บทที่ 336 : หม้อเสินหนง
มิสเตอร์เฉินซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป เมื่อเห็นหลิงหยุนและตู้กู่โม่สังหารยอดฝีมือชาวญี่ปุ่นตายหมดภายในเวลาเพียงแค่สองสามนาที เขาก็รู้ทันทีว่าได้เกิดวิกฤตขึ้นแล้ว เขาไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว และเตรียมตัวที่จะวิ่งหนีเอาตัวรอด
ตู้กู่โม่และหลิงหยุนต่างก็รู้ดีว่าคนสกุลเฉินผู้นี้ไม่มีทางที่จะหนีรอดได้อย่างแน่นอน ทั้งคู่จึงยังคงยืนเฝ้าโทคุงาวะไว้ไม่ขยับ
สำหรับยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนนั้น หากใช้วิชาตัวเบาหลบหนีไปท่ามกลางป่าดงดิบที่หนาทึบเช่นนี้ ไม่มีทางที่พวกเขาทั้งคู่จะไล่ตามได้ทันอย่างแน่นอน
เมื่อมิสเตอร์เฉินเห็นว่าตู้กู่โม่และหลิงหยุนต่างก็ไม่มีใครสนใจเขา จึงรีบหันหลังเพื่อที่จะวิ่งหนีไป แต่ก็ต้องพบว่าภาพที่อยู่ด้านหลังของเขานั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว!
ใบหน้าของมิสเตอร์เฉินเปลี่ยนไป และเต็มไปด้วยความงุนงง เขาพบว่าตอนนี้ด้านหลังของเขามีต้นไม่อยู่หนาทึบ จนไม่มีช่องว่างให้มองเห็นท้องฟ้าแม้แต่น้อย และไม่มีทางที่จะหนีออกไปได้
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”
มิสเตอร์เฉินครุ่นคิดอยู่นาน เขาหันกลับไปกลับมา และมองไปรอบๆตัว แต่ก็พบว่าทุกอย่างที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว หากเขาต้องการจะวิ่งหนีในตอนนี้ มีเพียงแค่หนทางเดียวก็คือ วิ่งผ่านหน้าตู้กู่โม่และหลิงหยุนไปเท่านั้น
แต่เขาได้เห็นความแข็งแกร่งและเก่งกาจของทั้งสองคนด้วยตาตัวเองแล้ว ดังนั้นไม่ว่าใครคนใดคนหนึ่งก็สามารถฆ่าเขาได้เพียงแค่กระบี่เดียวอย่างแน่นอน เขาจึงไม่กล้าที่จะเสี่ยง
ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาวูบหนึ่งเมื่อคิดได้ว่า เวลานี้มีเพียงอยู่ข้างโทคุงาวะจึงจะมีโอกาสรอดตาย เขาจึงกระโดดออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ไปยืนอยู่ข้างกายโทคุงาวะ
“คุณเฉิน.. พวกเราถูกโจมตี แต่คุณกลับไปหลบซ่อนดูอย่างสนุกสนาน คุณยังมีอะไรจะอธิบายไม๊?”
ใบหน้าของโทคุงาวะบูดบึ้งไม่พอใจ แต่ตอนนี้ศัตรูกำลังอยู่ตรงหน้า เขาจึงทำได้เพียงแค่พูดถึงคนสกุลเฉินขึ้นมาเพื่อให้เขากลายเป็นเป้าหมายใหม่แทน ส่วนริมฝีปากก็แสยะยิ้มอย่างเหยียดหยัน
“คุณโทคุงาวะอย่าได้พูดเช่นนั้น? สองคนนี้เป็นใครก็ไม่รู้ ผมก็ไม่สะดวกที่จะแสดงตัว ได้โปรดเข้าใจผมด้วย..”
ใบหน้าของคนแซ่เฉินยังคงยิ้ม และโทคุงาวะก็ได้แต่พยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“เอาล่ะ.. ในเมื่อพวกคุณทั้งหมดก็เป็นคนจีนเหมือนกัน ส่วนคุณในฐานะตัวแทนของตระกูลเฉิน ผมจะยกเรื่องนี้ให้คุณจัดการก็แล้วกัน!”
