บทที่ 337 : ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว!

ทันทีที่ได้เห็นหม้อทองแดงที่หลิงหยุนวางลงบนพื้น โทคุงาวะ ทาเคซุกะถึงกับรีบใช้มือเช็ดเลือดที่ไหลอาบดวงตาออกทันที และพยายามจะคลานเข้าไปแตะ!

ส่วนเฉินเจี้ยนเหยิวนที่ถูกเข็มซัดของหลิงหยุนจี้จุดไว้จนไม่สามารถขยับตัวได้นั้น ก็พยายามดิ้นรนเช่นกัน แต่เมื่อเห็นสภาพของตนเองก็ได้แต่หมดหวัง

ตู้กู่โม่ใช้เท้าเหยียบร่างของโทคุงาวะที่พยายามเอื้อมมือออกไปไว้ แต่ก็ไม่สามารถหยุดความตื่นเต้นในดวงตาของโทคุงาวะได้

“โอ้พระเจ้า!! นี่มันหม้อเสินหนงจริงๆด้วย ช่างเป็นบุญตาของข้าจริงๆ! ฮ่า.. ฮ่า..”

โทคุงาวะร้องออกมาอย่างตื่นเต้นดีใจราวกับว่าตนเองได้เป็นเจ้าของหม้อเสินหนงใบนี้

ในเวลานี้.. แม้แต่ตู้กู่โม่เองก็ถึงกับตกใจสุดขีดเช่นกัน! นับแต่ที่เขาได้พบหลิงหยุนนั้น หลิงหยุนก็มีทั้งกระบี่ของนิกายมารอย่างกระบี่โลหิตแดนใต้ มีน้ำเต้าวิเศษ มียันต์ที่สามารถใช้รักษาอาการบาดเจ็บ มียันต์อัคนีที่น่ากลัว และยังมีสมบัติล้ำค่าที่สามารถเก็บสิ่งของเหล่านี้อีกด้วย ซ้ำยังเป็นผู้ที่มีความรู้เรื่องค่ายกลอย่างลึกซึ้ง!

หลิงหยุนผู้นี้เป็นใครกันแน่? เขาเป็นศิษย์สำนักหมอสวรรค์จริงๆงั้นหรือ? เพราะแม้แต่เขาเองก็ไม่เคยได้ยินชื่อสำนักนี้มาก่อนเช่นกัน?

ตอนนี้หลิงหยุนมีกำลังภายในที่แข็งแกร่งและน่ากลัวมาก.. แต่เท่าที่ตู้กู่โม่จำได้ เมื่อครั้งที่เขาพบกับหลิงหยุนที่ไนท์คลับคืนนั้น กำลังภายในของหลิงหยุนยังอยู่เพียงแค่ขั้นโฮ่วเทียน-5 เท่านั้น

แต่ผ่านไปเพียงแค่ห้าหกวัน.. เมื่อเขาได้พบกับหลิงหยุนที่ก้นหลุมยักษ์อีกครั้ง กำลังภายในของหลิงหยุนกลับแข็งแกร่งขึ้นมาก จนแม้แต่เขาเองยังดูไม่ออกว่าตอนนี้หลิงหยุนอยู่ในขั้นใหนกันแน่

ในยามที่หลิงหยุนมีสีหน้าสงบนิ่ง.. เขาก็ดูไม่แตกต่างจากเด็กวัยรุ่นธรรมดาทั่วไป ซ้ำยังมีใบหน้าที่หล่อเหลาอย่างมาก อีกทั้งในยามที่เขายิ้มและหัวเราะก็มีเสน่ห์น่าดึงดูดอย่างมากเช่นกัน นอกเหนือจากนั้นก็ดูไม่มีอะไรพิเศษ!

