บทที่ 396

บทที่ 396

“ดื้อรั้นดันทุรังและไม่ยืดหยุ่น !” ถังหยินเลิกคิ้วและพูดต่อว่าออกไปดั่งกระสุนปืนใหญ่

จีหยิงตกใจ แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าถังหยินหมายถึงอะไร แต่เขารู้ว่ามันไม่ใช่คำที่ดีอย่างแน่นอน ส่วนแม่ทัพคนอื่น ๆ เม้มริมฝีปากดูเหมือนอยากจะหัวเราะ แต่ไม่กล้า

ถังหยินเอียงร่างของเขาขณะที่นั่งลงบนเบาะ พูดช้า ๆ “เมื่อต่อสู้กับกองกำลังของศัตรู พี่น้องของเราจะใช้ทุกอย่างที่มี…”

เมื่อมองไปที่ใบหน้าของพวกแม่ทัพโดยรอบ ชายหนุ่มก็พลันถอนหายใจเบา ๆ และพูดแผ่วเบาว่า“ หลังสงคราม ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าพวกเขาจะสามารถออกจากสนามรบได้อย่างปลอดภัย ดังนั้นแล้วเรื่องผู้หญิงพวกนี้จึงเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”

คำพูดเหล่านี้ทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความอบอุ่นไหลผ่านหัวใจของพวกเขา

ถังหยินไม่ใช่ผู้บัญชาการที่โดดเด่นเรื่องความเข้มงวด และระเบียบวินัยของทหารก็เหมือนกับการเล่นของเด็ก ๆ ในสายตาของเขา มันอาจถูกละเลย.. แต่อย่างไรก็ตาม คนผู้นี้กลับใช้วิธีการพิเศษในการปกป้องนายทหารทุกนาย และนี่ก็กลายเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักว่าทำไมทหารของกองทัพเทียนหยวนจึงเต็มใจที่จะอยู่เคียงข้างเขา

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หัวใจของจีหยิงก็พลันรู้สึกกระปรี้กระเปร่า เขาพึมพำกับตัวเองสักครู่ พยักหน้าและกล่าวว่า “นายท่าน ข้าเข้าใจเรื่องนี้แล้วขอรับ…” ในขณะที่พูด เขาก็ได้หันหน้าไปมองที่นางสนมของซ่งเทียน จากนั้นจึงมองไปยังแม่ทัพโดยรอบแล้วพูดว่า “เราจะทำตามที่ท่านต้องการ !”

“ดีมาก !” ถังหยินตอบ และเมื่อเห็นว่าแม่ทัพคนอื่น ๆ นั่งอยู่ในตำแหน่งเดิมพร้อมกับจ้องมองมา ชายหนุ่มก็พลันหัวเราะและพูดติดตลกว่า “น่าเสียดายที่นางสนมน้อยไปหน่อย ไม่อย่างนั้นพวกที่อยู่ข้างล่างจะได้ด้วย”

คำพูดของเขาทำให้เกิดเสียงหัวเราะในเต็นท์ทันที บรรยากาศที่จริงจังผ่อนคลายอีกครั้ง

….ในเวลานี้ทหารยามด้านนอกก็ได้เดินมาพร้อมกับถาดที่มีหัวเปื้อนเลือดอยู่ ก่อนที่อีกฝ่ายจะคุกเข่าข้างหนึ่งในขณะเดียวกันก็ยื่นถาดไปข้างหน้าและพูดว่า “หัวของพ่อไอ้กบฏนั่นขอรับ…”

เมื่อเห็นหัวพ่อของซ่งเทียน บรรดานางสนมของทุกคนต่างก็พากันร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว แม้แต่อู่เหมยและอู่อิงก็ยังหันหน้าหนีอย่างรับไม่ได้

ถังหยินมองไปที่มันและโบกมือ “แขวนไว้ที่เสาธงหน้าค่าย ให้พวกทหารเห็นชัดเจนว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ทรยศ”

“ขอรับ นายท่าน !” นายทหารผู้นั้นตอบและลุกขึ้น

หลังจากเดินทางมาครึ่งวัน ถังหยินก็เหนื่อยเล็กน้อย นอกจากนี้อาการบาดเจ็บเก่าก็ยังไม่หายสนิท ดังนั้นเขาจึงเหนื่อยเล็กน้อย “พวกเจ้า…”

“ขอรับ !” แม่ทัพทุกคนยืนขึ้นและกำหมัดไปที่ถังหยิน

“จงพาผู้หญิงของเจ้าไปเสีย” ถังหยินกล่าวขณะยิ้ม

แม่ทัพกล่าวขอบคุณเขาอีกครั้ง จากนั้นก็พานางสนมของซ่งเทียนออกจากเต็นท์ทีละคน

หลังจากแม่ทัพจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของถังหยินก็พลันกว้างขึ้น ด้วยพ่อของซ่งเทียนถูกตัดหัว และสนมของซ่งเทียนก็ถูกแบ่งออกไปแล้ว !!!