โทคุงาวะไม่ลังเลที่จะปัดความรับผิดชอบทั้งหมดให้กับคนตระกูลเฉิน และการกระทำของโทคุงาวะนั้น ก็เท่ากับเป็นการดึงเอาตระกูลเฉินเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว มิสเตอร์เฉินที่ต้องการจะหลบหนี จึงได้แต่ต้องหันมาเผชิญหน้ากับปัญหา
‘แกช่างกล้าพูดนัก..!’
มิสเตอร์เฉินได้แต่สบถอย่างขุ่นเคืองอยู่ในใจ แต่ใบหน้าของเขายังคงยิ้มเอาอกเอาใจอย่างทาสผู้ซื่อสัตย์ จากนั้นก็หันไปทางหลิงหยุนและตู้กู่โม่พร้อมกับยกมือขึ้นผสานกันด้วยความนอบน้อม
“ไม่ทราบว่าท่านทั้งสองเป็นใคร มาจากตระกูลใหน หรือว่าสำนักใหนกัน?!”
หลิงหยุนทำเสียงขึ้นจมูกพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เมื่อกี้ข้าก็บอกไปแล้ว เจ้าไม่ได้ยินรึยังไง? ผู้พิทักษ์เสินหนงเจี๋ยฝ่ายซ้ายกับฝ่ายขวา!”
มิสเตอร์เฉินถึงกลับกลืนน้ำลายดังเอื๊อก แต่เขาก็ไม่ใส่ใจกับท่าทางของหลิงหยุน และยังคงพูดพร้อมกับหัวเราะว่า..
“ในเมื่อพวกท่านทั้งสองไม่ต้องการบอก.. ผมก็จะไม่ถาม! ส่วนผมมาจากตระกูลเฉิน หนึ่งในเจ็ดตระกูลที่ยิ่งใหญ่แห่งปักกิ่ง ผมชื่อเฉินเจี้ยนเหยิวน.. ขอให้ท่านทั้งสองเห็นแก่หน้าสกุลเฉินของเราจะได้หรือไม่..?”
หลิงหยุนเองก็เคยได้ฟังเรื่องเจ็ดตระกูลใหญ่แห่งปักกิ่งจากปากเกาเฉินเฉินมาก่อนแล้ว เขาจึงรู้ว่าตระกูลเฉินก็เป็นหนึ่งในนั้น อีกทั้งยังได้ยินจากปากของโทคุงาวะก่อนหน้านี้ แต่เขาก็เพียงแค่ยิ้มและตอบกลับไปว่า
“ตระกูลเฉินงั้นเหรอ? ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน! แต่ชื่อของเจ้านี่สิ.. ช่างอัปมงคลจริงๆ!”
เมื่อเฉินเจี้ยนเหยิวนเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมไว้หน้า เขาเองก็รู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็ฝืนพูดต่อว่า
“ส่วนคนผู้นี้คือมิสเตอร์โทคุงาวะ เป็นทายาทของตระกูลโทคุงาวะที่ยิ่งใหญ่แห่งญี่ปุ่น หากท่านทั้งสองยอมลามือจากพวกเราทั้งคู่ในวันนี้ พวกเราทั้งสองตระกูลรับปากว่าจะตอบแทนพวกท่านด้วยทรัพย์สินเงินทองจำนวนมากมายมหาศาล..”
เฉินเจี้ยนเหยิวนรีบเปลี่ยนกลยุทธ์มาเป็นการต่อรองทันที และยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจให้กับหลิงหยุนและตู้กู่โม่
ตู้กู่โม่โกรธจนไม่สามารถทนรอให้หลิงหยุนพูดได้ เขาหยิบกระบี่ขึ้นมา และชี้ไปที่หน้าของเฉินเจี้ยนเหยิวน
“เจ้าสุนัขรับใช้! มีความสุขอยู่บนทรัพย์สมบัติของพวกญี่ปุ่น? ข้าจะสังหารเจ้าด้วยกระบี่นี่ ดูซิว่าเจ้าจะยังมีความสุขอยู่อีกไม๊!”