ในยามที่เขาไม่โมโห.. แววตาของเขากลับยิ่งอ่อนโยน และสงบนิ่งอย่างเหลือเชื่อ ในยามที่เขาแย้มยิ้มหรือหัวเราะ ก็มีแต่ความบริสุทธิ์สดใส จนทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นต่างก็อยากจะเข้าใกล้

หากเปรียบเทียบการพบกันของเขากับหลิงหยุนครั้งนี้กับครั้งแรก ตู้กู่โม่ก็ไม่สามารถสรรหาคำพูดใดมาบรรยายความพิเศษของหลิงหยุนได้ และในยามนี้เขาก็รู้สึกดีกับหลิงหยุนมากกว่าครั้งแรกที่ได้พบกันมาก!

ยิ่งไปกว่านั้น ความเป็นเลิศของหลิงหยุนในหลายๆด้าน ก็ทำให้ตู้กู่โม่ถึงกับอึ้ง และได้แต่ยอมรับหลิงหยุนโดยที่เขาเองก็ไม่อาจอธิบายได้ เขารู้แต่ว่าตนเองต้องยอมรับคำสั่งของหลิงหยุนไปเองโดยปริยาย

‘นี่มันอะไรกัน..? ข้าตู้กู่โม่ก็เป็นยอดคนแห่งตระกูลตู้กู่ แต่เหตุใดจึงไม่สามารถเทียบหลิงหยุนได้ในทุกๆด้าน?’

“หลิงหยุน.. ถ้าคุณปล่อยผมไป และมอบหม้อเสินหนงนั่นให้กับตระกูลโทคุงาวะของเรา ผมรับปากว่าความบาดหมางของพวกเราในวันนี้เป็นอันจบกัน และไม่ว่าคุณต้องการสิ่งใด ตระกูลโทคุงาวะของเราจะหามาให้ อีกทั้งเรายังจะให้ทรัพย์สินเงินทอง ให้ความร่ำรวย และสาวสวยกับคุณ! คุณคงไม่รู้สิว่าสาวญี่ปุ่นสวยๆนั้นบริการผู้ชายดีขนาดใหน!?”

โทคุงาวะ ทาเคซุกะยังคงกระสันอยากจะได้หม้อเสินหนง สายตาของเขาที่จ้องมองหม้อเสินหนงนั้น ไม่ต่างจากเด็กหนุ่มอายุสิบแปดปีที่กำลังเห็นนางฟ้าของตนเองเปลื้องเสื้อผ้าต่อหน้า

หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับชูภาพถ่ายของโทคุงาวะขึ้นมา “แกไม่มีคุณสมบัติพอที่จะต่อรองกับฉัน! ถ้าฉันเดาไม่ผิด นี่คงจะเป็นฝาของหม้อเสินหนงสินะ? ถูกใช่ไม๊ล่ะ? และตอนนี้มันก็อยู่กับตระกูลของแกใช่ไม๊? ตอบ!!”

หลิงหยุนใช้มังกรคำรามสะกดจิตโทคุงาวะ และโทคุงาวะที่ใกล้จะตายก็พยักหน้าและตอบกลับมากว่า “ใช่!!”

หลิงหยุนถามต่อ “แล้วบ้านของแกอยู่ที่ใหน?”

โทคุงาวากำลังจะเอ่ยปากพูด แต่จู่ๆเขาก็ได้สติขึ้นมา! และยกมือขึ้นชี้หน้าหลิงหยุนพร้อมกับส่ายหน้า

“หลิงหยุน.. แกเป็นปีศาจ! นี่แกใช้เวทย์มนต์อะไรสะกดจิต?”

หลิงหยุนแอบคิดว่าชายญี่ปุ่นผู้นี้ช่างมีกำลังจิตที่แข็งแกร่งนัก ขนาดเขาใช้มังกรคำรามสะกดจิต แต่ชายผู้นี้กลับรู้สึกตัวได้อย่างรวดเร็ว

หลิงหยุนแสยะยิ้ม “จัดการกับปีศาจอย่างพวกแก ฉันก็ต้องใช้วิธีของปีศาจสิ! บอกมา.. พวกแกได้แผนที่มาได้ยังไง? ถ้าแกตอบอะไรที่เป็นประโยชน์ ฉันจะปล่อยแกไป!”