ตอนนี้มีเพียถังหยิน อู่เหมย อู่อิงและทหารไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในเต็นท์

เมื่อเห็นรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าของถังหยิน อู่เหมยก็อดไม่ได้ที่จะถาม “ถังหยิน เจ้ายิ้มทำไมกัน ?”

ถังหยินยักไหล่ “ข้ากำลังคิดว่าซ่งเทียนจะตอบสนองอย่างไร ถ้าเขารู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่”

อู่เหมยครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ จากนั้นก็หัวเราะออกมาและพูดว่า “นั่นซินะ ข้าเองก็อยากรู้เช่นกัน”

ถังหยินกล่าวว่า “แล้วเจ้าเล่า ? ตอนนี้เจ้าเป็นเช่นไร ?!” ชายหนุ่มถามถึงเมื่อครั้งที่ซ่งเทียนคิดบังคับอู่เหมยให้นางมาเป็นนางบำเรอ

อู่เหมยถามด้วยความตกใจ “เจ้าทำเพื่อ… ข้า ?”

แน่นอนว่าไม่ สาเหตุหลักที่ถังหยินฆ่าพ่อของซ่งเทียนและดูถูกภรรยาของซ่งเทียนก็เพื่อที่เขาจะยั่วยุซ่งเทียน เพราะเมื่ออีกฝ่ายถูกความโกรธบังตา มันก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย ที่จะเกิดข้อผิดพลาดขึ้น ….นอกจากนี้การมอบหมายนางสนมของซ่งเทียนให้กับพวกแม่ทัพ ก็ถือเป็นวิธีที่ดีในการเอาชนะใจพวกเขา

ถังหยินไม่เต็มใจที่จะพูดคำเหล่านี้ แต่ก็ไม่รำคาญที่จะอธิบาย เขายิ้มและพยักหน้าจากนั้นตอบไปว่า “ใช่แล้ว”

หญิงสาวเร่งย้ายไปที่ด้านข้างของถังหยินและโน้มตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเขา น้ำเสียงของนางหวานและนุ่มนวลจนชวนให้มึนเมา “ข้ารู้อยู่แล้ว ว่าคนที่เจ้าชอบมากที่สุดเป็นข้าอย่างแน่นอน”

ถังหยินตกตะลึง ไม่รู้ว่าเหตุใดนางจึงสรุปออกมาเช่นนี้ ?

ด้วยอู่อิงและทหารองครักษ์ที่อยู่โดยรอบในตอนนี้ เขาจึงไม่สามารถกอดหรือผลักตัวนางออกไปได้ ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองไปทางอู่อิง

อู่อิงฉลาดมาก นางเข้าใจทันทีว่าถังหยินหมายถึงอะไร จึงแสร้งทำเป็นไออย่างหนักและพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ “พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไรอยู่ นี่คือเต็นท์กองทัพกลาง !”

อู๋เหม่ยหน้าแดงจากความอับอายและตระหนักว่านางสูญเสียการควบคุมตัวเอง นางขยับร่างของนางออกจากอ้อมกอดของถังหยินด้วยท่าทางเขินอายและโกรธในเวลาเดียวกัน ขณะที่นางพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงต่ำ “ยัยโง่” จากนั้นนางก็เหลือบไปเห็นถังหยินที่กำลังยิ้มให้จากด้านหลัง

“ถังหยิน เมื่อเจ้ามา เจ้าไม่ได้พูดว่าเป็นจีหยิงที่ฆ่าแม่ทัพจูนัวและต้องการลงโทษเขาอย่างหนักหรือ ทำไมทัศนคติของเจ้าถึงเปลี่ยนไปเมื่อเห็นเขากัน ?

ถังหยินหัวเราะอย่างขมขื่น เขาไม่พอใจจีหยิงก็จริง แต่ ? เขาส่ายหัวและกล่าวว่า “จีหยิงเป็นชายที่หาได้ยาก คนผู้นี้มีความสามารถในการบังคับบัญชาและสั่งการกองกำลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในสนามรบ ..กองทัพของเราต้องการผู้บัญชาการเช่นเขา”

อู่เหมยกลอกตาของนางและถาม “ข้าได้ยินชิวเจิ้นพูดก่อนหน้านี้ ว่าเจ้าให้จูนัวอยู่ในกองทัพนกอินทรีสวรรค์เพื่อจุดประสงค์ในการเป็นผู้ตรวจสอบ มาครั้งนี้จูนัวเสียชีวิตในการต่อสู้ …มันเป็นไปได้ไหมที่จีหยิงทำไปโดยเจตนา ?”

“ฮะ ?” ถังหยินไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน และเมื่อได้ยินคำพูดของอู่เหมย หัวใจของเขาก็พลันสั่นไหว แต่หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้วชายหนุ่มก็รู้สึกว่ามันแตกต่างออกไป ด้วยหากจีหยิงมีแรงจูงใจแอบแฝงอย่างแท้จริง คนผู้นี้ก็สามารถเข้าร่วมกองทัพหนิงได้อย่างง่ายดายในระหว่างการต่อสู้กับคนพวกนั้น และมันก็คงไม่ไปไกลถึงขนาดที่จะทำให้พวกเขาสูญเสียกำลังพลไปมากขนาดนี้….

