ตอนที่ 603

Elixir Supplier

603 ยืมมือคนนอก

 

เขาไม่มีเครื่องมือที่สามารถทดสอบได้ว่า แมลงเหล่านี้มีเชื้อร้ายที่เป็นสาเหตุของโรคระบาดเขาจำเป็นต้องหาวิธีอื่นในการทดสอบ

 

ใช่แล้ว!

 

เขาปล่อยให้แมลงกัดไก่ตัวตัวนั้น จากนั้น เขาก็แยกตัวไก่ออกมาไว้ในกรงเพื่อทำการสังเกต หลังจากนั้นสักพัก ไก่ก็ตายลง หวังเย้าไม่แน่ใจว่า เป็นเพราะไก่ตัวนี้ป่วยอยู่แล้วหรือว่ามันกลัวเกินไป ดังนั้น เขาจึงจับไก่มาอีกตัวหนึ่ง

 

หลังจากที่ถูกแมลงกัด ไก่ที่ถูกแยกออกมาไว้อีกรงก็เริ่มมีอาการสั่นเทา สภาพของมันดูน่าสงสารมาก

 

โฮ่ง! โฮ่ง! ซานเซียนเริ่มส่งเสียงเห่าออกมา

 

“โอเค โอเค ฉันรู้แล้ว” หวังเย้าลูบศีรษะของมันด้วยรอยยิ้ม

 

ซานเซียนดูเหมือนจะห่วงใยสัตว์ตัวเล็กๆเหล่านี้อย่างมาก

 

ในคืนนั้น อยู่ๆซานเซียนก็ส่งเสียงเห่าขึ้นมา หวังเย้าจึงเดินออกมาดู แล้วเขาก็พบว่า ไก่ที่อยู่ในกรงได้ตายลง

 

โอ้ ไม่นะ! เขาล้มเหลวอีกแล้ว

 

หวังเย้ากลับเข้าไปในกระท่อมเพื่อคิดถึงสิ่งที่จะทำต่อไป ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจยืมมือคนนอก

 

ในเช้าของอีกวัน เขาก็โทรไปหาศาสตราจารย์หวูเพื่อบอกความคิดของเขา

 

“โอเค รอก่อนนะ ฉันจะเดินทางไปที่หมู่บ้านของเธอให้เร็วที่สุด” หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง ศาสตราจารย์หวูก็พูดออกมา

 

เขาหยุดงานที่เขากำลังทำอยู่และมุ่งหน้าสู่เหลียนชาน พร้อมกับผู้ช่วยหนึ่งคนด้วยความเร่งรีบ

 

หวังเย้ายืนมองเนินเขาซีชานจากยอดเขาหนานชาน

 

อันตรายยังคงอยู่ มันสามารถเป็นอันตรายกับหมู่บ้านได้ตลอดเวลา หวังเย้าถึงขั้นคิดที่จะทำลายเนินเขาซีชานทั้งหมดลง หรือฉันจะเผามันดี?

 

การกักตัวได้สิ้นสุดลง แล้วชีวิตของชาวบ้านก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ชาวบ้านดูจะโล่งใจกับเรื่องนี้

 

ในเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ชาวบ้านถูกบังคับในอยู่ในหมู่บ้านและเฝ้ารอความตายที่คืบคลานเข้ามา ความกดดันของพวกเขาเข้าใกล้จุดแตกหัก แล้วอยู่ๆทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้งหนึ่ง มันทำให้พวกเขาได้รู้ว่า พวกเขาไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างคนปกติมานานมากแล้ว

 

ดังนั้น ชาวบ้านหลายๆคนจึงพากันออกไปนอกหมู่บ้าน พวกเขาเข้าไปในตัวเมืองหรือไม่ก็ไปที่ห่ายชิว ไม่ใช่เพราะพวกเขามีธุระต้องไปจัดการ แต่เป็นเพราะพวกเขาอยากจะออกไปจากหมู่บ้านเพื่อสนุกไปกับอิสรภาพที่ได้รับ

 

ซุนหยุนเชิงเดินทางมาที่หมู่บ้านในตอนกลางวัน เขาน้ำหนักลดลงไปหลายกิโล

 