หลิงหยุนส่งสัญญาณให้ตู้กู่โม่ใจเย็นกว่านี้ เขายิ้มให้เฉินเจี้ยนเหยิวนแล้วพูดขึ้นว่า
“คนสกุลเฉิน หากเจ้าบอกความจริงมาว่า เข้ามาในป่าลึกเสินหนงเจี๋ยแห่งนี้มีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่? ข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้า และจะปล่อยเจ้าไป!”
เฉินเจี้ยนเหยิวนหันไปมองโทคุงาวะ ทาเคสุกะ แล้วจึงตอบอย่างไม่ลังเลว่า “ความจริงแล้ว.. พวกเรามาที่นี่เพื่อมาหาสิ่งของบางอย่าง แต่ก็ไม่พบ และพวกเราก็กำลังจะกลับออกจาเสินหนงเจี๋ย แล้วก็ยังไม่มีเป้าหมายที่อื่นอีก!”
หลิงหยุนเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้ง แต่ก็แสร้งทำเป็นสนใจและถามขึ้นว่า “มาหาสิ่งของบางอย่างในเสินหนงเจี๋ยนี่งั้นรึ? พวกเจ้ามาหาอะไรกัน?”
เมื่อเห็นว่าหลิงหยุนเริ่มยอมเจราจา โทคุงาวะก็รีบฉวยโอกาสนี้ต่อรองกับเขาทันที โทคุงาวะก้าวเท้าขึ้นไปด้านหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ฟังนะ.. ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้าย พวกเรามาหาอะไรนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะในป่าเสินหนงเจี๋ยแห่งนี้มีเรื่องลี้ลับอยู่มากมาย แต่หลักๆที่พวกเราเข้ามาที่นี่ก็เพื่อการศึกษา.. พวกท่านดูคนพวกนั้นสิ!”
โทคุงาวะยกมือขึ้นชี้ไปทางศพที่อยู่รอบๆกองไฟ แม้ในใจจะรู้สึกโกรธแค้นอย่างมาก แต่กลับแสร้งทำสีหน้าสงบนิ่ง..
“คนพวกนั้นล้วนเป็นนักโบราณคดี เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางต่างๆ ส่วนพวกเราติดตามคนพวกนั้นมาที่นี่ ก็เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับพวกเขา!”
หลิงหยุนและตู้กู่โม่ต่างก็ทำสีหน้ารังเกียจเมื่อได้ยินคำพูดไร้สาระของโทคุงาวะ หลิงหยุนส่ายหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ในเมื่อพวกเจ้าไม่ต้องการพูดความจริง ทุกอย่างก็จบ!”
เมื่อหลิงหยุนเห็นว่าทั้งคู่ต่างก็ไม่มีใครยอมพูดเรื่องหม้อทองแดง หลิงหยุนจึงไม่ต้องการพูดอะไรต่ออีก และกำลังคิดหาหนทางให้ทั้งคู่ได้ไปเกิดใหม่ พร้อมกับคิดหาวิธีเจ็บๆให้พวกมันยอมพูดความจริง!
หลิงหยุนได้หม้อทองแดงมาจากหุบเขาใกล้ๆนี้ แต่กลับหาฝาของมันไม่พบ ในใจก็นึกเสียดายอยู่แล้ว และเมื่อได้ยินคนพวกนี้พูดเรื่องฝา แน่นอนว่าในใจของเขาก็นึกอยากได้เช่นกัน
หลิงหยุนกระซิบบอกตู้กู่โม่ให้เล่นงานเฉินเจี้ยนเหยิวนบีบให้มันยอมพูดความจริงก่อน..
หลิงหยุนไม่ต้องการเสียเวลาไปมากกว่านี้ เขาหันหน้าไปพร้อมกับใช้มังกรพรางร่างไปโผล่อยู่ตรงหน้าของโทคุงาวะ พร้อมกับยกกระบี่ในมือขึ้น!
