มู่เฉียนซี “ก็อาจจะใช่ แต่ว่าน่าหลานอวี้ ความสงสัยของเจ้ามันมากไปหน่อยหรือไม่ ?”
น่าหลานอวี้ “ซวนหยวนจิ่วเยี่ยเป็นคนลึกลับที่สุดที่ข้าเคยพบเจอมา และก่อนหน้านี้เขาเอาแต่ใส่หน้ากากไม่ยอมเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริง ได้ยินมาว่าเขานั้นถูกไฟคลอกที่ใบหน้าจึงได้เป็นเช่นนั้น เจ้าแน่ใจนะว่าชายผู้นั้นรูปงามกว่าข้า”
น่าหลานอวี้จ้องมองมู่เฉียนซีด้วยดวงตาฉงนสงสัยคู่นั้น
มู่เฉียนซีถอนหายใจพลางกล่าว “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว จิ่วเยี่ยเป็นบุรุษรูปงามราวเทพเซียน เขาดูดีมากที่สุดรองจากท่านอาเล็กของข้า”
“เช่นนั้นเจ้าก็ชอบเขาเข้าแล้วใช่หรือไม่ ?” น่าหลานอวี้กล่าวหยอกเย้า ไม่ทราบเช่นกันว่าเพราะเหตุใดเขาถึงได้เอาตนเองไปเปรียบเทียบกับจิ่วเยี่ย และถามคำถามเช่นนี้ออกมา
คนที่เขาชอบนั้นคือมู่ซีมิใช่รึ ?
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างมั่นใจ “ใช่แล้ว ข้าชอบเขามาก”
น่าหลานอวี้กล่าวอย่างขมขื่น “ดูท่าอีกไม่นานคงจะได้อวยพรงานแต่งงานของผู้นำตระกูลมู่เสียแล้ว”
— ปัง! —
มู่เฉียนซีแสนหมั่นไส้ นางทนไม่ไหวเตะน่าหลานอวี้ออกไป
“น่าหลานอวี้เจ้าพูดไร้สาระอะไรกัน ? จิ่วเยี่ยเขาดีมาก แน่นอนว่าข้าต้องชอบเขา แต่ข้าไม่เคยคิดที่จะแต่งงานกับเขา สำหรับข้า เขานั้นเป็นเหมือนญาติที่สนิทที่สุด เขามีความสำคัญเสมือนดั่งมิตรสหาย”
“จริงรึ ?” น่าหลานอวี้ตื่นเต้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
มู่เฉียนซีถามขึ้น “นายน้อยน่าหลาน คืนนี้เส้นประสาทเส้นไหนของเจ้ามีปัญหาอะไรหรือไม่ ? ข้าว่าเจ้าแปลก ๆ ไป”
น่าหลานอวี้ลูบน้าผากของตนเอง ปากก็กล่าวอย่างมึนงง “ข้าเองก็ไม่รู้ ข้ารู้สึกว่าข้าจะต้องใจเย็น ๆ เสียหน่อย” น่าหลานอวี้เดินกลับไปที่โรงเตี๊ยมกับมู่เฉียนซีด้วยอารมณ์วุ่นวาย ไม่กี่วันต่อมา มู่เฉียนซีประสบความสำเร็จในการค้าที่เมืองลับ นางกวาดสิ่งของมาจำนวนไม่น้อยและเตรียมตัวกลับแคว้นชิง
เมื่อพวกเขาเดินออกจากเมืองลับ น่าหลานอวี้กล่าวเสียงต่ำว่า “มู่เฉียนซี ดูท่าพวกเราคิดจะจากเมืองนี้ไปอย่างสงบ คงไม่ง่ายดายเช่นนั้น”
เวลานี้ที่ประตูเมือง จินหลู่ นายน้อยแห่งสํานักจินติ่งพายอดฝีมือระดับจักรพรรดิมาดักรอที่ด้านนอก
ชายชราหนึ่งในนั้นกล่าวว่า “นายน้อยจิน เจ้าหนูที่ดูอ่อนหัดกับสตรีอีกนางทางนั้น คือคนที่ทำร้ายท่านใช่หรือไม่ ?”