“พอน้ำหนักลดลง นายก็ดูกระฉับกระเฉงขึ้นนะ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“ขอบคุณ ช่วงนี้ผมงานยุ่งมากเลยน่ะ” ซุนหยุนเชิงพูด

 

เขามีปัญหาทางธุรกิจที่ซับซ้อนให้ต้องจัดการ และยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังแก้ไขไม่ได้ เขาเจียดเวลาไม่กี่ชั่วโมงเพื่อเดินทางมาที่หมู่บ้าน เพราะเรื่องโรคระบาดที่เพิ่งจบไป เขาโทรหาหวังเย้าแล้วเมื่อหลายวันก่อน และหวังเย้าก็ได้บอกกับเขาว่า การกักตัวได้สิ้นสุดลงแล้ว

 

“ไม่ว่าจะงานยุ่งแค่ไหน ก็ต้องดูแลสุขภาพของตัวเองด้วยนะ” หวังเย้าพูด

 

เขาดูออกว่า ซุนหยุนเชิงไม่ได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ

 

“อืม” ซุนหยุนเชิงพูด

 

“ดื่มชาสักหน่อยนะ” หวังเย้าพูด เขาชงชาอย่างดีมาให้ซุนหยุนเชิงดื่ม

 

ทันทีที่เขาได้เข้ามานั่งในคลินิกของหวังเย้า ซุนหยุนเชิงก็รู้สึกผ่อนคลายและสงบลงมาก เขาหยุดคิดเรื่องงานที่สร้างความปวดหัวให้กับเขาไปชั่วครู่ เขามีความสุขไปกับการได้พูดคุยและดื่มชากับหวังเย้า

 

“ผมอิจฉาชีวิตของคุณจริงๆ” ซุนหยุนเชิงพูด

 

“เป้าหมายในชีวิตของเราไม่เหมือนกันยังไงล่ะ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

 

บางคนอยากจะมีชีวิตที่เต็มไปด้วยสีสัน ได้สวมใส่เสื้อผ้าหรูหราและกินอาหารชั้นเลิศ ส่วนบางคนก็ชอบที่ใช้ชีวิตที่เงียบและสงบสุข ต่างคนต่างวิถีชีวิต และนำไปสู่ระดับความกดดันที่ต่างกันด้วย

 

“ถ้ามีอะไรที่ผมพอจะทำได้ ก็บอกได้เลยนะ ผมยินดีช่วย” หวังเย้าพูด

 

“โอเค” ซุนหยุนเชิงพูด เขารู้ว่า หวังเย้าเป็นคนรักษาคำพูด

 

เขาอยู่ที่คลินิกไปจนกระทั่งบ่ายแก่ๆ เขาไม่อยากจะออกไปจากหมู่บ้าน และอยากจะอยู่ที่นี่ต่ออีกหลายวัน

 

“แล้วเรื่องการก่อสร้างอพาร์ทเมนต์ในตัวเมืองเหลียนชานเสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ” ซุนหยุนเชิงพูดขึ้นมา ก่อนที่เขาจะกลับไป

 

“อ่อ ขอบคุณที่บอกนะ” หวังเย้าพูด

 

“ผมเดาว่า หลังจากนี้คงจะมีคนอยู่ที่นี่ไม่มากแล้ว” ซุนหยุนเชิงพูด

 

“ก็อาจจะเป็นแบบนั้น” หวังเย้าพูด

 

ซุนหยุนเชิงบอกกับหวังเย้าว่า บ้านที่ถูกนำมาแลกเปลี่ยนกับอพาร์ทเมนต์ใหม่นั้นแทบจะไร้ประโยชน์ เขายินดีที่หวังเย้าจะเป็นคนดูแลจัดการบ้านเหล่านั้นทั้งหมด

 

หวังเย้าทำแค่ยิ้มให้เท่านั้น เขาจะเอาบ้านเก่าๆพวกนี้ไปทำอะไรได้? เขาแค่ต้องการบ้านเพียงหลังเดียวเท่านั้น มูลค่าของบ้านเก่าในหมู่บ้านจะไม่มีการเพิ่มขึ้น และเขาก็ไม่ได้ขาดเงินด้วย

 

“ขอบคุณ แต่ผมไม่ต้องการบ้านพวกนั้นหรอก” หวังเย้าพูด

 