โทคุงาวะและเฉินเจิ้นเหยิวนเห็นหลิงหยุนที่จู่ๆก็มาโผล่อยู่ตรงหน้า โทคุงาวะไม่ได้หวาดกลัวมากนัก แต่เฉินเจี้ยนเหยิวนนั้นถึงกับขนหัวลุก
แม้ว่าเฉินเจิ้นเหยิวนจะอยู่เพียงแค่ขั้นโฮ่วเทียน-7 แต่เทคนิคการเคลื่อนไหวของเขานั้นก็รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เพียงเดี๋ยวเดียว เขาวิ่งหนีตู้กู่โม่ที่มีกำลังภายในเหนือกว่าได้หลายต่อหลายครั้ง
ตู้กู่โม่มองเฉินเจี้ยนเหยิวนเป็นคนทรยศตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อเห็นเฉินเจี้ยนเหยิวนหลบหนีได้อย่างไหลลื่น และใช้ต้นไม้ในป่าให้เป็นประโยชน์ต่อการหลบซ่อน ตู้กู่โม่จึงโมโหอย่างมาก..
“ดูซิว่าคราวนี้เจ้าจะซ่อนอย่างไร?”
ตู้กู่โม่จัดการฟันต้นไม้ใหญ่ทิ้งไปถึงสิบสองต้น และเฉินเจี้ยนเหยิวนก็ไม่สามารถซ่อนตัวได้อีกต่อไป ป่าดงดิบที่อยู่ห่างไกลออกไปนั้น เป็นภาพลวงตาที่เจ้าขาวปุยสร้างขึ้นมา เขาจึงไม่กล้าที่จะวิ่งเข้าไป และได้แต่วิ่งหลบไปหลบมา
แต่ตู้กู่โม่กลับหงุดหงิดมากขึ้น ในขณะที่ต้นไม้ใหญ่ล้มลงอย่างง่ายดาย แต่เฉินเจิ้นเหยิวนกลับวิ่งไปซ่อนได้ และเขาก็จับตัวได้ยากขึ้น
‘เหตุใดจึงได้ยากเย็นนักนะ?!’
คิ้วเส้นตรงของหลิงหยุนขมวดเข้าหากัน เขายกกระบี่ในมือขึ้นรับดาบที่โทคุงาวะฟันเข้ามา และอาศัยแผ่นหลังของโทคุงาวะส่งตัวเองไปหาเฉินเจี้ยนเหยิวน และจัดการซัดตะปูใส่ทั้งหนึ่งกำมือ!
หลิงหยุนซัดตะปูไปดักทางหนีของเฉินเจี้ยนเหยิวนไว้ เขาจึงรีบเปลี่ยนเส้นทางทันที แต่หลิงหยุนก็ซัดตะปูออกไปหกดอกสะกัดไว้อีกครั้งเช่นกัน
“แกตาย..!!” กระบี่ในมือของตู้กู่โม่สั่น พร้อมกับชี้หน้าเฉินเจี้ยนเหยิวน
ฟิ้ว.. ฟิ้ว.. ฟิ้ว..
หลิงหยุนซัดเข็มหกเจ็ดเล่มเข้าใส่จุดฝังเข็มของเฉินเจี้ยนเหยิวน พร้อมกับร้องตะโกนขึ้นว่า
“ข้าไม่มีทางให้เจ้าหนีรอดอยู่แล้ว.. เจ้ายืนรอความตายได้เลย!”
“ตามโทคุงาวะไปเร็วเข้า มันกำลังจะจะหนี!” ตู้กู่โม่ร้องขึ้นมา
ขณะที่หลิงหยุนไปช่วยตู้กู่มีจับเฉินเจี้ยนเหยิวนอยู่นั้น โทคุงาวะก็ได้ใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นไปตามยอดไม้ และค่อยๆห่างออกไปไกลเรื่อยๆ!
“ขาวปุย.. ตามไปหยุดมันไว้!”
โทคุงาวะนั้นเคลื่อนไหวได้รวดเร็วกว่ามังกรพรางร่างของหลิงหยุน ในครั้งนี้เขาจึงต้องพึ่งเจ้าขาวปุย
เจ้าขาวปุยทำตามคำสั่งหลิงหยุน มันมองร่างของโทคุงาวะที่กำลังกระโดดหนีไป จากนั้นมันก็พุ่งร่างสีขาวขึ้นไปบนยอดไม้ และกระโดดไล่ตามโทคุงาวะไปอย่างรวดเร็ว
“เจ้าสุนัขจิ้งจอกขาว วิชาลวงตาของเจ้าไม่มีทางสู้วิชานินจาของเราชาวญี่ปุ่นได้หรอก?!”
