูลโจว เหตุใดถึงกลับมาอีกเล่า
นางก้าวเท้าเดินต่อ รู้สึกเพียงว่าในหัวสับสนวุ่นวายไปหมด พอเดินมาถึงหน้าประตูเรือน ก็เห็นว่าผู้คนที่นั่งอยู่เต็มเรือนเมื่อครู่หายไปหมดแล้ว เหลือเพียงสาวใช้และแม่นมที่อยู่เวรยามกำลังซุบซิบอะไรกันบางอย่าง
“ไปไหนกันหมดแล้ว” นางถามอย่างประหลาดใจ
แม่นมและสาวใช้ยืนหลังตรงในทันที
“ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินรองพาออกไปแล้วเจ้าค่ะ” แม่นมนางหนึ่งตอบ
ฮูหยินรองพาออกไปแล้วอย่างนั้นหรือ
ฮูหยินใหญ่เฉิงใบหน้าขุ่นเคืองขึ้นมาในทันใดก่อนจะกัดฟันกรอด ดูเถิด ดูเถิด ยามเป็นบ้าก็ผลักไสไล่ส่งให้นางดูแล ยามนี้หายดีแล้วกลับแย่งไปเสียอย่างนั้น
ทำเพื่อนางอย่างนั้นหรือ ใช่ก็แปลกแล้ว คิดวางแผนชั่วอันใดอีกล่ะสิท่า
“เจียวเหนียง เจ้าดูสิ นี่คือเรือนของเจ้า”
ฮูหยินรองเฉิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม พลางเดินนำเฉิงเจียวเหนียงให้ก้าวเข้าประตูเรือนมา
เหล่าแม่นมและสาวใช้ในเรือนพากันหลีกทางให้ในทันใด พลางตั้งใจมองดูหญิงสาวที่ก้าวเดินอย่างเชื่องช้า
ด้านหลังของพวกนางมีแม่นางเฉิงเจ็ด แม่นางเฉิงหก และเหล่าพี่สาวน้องสาวคนอื่นๆ ถัดจากนั้นไปอีกก็มีแม่นมและสาวใช้ของเหล่าแม่นาง หลังจากนั้นไปอีกก็เป็นแม่นมและสาวใช้คนอื่นๆ ที่พากันวิ่งโร่ตามมาจากเรือนของฮูหยินใหญ่เฉิง ด้านนอกประตูก็มีคนยืนต่อแถวกันเป็นหางว่าว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหล่าแม่นมและสาวใช้ที่หลบซ่อนตัวเพื่อแอบถามข่าวคราวอยู่ริมทาง
“ท่านพ่อของเจ้าไม่อยู่ ข้าให้คนไปบอกข่าวแก่เขาแล้ว รอเขาเลิกงานกลับเจอเจ้าก็แล้วกัน” ฮูหยินรองเฉิงเอ่ย พลางเดินนำเฉิงเจียวเหนียงเข้ามาในห้องโถง
“เร็วเข้า นั่งพักเสียหน่อย”
“ฮูหยิน ห้องของนายหญิงอยู่ที่ใดหรือเจ้าคะ” ปั้นฉินเอ่ยถาม “นางหญิงของข้าอยากจะอาบน้ำ พักผ่อนสักเล็กน้อย”
ฮูหยินรองเฉิงจ้องมองสาวใช้ก็นึกออกในทันใดว่านางคือใคร
ตอนนั้นนางไม่ยอมเป็นแม่ครัวให้แก่แม่นางเจ็ด จึงถูกตบหน้าดังฉาด ตกใจหวาดกลัวราวกับนกน้อยก่อนจะวิ่งหนีไป จากนั้นพอท่านชายหนุ่มน้อยจากตระกูลโจวมาเยือน พูดหว่านล้อมเพียงไม่กี่คำก็วิ่งโร่ตามเขาไป