นี่เป็นสิ่งที่หลิงหยุนกังวลมากที่สุด ในเมื่อโทคุงาวะมีแผนที่ที่เข้าใกล้หุบเขาแห่งนั้นมาก คนในตระกูลของเขาก็ต้องมีแผนที่ในหุบเขาเสินหนงเช่นกัน และนั่นล่ะคือปัญหาใหญ่!

“หลิงหยุน.. แกฆ่าฉันไม่ได้หรอก! ฉันได้จัดการส่งข้อมูลทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้กลับไปให้คนในตระกูลของฉันแล้ว ถ้าแกฆ่าฉันตาย.. รับรองว่าตระกูลโทคุงาวะและนักรบในตระกูลของเรา จะต้องตามไล่ล่าแกแทบพลิกแผ่นดินเลยล่ะ!” โทคุงาวะข่มขู่หลิงหยุน

แต่หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย และใช้กระบี่โลหิตแดนใต้ในมือลูบศรีษะโทคุงาวะพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“แกอย่ามาขู่ซะให้ยากเลย! เราสองคนสู้กันอย่างดุเดือดมาตลอด แกจะเอาเวลาตอนใหนไปส่งข้อมูลพวกนั้นได้!?”

แม้หลิงหยุนจะตอบไปเช่นนั้น แต่ในใจเขากลับคิดว่ามันมีความเป็นไปได้! เพราะเมื่อครั้งที่เขาสู้กับเหอซิงหยาน เหอซิงหยานยังสามารถส่งสัญญาณเรียกนักฆ่าสวรรค์ให้ตามมาได้ถึงสามคน โดยการใช้เครื่องมือสื่อสารขององค์กรนักฆ่าที่เขาพกติดตัวมา ทำให้หลิงหยุนต้องเผชิญหน้ากับบอันตรายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ดังนั้น.. เขาจึงไม่อาจที่จะไม่เชื่อคำพูดของโทคุงาวะได้!

“ได้สิ.. ก็ตอนที่แกไปไล่จับไอ้สวะนั่นไง..”

โทคุงาวะหันหน้าไปมองเฉินเจี้ยนเหยิวนที่ไม่สามารถขยับตัวได้ จากนั้นก็หันไปพูดกับหลิงหยุนอย่างจองหอง

“เทคโนโลยีของประเทศญี่ปุ่นทุกวันนี้ก้าวหน้าไปมาก.. คนจีนล้าหลังอย่างพวกแกคงไม่เข้าใจหรอก!”

หลิงหยุนยกมือชี้ไปที่ปืนลักษณะคล้ายอาวุธสงครามที่วางอยู่ข้างเต๊นท์ พร้อมกับหัวเราะและพูดขึ้นว่า

“เทคโนโลยีชั้นสูงยังวางอยู่ที่เดิม และไม่ใช่เพราะคนจีนล้าหลังเหรอที่ทำให้แกต้องอยู่ในสภาพนี้?”

หลิงหยุนมั่นใจว่าโทคุงาวะไม่น่าจะพูดโกหก แต่ก็คงจะไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้มากเพราะเวลาของเขามีจำกัด..

ตอนนี้กำลังภายในของหลิงหยุนก็พัฒนาขึ้นมาก และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพลังชีวิตเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว และตอนนี้เขาเองก็มีของวิเศษอยู่ในมือมากมาย หลิงหยุนจึงไม่นึกหวาดกลัวตระกูลโทคุงาวะแม้แต่น้อย

หลิงหยุนเดินเข้าไปหาร่างที่ชุ่มด้วยเลือดของโทคุงาวะพร้อมกับยิ้มอย่างเลือดเย็น

“โทคุงาวะ.. ฉันจะบอกอะไรให้ ฉันไม่สนใจว่าโคตรเหง้าตระกูลของแกจะเป็นใคร? แต่จำไว้ว่าสมบัติของชาวจีนจะต้องไม่ตกไปอยู่ในมือของชาวญี่ปุ่นอย่างพวกแก.. แกมั่นใจได้เลยว่าฝาหม้อ..”