“เฮ้อ!” ซุนหยุนเชิงถอนหายใจ

 

ทันทีที่เขากลับขึ้นไปนั่งบนรถเพื่อจะขับออกไป ซุนหยุนเชิงก็รู้สึกถึงความกดดันที่ถาโถมเข้ามาอีกครั้ง มันหล่นทับลงบนไหล่ทั้งสองของเขา เขายังต้องทำงานต่อไป และเขาก็เลือกไม่ได้ด้วย

 

ในตอนเย็น จางซิวหยิงถามหวังเย้าเกี่ยวกับอพาร์ทเมนต์ในตัวเมือง “แม่ได้ยินว่า เขาสร้างอพาร์ทเมนต์เสร็จแล้ว”

 

“ใช่ครับ ซุนหยุนเชิงแวะมาเยี่ยมผมตอนเช้า ตอนนี้ พวกเขาเริ่มส่งมอบกุญแจให้กับผู้อยู่ศัยแล้ว” หวังเย้าพูด

 

“ตอนที่แม่ออกไปนอกบ้านตอนเช้า แม่ได้ยินคนพูดเรื่องนี้กันเยอะเลยล่ะ บางคนก็ทำเรื่องเอกสารเสร็จแล้วด้วย” จางซิวหยิงพูด

 

“พวกเขาคงจะรอกันไม่ไหวแล้วละมั้งครับ” หวังเย้าพูด

 

ถ้าหากไม่เกิดเรื่องโรคระบาดขึ้น ชาวบ้านก็คงจะไม่รีบร้อนย้ายออกกันแบบนี้

 

“ก็คงจะเป็นอย่างนั้น” จางซิวหยิงพูด

 

“ยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับพวกเราอยู่แล้วล่ะครับ” หวังเย้าพูด

 

เนินเขาหนานชานยังคงเงียบสงบเหมือนเช่นทุกคืน

 

กระต๊าก! ไก่ส่งเสียงร้องอย่างไม่เป็นสุข ซานเซียนออกมาจากบ้านสุนัขเพื่อไปดูพวกมัน เขาส่งเสียงเห่าเบาๆ ราวกับว่า มันกำลังปลอบโยนไก่อยู่

 

ตลอดทั้งคืน ซานเซียนออกมาจากบ้านสุนัขที่แสนสบายอยู่หลายครั้ง เพื่อออกไปดูแลไก่เหล่านั้น

 

เช้าต่อมา อุณหภูมิลดลงไป 10 องศา สายลมให้ความรู้สึกหนาว ความหนาวในฤดูใบไม้ผลินั้นหนาวกวาฤดูใบไม้ร่วง เพราะความหนาวที่มาอย่างฉับพลัน

 

รถคันหนึ่งขับทะยานไปบนทางหลวง

 

“ศาสตราจารย์พักสักหน่อยไหมครับ?” ชายวัยประมาณ 30 พูด “ถ้าถึงแล้วผมจะบอก”

 

“ไม่เป็นไร” ศาสตราจารย์หวูที่มองวิวนอกหน้าต่างรถพูด

 

เขารู้สึกเหนื่อย ตั้งแต่ที่เขาได้รับสายจากหวังเย้าเมื่อวาน เขาก็เอาแต่คิดถึงเรื่องที่หวังเย้าบอก มันฟังดูเหลือเชื่อมากสำหรับเขา ดังนั้น เขาจึงทิ้งทุกอย่างและรีบเดินทางมาที่เหลียนชาน

 

รถขับเคลื่อนไปบนถนนอย่างนุ่มนวล ผู้ช่วยที่นั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับไม่ได้พูดอะไรออกมา

 

ศาสตราจารย์หวูมองออกไปนอกหน้าต่าง

 

ต้นไม้เริ่มมีสีเขียว และดอกไม้กำลังเบ่งบาน

 

เขามีงานให้ทำเยอะเกินไปแล้ว

 

“เฮ้อ…” เขาถอนหายใจออกมา

 

รถขับเข้าไปในหมู่บ้าน

 

“หมู่บ้านยกเลิกการกักตัวแล้วเหรอ?” ศาสตราจารย์หวูพูดขึ้นมาด้วยความสงสัย

 