การจากไปในคราวนั้นของนางดูท่าทางคงไม่ได้สูญเปล่า คงได้เรียนรู้การงานมาบ้าง ดูท่าทางหยิ่งผยองนั่นสิ ดูผ่อนคลายเสียยิ่งกว่าคนเป็นเจ้าของบ้านอีก
ฮูหยินรองเฉิงแอบหัวเราะอยู่ในใจ
สาวใช้นางนี้ไม่ธรรมดาเลย
“นั่นสิ ข้าดีใจจนลืมไปเสียหมด” นางเอ่ยด้วยรอยยิ้มพลางหันไปมองแม่นมข้างกาย “ฮูหยินใหญ่เป็นคนจัดการเรื่องห้องหับของเจียวเหนียงใช่หรือไม่”
แม่นมไหวพริบเฉียบแหลมจึงเข้าใจในทันใด
“เจ้าค่ะ” นางตอบทว่าสีหน้ากลับดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “เพียงแต่ฮูหยินเจ้าคะ ห้องนั้นไม่มีคนอยู่มาตั้งนานแล้ว ผ่านมาทั้งฤดูร้อนฤดูใบไม้ร่วง ทั้งร้อนทั้งชื้น ยามนี้อากาศก็เริ่มหนาวอีก ถึงจะเก็บกวาดได้ แต่หากให้คนเข้าอยู่เกรงว่าจะไม่ดีนัก…”
ทันใดนั้นก็มีเสียงซ่าดังขึ้น
ฮูหยินใหญ่เฉิงคว่ำถ้วยชาในมือ น้ำชาสาดกระเซ็นไปทั่วถาดรอง สาวใช้รีบร้อนคลานเข้าไปเก็บกวาด
“นางพูดเช่นนั้นหรือ” นางขมวดคิ้วถาม
แม่นมตอบเสียงแผ่ว
“เพราะเช่นนั้นฮูหยินรองจึงให้แม่นางเฉิงพักกับแม่นางเจ็ดเป็นการชั่วคราวก่อน” นางตอบ “ส่วนนางก็พาคนไปทำความสะอาดเรือนริมสระบัวด้วยตัวเอง”
“ข้ากำชับให้นางเตรียมเก็บกวาดแล้วไม่ใช่หรือ” ฮูหยินใหญ่เฉิงกัดฟัดกรอดเอ่ยน้ำเสียงขุ่นเคือง “จัดฉากสร้างเรื่องให้ข้าเป็นผู้ร้าย แล้วจะมีประโยชน์อันใดต่อนางกัน”
“แน่นอนว่ามีประโยชน์เจ้าค่ะ” แม่นมตอบ “ฮูหยิน ตอนนี้ดูท่าทางแล้วแม่นางเจียวเหนียงคงหายดีแล้วจริงๆ …”
“จะหายดีได้อย่างไร” ฮูหยินใหญ่เฉิงถามอย่างไม่สบอารมณ์นัก “หน้าตาดีหรือ เดิมทีนางก็หน้าตาเช่นนี้ คราวก่อนที่นางกลับมา ใครใช้ให้พวกเขาไม่ดูเอง เดินแล้วอย่างนั้นหรือ คราวก็ที่มาก็เดินเข้ามา พูดได้อย่างนั้นหรือ คราวก่อนก็เรียกท่านพ่อเสียเต็มปากเต็มคำ เหมือนเดิมทุกอย่าง จะมาบอกว่าหายดีได้อย่างไร ก็แค่ตระกูลโจวจัดฉากมาดีเท่านั้น….”
ตระกูลโจวจัดฉากมาดีอย่างนั้นหรือ….
ฮูหยินใหญ่เฉิงหยุดพูดก่อนจะปรบมือในทันใด
ถึงว่าละนางรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกชอบกล คราวนี้ตระกูลโจวคงเตรียมจัดฉากให้แม่นางน้อยผู้นี้มาอย่างดีสินะ!
แล้วเหตุใดพวกเขาถึงต้องทำเช่นนั้น เพื่อปกป้องหลานสาวของตนเองอย่างนั้นหรือ ถุย ผู้ใดจะเชื่อกัน!