โทคุงาวะเงื้อดาบขึ้นเตรียมฟันลงใส่เจ้าขาวปุย!
“ขาวปุย.. ระวัง!”
เจ้าขาวปุยที่อยู่กลางอากาศสามารถหลบดาบยาวของโทคุงาวะที่ฟันลงมาได้ แต่ไม่สามาถหลบฝ่ามือซ้ายที่ซัดตามมาได้ ร่างของมันจึงถูกฝ่ามือของโทคุงาวะซัดเข้าอย่างแรงจนได้รับบาดเจ็บ และร่วงตกลงไปบนพื้น!
“ตายซะเถอะ!”
เมื่อเห็นเจ้าขาวปุยได้รับบาดเจ็บ หลิงหยุนก็โกรธสุดขีด! มือซ้ายที่กำตะปูไว้ซัดเข้าใส่ร่างของโทคุงาวะอย่างรวดเร็ว และร่างของเขาก็พุ่งเข้าโทคุงาวะทันทีเช่นกัน!
ตะปูซัดของหลิงหยุนไม่สามารถทำอะไรโทคุงาวะที่มีกำลังภายในที่แข็งแกร่งได้ สิ่งเดียวที่เขาจะสามารถต่อกรกับโทคุงาวะได้จึงมีเพียงกระบี่วิเศษในมือเล่มนี้!
โทคุงาวะไม่สะทกสะท้านกับตะปูซัดของหลิงหยุน มือทั้งสองข้างของโทคุงาวะยกดาบขึ้นต้านกระบี่วิเศษในมือของหลิงหยุนที่ฟันลงมา แต่ครั้งนี้ดาบยาวของเขาไม่สามารถต้านทานได้ และถูกหลิงหยุนฟันขาด!
ในขณะเดียวกันก็ไม่ทันได้ระวังกระบี่ยาวในมือของตู้กู่โม่ที่แทงเข้ามา เขาทำได้แค่บิดตัวหลบ แต่กระบี่ของตู้กู่โม่ก็แทงเข้าที่แขนซ้ายของเขาจนเป็นบาดแผลค่อนข้างลึก และเลือดสีแดงก็พุ่งออกมาทันที!
ตู้กู่โม่ไม่หยุดเพียงแค่นั้น เขาแทงกระบี่เข้าใส่โทคุงาวะอีกครั้งจนได้รับบาดเจ็บอีก
หลิงหยุนใช้เพลงกระบี่พายุที่ตัวกระบี่จะหมุนด้วยความเร็วดั่งพายุ จากนั้นกระบี่สีดำก็หมุนปกคลุมไปทั่วร่างของโทคุงาวะ
โทคุงาวะ ทาเคซุกะ ที่ได้รับบาดเจ็บและไม่มีบอดี้การ์ดคอยปกป้อง ถูกหลิงหยุนฟันเข้าที่ร่างกายถึงสี่ครั้ง และในที่สุดการต่อสู้ที่ยาวนานก็สิ้นสุดลง และร่างของเขาก็ร่วงลงพื้น
ปัง!
หลิงหยุนซัดตะปูใส่ร่างที่ล้มลงของโทคุงาวะอีกครั้ง เจ้าขาวปุยได้รับบาดเจ็บเพราะโทคุงาวะ หลิงหยุนรุ้สึกเสียใจอย่างมาก และตอนนี้เขาก็เป็นห่วงความปลอดภัยของมันอย่างมากเช่นกัน
โทคุงาวะตกใจมาก และรีบยกมือขวาขึ้นปัดป้อง
ชัวะ!
กระบี่โลหิตแดนใต้ฟันเข้าที่แขนขวาของโทคุงาวะตรงกลางระหว่างหัวไหล่กับข้อศอก เลือดสีแดงพุ่งออกมาเป็นทาง และร่างทั้งร่างก็แดงฉานไปด้วยเลือด!
อ๊าก!
โทคุงาวะกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด และรีบใช้กำลังภายในห้ามเลือดไว้ แต่แล้วตู้กู่โม่ก็ใช้กระบี่แทงเข้าไปที่แขนซ้ายของเขาอีกครั้ง!