มู่เฉียนซีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เสียงของชายผู้นี้คุ้น ๆ ราวกับว่าตอนที่อยู่ในโรงประมูลใต้ดิน เขาคือคนที่แข่งประมูลกับนาง แต่ทว่าสุดท้ายก็ไม่สามารถสู้นางได้
สิ่งที่พวกเขาประมูลล้วนเป็นยาวิเศษและยาที่ฟื้นฟูความแข็งแกร่งของเส้นลมปราณ พวกเม็ดยาวิเศษชนิดต่าง ๆ นางไม่ได้ร่วมประมูลด้วย พวกเขาจึงได้พวกยาเม็ดเหล่านั้นไป แต่ยาวิเศษนั้น พวกเขากลับไม่ได้ไปแม้แต่ชนิดเดียว
ไม่เคยได้ยินว่าคนสําคัญในสํานักจินติ่งคนใดได้รับบาดเจ็บสาหัส สํานักจินติ่งซื้อของพวกนี้โดยไม่สนใจค่าใช้จ่ายใด ๆ เกรงว่าคงมีปัญหาบางอย่าง
จินหลูกล่าวอย่างดุดัน “ใช่ เป็นนางผู้นั้น ผู้อาวุโสอิ๋นต้องช่วยสั่งสอนนางให้ข้า”
มู่เฉียนซีรีบกล่าวกับน่าหลานอวี้ “น่าหลานอวี้ คนพวกนี้แข็งแกร่งมาก พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา พวกเรารีบกลับเมืองเร็วเข้า!” น่าหลานอวี้ไม่รู้ว่ามู่เฉียนซีกําลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาคิดว่าฟังนางน่าจะดีกว่า
“ได้” น่าหลานอวี้พยักหน้า
ทั้งสองเคลื่อนไหวอย่างฉับพลัน คิดที่จะกลับเข้าไปในเมือง แต่ทว่าผู้อาวุโสเหล่านั้นล้อมพวกเขาเอาไว้ทั้งสี่ทิศแปดทาง จินหลู่หัวเราะออกมาอย่างทะนงตน “หึ ๆ ๆ คิดจะหนีเข้าเมืองรึ ? ฝันไปเถอะ! ต่อให้พวกเจ้าหลบอยู่ในเมืองลับไปทั้งชาติ ข้าก็หาวิธีที่จะเป่าให้พวกเจ้าออกมาได้ พวกเจ้ายินยอมคายเงินที่มาหลอกเอาจากข้าไปออกมาเสียดี ๆ แล้วก็เอาของมีค่าที่ติดตัวมาให้ข้าด้วย ถือเสียว่าเป็นสิ่งขอขมาที่พวกเจ้าได้มาล่วงเกินข้า ข้ายังมีเมตตามอบหนทางรอดชีวิตให้พวกเจ้า”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาสวนกลับไป “อยากได้ของที่มาอยู่กับข้ากลับคืน ฝันกลางวันไปเถอะ!”
“ไม่ให้รึ ? ได้! เช่นนั้นก็จงตายเสีย” ทันใดนั้นพลังอันมหาศาลกวาดผ่านมา
“ระวัง!” น่าหลานอวี้ตะโกน ฉับพลันทันใดเขาอัญเชิญสิงโตอัคคีที่ได้ทำพันธสัญญาไว้ออกมา
ผู้อาวุโสของสํานักจินติ่งถึงกับตะลึงงัน “มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ทำพันธสัญญาไว้นี่เอง มิน่าถึงได้กล้าวางแผนปองร้ายนายน้อยของพวกเรา”
“พวกเจ้า ไปจัดการกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นประเดี๋ยวนี้เร็ว!”
ถึงแม้ว่าจะเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ แต่คนฝีมือระดับจักรพรรดิยอดยุทธ์ก็สามารถที่จะตรึงเอาไว้ได้อยู่หมัด จากนั้นก็ไปจัดการเจ้าเด็กสองคนนั้น เพียงเท่านี้ก็ง่ายดายขึ้นเยอะแล้ว
มู่เฉียนซีหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะกล่าวว่า “ฮ่า ๆ ๆ พวกเจ้าไร้เดียงสาเกินไป สหายของข้ามีสัตว์พันธสัญญา แล้วข้าจะไม่มีหรืออย่างไร ?”
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง ออกมา!”
“อู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทานในใต้หล้า มาแล้ว! มีเศษสวะมากวนใจนายท่านของข้าให้อารมณ์ไม่ดีอีกแล้วรึ ? คอยดูเถอะ ข้าอู๋ตี้จะจัดการพวกเจ้าให้สิ้นชื่อ”
เวลานี้แมวสีขาวหูแหลมและหมูตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าของมู่เฉียนซี
ท่าทางน่ารักระคนหยิ่งยโส ทว่าตัวน้อย ๆ เช่นนี้ ดู ๆ ไปแล้วใช้เพียงมือข้างเดียวก็สามารถบีบคอให้ตายได้ ผู้อาวุโสของสํานักจินติ่งเห็นแล้วหัวเราะออกมาทันที
“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าหนู เพียงลูกแมวกับหมูตัวเล็ก ๆ แม้แต่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งก็ยังไม่นับว่าเป็น เจ้าคิดว่ามันจะช่วยเจ้าได้หรือ ?”
แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งตรงมาทางมู่เฉียนซี ไม่นานนัก ลูกแมวที่ดูไม่เป็นอันตรายตรงหน้าก็เปลี่ยนเป็นสายฟ้า และในพริบตา ลูกแมวก็พุ่งเข้าไปหาชายชรานั่นพลันข่วนใบหน้าของเขาด้วยกรงเล็บแหลมคม
“อ๊าก!” เสียงร้องโหยหวนดังออกมา ใบหน้าของชายชราปรากฏร่องรอยลึกเห็นกระดูกสามรอย
หากไม่ใช่เพราะปฏิกิริยาตอบสนองของเขาเร็วพอ เกรงว่าตาของเขาคงบอดไปข้างหนึ่งเสียแล้วกระมัง
“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์! แมวตัวนี้เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์”
ยามที่อู๋ตี้ไม่ได้ใช้พลัง ย่อมทําให้คนคิดว่ามันเป็นลูกแมวไร้ซึ่งอันตรายและอ่อนแอ เป็นการปลอมตัวที่สมบูรณ์แบบอย่างมาก
เมื่อลงมือแล้ว พลังของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ก็แผ่กระจายออกมา ทําให้ผู้คนถึงกับอ้าปากค้าง
— ตูม! —
เปลวเพลิงสีแดงเข้มพุ่งออกมา เสี่ยวหงย่อมไม่ยอมให้อู๋ตี้แย่งชิงความน่าสนใจไปผู้เดียว
“สองตัว! มันเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองตัว”
ผู้อาวุโสของสํานักจินติ่งตกตะลึงอย่างหาที่เปรียบมิได้ พวกเขาพัวพันกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามตัวนี้อย่างจนปัญญา
จินหลูกัดฟันด้วยความโกรธ พวกเขามาที่เมืองลับในครั้งนี้ สํานักจินติ่งส่งยอดฝีมือระดับจักรพรรดิมาเพียงสามคนเท่านั้น ถึงอย่างไรยอดฝีมือระดับจักรพรรดิของสํานักจินติ่งของพวกเขาก็มีไม่มาก
ในตอนแรก เขาคิดว่าจะสามารถจัดการคนพวกนี้ได้ ใครเล่าจะคิดว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์สามตัวจะโผล่มา
จินหลูกล่าวกับระดับจักรพรรดิทั้งสองที่ปกป้องเขา “ท่านอาทั้งสองไปจับสองคนนั้นมาเถอะ”
เจ้าเด็กสองคนนั้น คนหนึ่งเป็นจอมภูตและอีกคนเป็นจอมภูตใหญ่กว่า ระดับราชาก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการกับเจ้าเด็กสองคนนี้
ราชาทั้งสองพุ่งเข้าไปทางพวกเขา น่าหลานอวี้รีบโต้กลับ ในขณะที่มู่เฉียนซีเองก็ใช้พลังวิญญาณทั้งหมดของนางเพื่อโจมตี
“ผนึกมังกรวารี!”
สิ้นเสียงนาง มังกรวารีพลันพุ่งออกไป กอปรกับเข็มยานับไม่ถ้วนที่พุ่งเข้าไปใกล้ราชาทั้งสองอย่างเงียบ ๆ
สีหน้าของระดับราชาทั้งสองเปลี่ยนไป หนึ่งในนั้นรีบกล่าว “ระวังตัวด้วย! อย่าได้ประมาทศัตรู”
ดาบสนิมเขรอะถูกชักออกมาโดยมู่เฉียนซี เปลวไฟสีแดงเข้มพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับว่ามันกําลังจะละลายผืนแผ่นพสุธา
“มังกรเพลิงสังหาร!”
— ตูม! ตูม! —
เมื่อกระบวนท่าอันบ้าคลั่งเข้าโจมตี ร่างสีม่วงพลันพุ่งเข้าหานายน้อยใหญ่ของสํานักจินติ่งที่ยังไม่ฟื้นคืนสติราวกับสายฟ้า
นิ้วเรียวยาวของนางขยับ ส่งเข็มยาขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือปักลงไปบนคอของจินหลู
เมื่อคนอื่น ๆ ได้สติกลับคืนมา ใบหน้าของพวกเขาแสดงออกถึงความตื่นตระหนก
“เจ้าหนู ปล่อยนายน้อยของพวกข้าเสีย!”
การโจมตีเช่นนั้นไม่ใช่เพื่อจัดการกับพวกเขา แต่เพื่อดึงดูดความสนใจของพวกเขาต่างหาก
เป้าหมายที่แท้จริงของสตรีอายุน้อยผู้นี้คือนายน้อยจินของพวกเขา ร้ายกาจเกินไปแล้ว!
ทว่าสิ่งที่ทําให้พวกเขาหมดหนทางมากขึ้นคือ ความแข็งแกร่งของนายน้อยของพวกเขาสูงกว่าสตรีอายุน้อยนางนี้ถึงสองระดับขั้น แต่ภายใต้การลอบโจมตีของนาง กลับไม่มีที่ว่างให้ตอบโต้เลยแม้แต่นิดเดียว
.