“ข้าเองก็คิดอยู่เหมือนกันว่านี่ก็ผ่านมานานแล้วเหตุใดพวกเขาถึงไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลย นึกว่าจะตัดใจไม่มาก่อกวนตระกูลเราอีกแล้ว… ส่วนเรื่องสินเดิมของเจียวเหนียง ที่แท้ก็มีคนชักใยอยู่เบื้องหลังที่นี่…” นางเอ่ยน้ำเสียงเย้ยหยันก่อนจะเผยยิ้มออกมา
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ตระกูลโจวจัดขบวนตั้งธงตีกลองโห่ร้องมาส่งนางเสียใหญ่โต คนทั้งเมืองต่างก็รู้ว่าเจียงเหนียงของตระกูลเราไม่ได้เป็นเหมือนแต่ก่อนแล้ว ฮูหยินรองเจ้าเล่ห์เสียขนาดนั้น จะปล่อยโอกาสนี้หลุดลอยไปได้อย่างไร เพียงแต่เล่าลือกันมาว่า…” แม่นมกดเสียงต่ำ “หากทำอะไรไม่ถูกใจนางเข้า นางจะก่อเรื่องวุ่นวายให้ หากเป็นแต่ก่อนนางจะโวยวายเช่นไรก็คงไม่มีผู้ใดสนใจ…”
คนทั้งเมืองต่างก็รู้ดีว่าเฉิงเจียวเหนียงเป็นเด็กบ้า เด็กบ้าคนหนึ่งแต่งงานออกเรือนได้ก็นับว่าโชคดียิ่งนัก แถมฮูหยินใหญ่เฉิงก็เลือกคู่ให้อย่างดีจนไม่รู้จะหาผู้ใดที่ดีกว่านี้ได้แล้ว หากฮูหยินรองเฉิงพูดอะไรออกไป ก็คงไม่มีผู้ใดเชื่อ
ทว่ายามนี้กลับต่างออกไป เด็กบ้าคนนั้นปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนอย่างสง่างาม วันรุ่งขึ้นข่าวคงแพร่ไปทั่วเมือง หากฮูหยินรองเฉิงพูดอะไรเกี่ยวกับเฉิงเจียวเหนียงออกไป ชาวเมืองคงเก็บเอาไปถกเถียงกันเป็นแน่…
“ฮูหยินรองเห็นว่าเด็กคนนี้มีประโยชน์ต่อตน ไม่ใช่เด็กบ้าปัญญาอ่อนอีกต่อไป ถึงได้วิ่งโร่จับใส่กรงไว้ พอถึงเวลาก็เอาอกเอาใจเสียหน่อย อยากได้สิ่งใดก็ประเคนมาให้ ฮูหยินเจ้าคะ หากเป็นเช่นนั้นคงจะ…” แม่นมส่ายหน้าพลางส่งเสียงระอาใจ
นางบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าเด็กบ้าคนนี้นำพามาแต่ความวุ่นวาย! ฮูหยินใหญ่เฉิงกัดฟันกรอด
“ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินหวังก็ดูถูกใจนางไม่น้อย ท่านชายเองก็กลับมาแล้ว รีบหาทางไล่นางออกไปจากเรือนเถิดเจ้าค่ะ” แม่นมเอ่ย “หากปล่อยนานวันเข้า เกรงว่าจะไม่เป็นการดี”
ฮูหยินใหญ่เฉิงพยักหน้ารับ
“พวกเจ้าก็อย่าได้นิ่งเฉย ไปเอาเสื้อผ้าของใช้ไปให้นางด้วย” นางเอ่ย
แม่นมขานรับก่อนจะออกจากห้องไป
“เร็วเข้า เร็วเข้า ไปที่คลังเก็บของ” นางตะโกนบอกเหล่าแม่นม
ภายในเรือนโกลาหลวุ่นวายในทันใด