โทคุงาวะไม่สามารถหลบได้ทัน เขารู้ว่าตุ้กู่โม่และหลิงหยุนต่างก็ต้องการชีวิตของเขา เขารีบบิดแขนซ้าย และพุ่งตัวกระโดดขึ้นเพื่อต้องการหลบหนี
“เจ้าไม่มีทางหนีไปได้!” หลิงหยุนร้องบอก กระบี่วิเศษในมือของเขาฟันเข้าที่เอวของโทคุงาวะ!
โทคุงาวะหวาดกลัวอย่างมาก และรีบใช้มือคว้ากิ่งไม้ที่อยู่บนศรีษะเพื่อพยุงร่างไว้!
ชัวะ!!
หลิงหยุนฟันเข้าที่ขาของโทคุงาวะทั้งสองข้าง!
“นายเฝ้ามันไว้ให้ดี!” หลิงหยุนสั่งตู้กู่โม่ จากนั้นก็เดินไปหาเจ้าขาวปุยที่นอนอยู่เพื่อตรวจดูอาการบาดเจ็บของมัน
หลิงหยุนรีบตรวจดูอาการของเจ้าขาวปุย และพบว่าฝ่ามือของโทคุงาวะนั้นไม่รุนแรงนัก มันได้รับบาดเจ็บเพียงแค่เล็กน้อย และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ชั่วคราว เขาจึงค่อยรู้สึกโล่งอก
หลิงหยุนเรียกเข็มทองออกมา และทำการใช้เก้าเข็มปลุกชีพรักษาอาการบาดเจ็บให้กับเจ้าขาวปุย จากนั้นก็ใช้ยันต์บำบัดรักษาร่องรอยของฝ่ามือ เขาค่อยๆประคองร่างของเจ้าขาวปุยขั้น และเดินตรงไปหาเฉินเจี้ยนเหยิวน
“พาโทคุงาวะมาที่นี่!” หลิงหยุนพูดกับตู้กู่โม่
ตู้กู่โม่แทบอยากจะเตะโทคุงาวะให้กระเด็นไปไกลสักยี่สิบเมตร เขาผลักร่างของโทคุงาวะให้เดินไป!
“นี่เป็นโทษที่เจ้ากินสมองของลิงขนทอง นี่เป็นโทษที่เจ้าทำร้ายเจ้าขาวปุยที่สวยงาม” ตู้กู่โม่เตะโทคุงาวะอย่างโกรธแค้น เขาเตะจนกระทั่งร่างของโทคุงาวะเดินไปยืนอยู่ข้างๆเฉินเจี้ยนเหยิวนจึงค่อยหยุด
หลิงหยุนไม่สนใจเลือดของโทคุงาวะ เขายกมือขึ้นหยิบรูปถ่ายจากกระเป่าเสื้อของโทคุงาวะ และเพียงแค่เหลือบดูก็รู้ว่ามันเป็นรูปฝาของหม้อทองแดง
“ตอนนี้จะบอกได้หรือยัง? พวกเจ้ามาที่เสินหนงเจี๋ยทำไม?” หลิงหยุนพูดพร้อมกับยิ้มสดใสให้กับคนทั้งคู่
“นี่.. ฉันเป็นทายาทของตระกูลโทคุงาวะที่ร่ำรวยที่สุดในญี่ปุ่น พวกแกไม่มีสิทธิ์ฆ่าฉัน.. และฉันก็จะไม่บอกอะไรทั้งนั้น!”
โทคุงาวะ ทาเคซุกะเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน กำลังภายในของเขาแข็งแกร่งอย่างมาก แขนขวาข้างหนึ่ง กับน่องอีกสองข้างถูกฟันจนบาดเจ็บ เลือดก็ยังไหลออกมาไม่หยุด แต่เขากลับยังสามารถใช้กำลังภายในหล่อเลี้ยงร่างกาย และยังมีชีวิตอยู่ได้
หลิงหยุนได้แต่นึกเย้ยหยันอยู่ในใจ.. จากนั้นก็เรียกหม้อทองคำใบใหญ่ออกมาจากแหวนพื้นที่ เขาจับหูของหม้อทองคำวางลงบนพื้น พร้อมกับถามขึ้นว่า
“พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อหาสิ่งนี้ใช่ไม๊?”
“นั่นมัน.. หม้อเสินหนง!”