หลิงหยุนหยิบรูปถ่ายขึ้นมาให้โทคุงาวะดู และพูดต่อว่า “ฝาหม้อใบนั้น.. ฉันจะไปเอามันกลับมาอย่างแน่นอน! แกตายตาหลับได้แล้ว!”

พูดจบ.. หลิงหยุนก็ใช้กระบี่ในมือขวาตัดหัวของโทคุงาวะ ทาเกซูกะทันที!

“นี่พ่อคนเก่ง.. เจ้าบ้าไปแล้วหรือยังไง? ไม่ให้ข้าฆ่ามัน แต่เจ้ากลับฆ่ามันซะเอง?!”

ตู้กู่โม่เห็นหลิงหยุนใช้กระบี่ตัดหัวของโทคุงาวะก็ถึงกับตกใจจนต้องกระโดดถอยหลังออกมา แต่ก็ยังไม่พ้น เพราะเลือดของโทคุงาวะได้กระเด็นใส่ตัวของเขาจนเปื้อนไปหมด

“ใครฆ่าก็เหมือนกัน..”

หลิงหยุนตอบยิ้มๆ พร้อมกับหันไปมองเฉินเจี้ยนเหยิวน เขาเงื้อกระบี่ในมือขึ้นแล้วพูดว่า “ถึงตาแกแล้ว!”

“ฉันไหว้ล่ะ.. อย่าฆ่าฉันเลย! ฉันเป็นแค่เศษสวะ ปล่อยฉันไปเถิดนะ!” เฉินเจี้ยนเหยิวนมองหลิงหยุนที่ดูเหมือนตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว จึงรีบร้องขอความเมตตาอย่างไม่อาย

หากเขาขยับตัวได้ เขาคงมีลูกเล่นมากกว่านี้..

“ปล่อยแกงั้นรึ?!” หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับพูดต่อว่า

“ปล่อยแกก็เท่ากับปล่อยเสือเข้าป่า แกก็จะเอาข้อมูลของฉันไปรับรางวัลจากตระกูลโทคุงาวะ? ฉันจะปล่อยแกให้ไปพาคนมาแก้แค้นฉันเพื่ออะไร?”

“แต่นายบอกจะไว้ชีวิต ถ้าฉัน..” เฉินเจี้ยนเหยิวนทำหน้าเหมือนเด็กที่กำลังจะร้องไห้

หลิงหยุนหัวเราะอย่างมีความสุข “แกยังจำได้ดีนี่ เอาล่ะถ้างั้นก็พูดมา!”

เฉินเจี้ยนเหยิวนต้องการรักษาชีวิตตัวเองจึงรีบตอบกลับไปว่า “ได้.. ได้.. ฉันพูดแล้ว..”

เมื่อครั้งที่ญี่ปุ่นได้เข้ามาบุกรุกประเทศจีนในช่วงปลายสงครามนั้น พวกมันได้เผาเสินหนงเจี๋ย และปล้นสะดมภ์ชาวบ้านในเวลานั้นอย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อตามหาหม้อใบนี้

พวกมันรู้ว่าวัตถุที่ทำจากทองแดงสัมฤทธิ์นี้ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมเก่าแก่ที่มีมูลค่ามหาศาล พวกมันเสาะหานายพรานที่เคยเข้าไปในหุบเขาแห่งนั้น แต่ตอนนี้นายพรานเหล่านั้นก็อายุมากแล้ว แต่ก็ถูกพวกมันบังคับให้นำทางไปที่หุบเขาแห่งนั้นเพื่อตามหาตัวหม้อ

แต่นายพรานที่พาพวกมันไปตอนนั้นมีอายุมากกว่าเจ็ดสิบปีแล้ว จึงไม่สามารถทนต่อการเดินทางระยะไกลได้ เพียงแค่สิบวันหลังจากนั้น เขาก็ได้เสียชีวิตลงจากความหนาวเย็นบนภูเขา