รถหยุดลงที่ด้านนอกคลินิก

 

“เธอรอที่นี่นะ” ศาสตราจารย์หวูพูด

 

“ได้ครับ” ผู้ช่วยของเขาพูด

 

ศาสตราจารย์หวูลงมาจากตัวรถพร้อมกับตะกร้าสองใบ ด้านในเป็นของฝากที่เขานำมาจากปักกิ่ง

 

“วันนี้ ศาสตราจารย์มาพบใครกันนะ?” ผู้ช่วยของเขาถาม “ถึงกับเอาของฝากติดไม้ติดมือมาด้วย”

 

หวังเย้ากำลังตรวจคนไข้อยู่ “คุณลุงแค่ต้องกลับไปพักผ่อนให้เพียงพอเท่านั้น แล้วคุณก็ลุงหายดีได้เองนะครับ”

 

“โอเค ขอบคุณนะ เสี่ยวเย้า” คนไข้พูด

 

“แล้วเจอกันครับ” หวังเย้าพูด

 

หลังจากส่งคนไข้กลับแล้ว หวังเย้าก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย “สวัสดีครับ คุณมาเร็วมากเลย เชิญเข้ามาข้างในก่อนสิครับ”

 

“ตอนที่เธอโทรมา ฉันอยากจะมีปีกบินมาที่นี่เลยด้วยซ้ำ” ศาสตราจารย์หวูพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“ดื่มชาก่อนนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ขอบคุณ” ศาสตราจารย์หวูพูด

 

เขาดื่มด่ำกับชาอยู่ภายในคลินิกของหวังเย้า ชามีกลิ่นหอมและรสดี แม้แต่คนติดกาแฟแบบเขา ก็ยังหลงรักชาของที่นี่

 

“ชารสชาติดีมาก” ศาสตราจารย์หวูพูด

 

“มันเป็นใบชาที่ผมปลูกเองน่ะครับ แล้วก็ขอให้คนที่เชี่ยวชาญด้านใบชาช่วยแปรรูปให้อีกที” หวังเย้าพูด

 

หลังจากพูดคุยกันไปพอสมควร พวกเขาก็เริ่มเข้าสู่ประเด็นสำคัญ

 

“ผมจะเอาแมลงมาให้ศาสตราจารย์ดูนะครับ” หวังเย้าพูด

 

เขาหยิบโถแก้วที่ใส่แมลงที่เขาพบบนเนินเขาซีชานออกมา

 

“นี่น่ะเหรอ?” ศาสตราจารย์หวูยื่นหน้าเข้าไปดูใกล้ๆ

 

“ใช่ครับ” หวังเย้าพูด

 

ศาสตราจารย์หวูศึกษาทางด้านการแพทย์แผนตะวันตกมา เขาศึกษาด้านชีววิทยาในมหาวิทยาลัย แต่เขาเน้นไปที่เรื่องของจุลชีววิทยา ความรู้ในเรื่องของแมลงจึงมีอยู่อย่างจำกัด แต่เขาพอจะรู้จักผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ในเรื่องแมลงเป็นอย่างดีอยู่หลายคน

 

“ฉันเอาแมลงพวกนี้กลับไปด้วยได้ไหม?” ศาสตราจารย์หวูถาม

 

“ได้สิครับ แล้วผมยังมีเรื่องอื่นอีกด้วยครับ” หวังเย้าหยิบโถแก้วอีกใบหนึ่งที่มีหนูตัวเล็กอยู่หนึ่งตัว หนูยังคงมีชีวิตอยู่ ซึ่งมันทำให้หวังเย้ารู้สึกประหลาดใจมาก

 

“มันเป็นหนูจากที่เดียวกันใช่ไหม?” ศาสตราจารย์หวูถาม

 

“ใช่ครับ มันอยู่กับแมลงพวกนี้ พูดตามตรงนะครับ ตอนที่เห็น ผมก็ตกใจมาก” หวังเย้าพูด

 

“ถ้าอย่างนั้น ฉันขอไปดูเนินเขาซีชานอีกสักครั้งจะได้ไหม?” ศาสตราจารย์หวูถาม

 

“ได้แน่นอนครับ” หวังเย้าพูด