แต่ในระหว่างนั้นสงครามก็สิ้นสุดพอดี คนญี่ปุ่นพวกนั้นจึงไม่มีเวลาที่จะไปสำรวจหุบเข้าแห่งนั้นอีก แต่ก็ได้เขียนแผนที่ไว้สำหรับเตรียมตัวที่จะขึ้นมาที่นี่ใหม่อีกครั้ง

และตอนนี้.. ฝาหม้อใบนี้ก็ได้ตกไปอยู่ในมือของตระกูลโทคุงาวะ พวกเขาให้ผู้เชี่ยวชาญมากมายมาทำการตรวจสอบฝาหม้อใบนี้ ทุกคนต่างก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าฝาหม้อใบนี้คือฝาหม้อเสินหนงในตำนานอย่างแน่นอน

นอกเหนือจากหม้อเสินหนงใบนี้แล้ว ก็ยังมีความลับเกี่ยวกับสมุดจักรพรรดิอีกด้วย!

เมื่อใดก็ตามที่หาหม้อเสินหนงพบ ก็จะมีโอกาสได้พบสมุดจักรพรรดิด้วยเช่นกัน! ดังนั้นตระกูลโทคุงาวะจึงเริ่มร่วมมือกับตระกูลใหญ่ในประเทศจีน และในที่สุดก็ได้ตกลงกับตระกูลเฉินในปักกิ่งที่จะทำภารกิจนี้ร่วมกัน หลังจากทำข้อตกลงกันแล้ว ทั้งสองฝ่ายพร้อมทีมติดตามต่างก็เดินทางเข้ามาในป่าเสินหนงเจี๋ยแห่งนี้

และเฉินเจี้ยนเหยิวนก็คือตัวแทนที่ตระกูลเฉินส่งมาร่วมสำรวจในทีมครั้งนี้!

แน่นอนว่าโทคุงาวะ ทาเคซุกะนั้นไม่เชื่อใจเฉินเจี้ยนเหยิวนอยู่แล้ว และเฉินเจี้ยนเหยิวนเองก็รู้เพียงว่าครอบครัวของเขาส่งเขามาเป็นเพื่อนเดินทางของโทคุงาวะ เพื่อตามหาสิ่งของบางอย่าง และเขาจะได้รับผลประโยชน์อย่างมากมายเมื่อสำเร็จ..

หลังจากที่ได้ฟังเฉินเจี้ยนเหยิวนพูด หลิงหยุนก็เข้าใจทุกอย่างแจ่มแจ้ง เขายิ้มพร้อมกับถามว่า “แล้วตระกูลเฉินตกลงอะไรกับตระกูลโทคุงาวะ?”

เฉินเจี้ยนเหยิวนรีบส่ายหน้า “นี่เป็นความลับสูงสุดของตระกูล ฉันจะไปรู้ได้ยังไง? แต่ตอนนี้ตระกูลเฉินเป็นตระกูลที่ใหญ่เป็นอันดับสามในจำนวนเจ็ดตระกูล ฉันคิดว่านี่อาจจะเป็นเพียงก้าวแรกของการพาตระกูลขึ้นเป็นตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งก็ได้?!”

หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับพูดยิ้มๆ “เอาล่ะ.. คราวนี้ก็ตอบฉันมาว่า จะออกจากเสินหนงเจี๋ยได้เร็วที่สุดยังไง?”

เฉินเจี้ยนเหยิวนหลงดีใจคิดว่าหลิงหยุนจะปล่อยเขาไปจริงๆ จึงรีบบอกทางออกให้กับหลิงหยุน หลิงหยุนฟังแล้วก็พยักหน้าและตอบไปว่า

“แกทำดีมาก.. เอาล่ะ.. ถึงเวลาตายของแกแล้ว!”

“อะไรกัน?! ใหนบอกว่าจะปล่อยฉันไปไง?” เฉินเจี้ยนเหยิวนตกใจสุดขีด!

“แกโง่ที่เชื่อฉันเอง ฉันพูดเล่น!” หลิงหยุนหันไปมองตู้กู่โม่

ตู้กู่โม่ยกกระบี่ในมือขึ้นแทงลงไปที่ลำคอของเฉินเจี้ยนเหยิวนทันที!