ว่าแล้วชายหนุ่มก็หัวเราะเบา ๆ ออกมา “เรื่องนี้ไม่มีข้อน่าสงสัยใด ๆ เนื่องจากข้ายอมรับว่าจีหยิงเป็นผู้บัญชาการของกองทัพอินทรีสวรรค์แล้ว ดังนั้นข้าจึงเชื่อในความภักดีของเขา”

อู่เหมยหน้ามุ่ยและกล่าวว่า “ไม่ว่ายังไงจีหยิงก็เป็นแม่ทัพที่เคยเป็นคนนอกมาก่อน มันยากที่จะสบายใจถ้ามอบกองทัพอินทรีสวรรค์ให้เขาเป็นผู้บัญชาการ ดังนั้นทำไมไม่มอบมันให้พี่ชายของข้าอู่ถัง เขาเคยบัญชาการกองทัพมาก่อน และถือว่าไว้ใจได้มากกว่าคนนอกแบบนั้น”

สิ่งที่ถังหยินเกลียดที่สุดคือการถูกชักนำ ในอดีตเมื่อแคว้นเฟิงถูกควบคุมโดยขุนนางใหญ่ทั้งสี่ตระกูล ตั้งแต่กำลังทหารไปจนถึงการบริหารจัดการบ้านเมืองล้วนเป็นญาติพี่น้องหรือคนร่วมสายเลือดของพวกเขาทั้งสิ้น และตอนนี้… อู่เหมยก็กำลังทำเช่นนั้น

แน่นอนเขาเชื่อว่าคำแนะนำของอู่เหมยนั้นไม่มีอันใดแอบแฝง ดังนั้นจึงไม่ถือโทษโกรธเคืองนางแต่อย่างใด ถังหยินแสร้งทำเป็นครุ่นคิด จากนั้นจึงพูดไปว่า “เรื่องนี้เราจะคุยกันทีหลัง ถ้าตอนนี้เกิดการต่อสู้ขึ้น มันจะทำให้กองทัพขาดเสถียรภาพ”

อู่เหมยคิดว่าสิ่งที่ถังหยินพูดนั้นสมเหตุสมผล นางจึงพยักหน้า ก่อนจะกล่าวเตือนเขาอย่างเป็นกังวลว่า “ข้าเข้าใจ แต่ข้าก็อยากให้ท่านระวังไว้ !”

ถังหยินรู้สึกขบขันกับการกระทำของนาง แต่ก็ฝืนมันไว้และเพียงแค่พูดไปว่า “ข้าจะจำคำพูดของเจ้าเอาไว้”

อู่เหมยหัวเราะออกมา

สองชั่วยามผ่านไปในพริบตา มาตอนนี้ก็เป็นยามเย็นแล้ว ทำให้อากาศไม่ร้อนอีก ดังนั้นถังหยินจึงไม่รอช้าอีกต่อไป ทำการเรียกหาจีหยิงในทันที

ถังหยินออกคำสั่งออกไป ทำให้กองทัพทั้งหมดเริ่มเคลื่อนไหว ทั่วทั้งค่ายของกองทัพอินทรีสวรรค์เข้าสู่สภาพโกลาหลในทันที…

ขณะที่ถังหยินกำลังจะนำแม่ทัพออกจากค่ายกองทัพกลาง หลีเทียนก็ได้วิ่งไปจับมือของเขาและโค้งคำนับให้ถังหยิน “นายท่าน จดหมายถูกส่งไปยังเมืองเจี้ยนแล้ว แต่ทว่ายังไม่มีการตอบกลับจากฝั่งนั้น…”

หลังจากถังหยินได้ยินสิ่งนี้ เขาก็พยักหน้าและกล่าวว่า “เราได้ทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว และถ้าอีกฝ่ายคิดไม่ซื่อ งั้นแล้วก็อย่าหาว่าข้าเหี้ยมโหด !!!” ในขณะที่พูด เขาก็ทำการเดินออกจากเต็นท์กองทัพกลางและกระโดดขึ้นไปบนหลังม้า

เมื่อมองไปที่แม่ทัพข้างหลัง ชายหนุ่มก็พลันร้องถามเสียงดังออกมา “ทุกคนพักผ่อนเพียงพอหรือยัง ?”

“ขอรับ นายท่าน !”

แม่ทัพโดยรอบเผยรอยยิ้มขณะที่พวกเขาตอบกลับ

“ดีมาก ! ตามข้าไปที่เมืองเจี้ยน ถ้าซ่งเทียนไม่อยู่ที่นี่ก็ถือว่าดีไป แต่ถ้าเขาอยู่ เราจะเอาหัวของมันกลับมากัน !! “คำพูดของเขาฟังดูสบาย ๆ ราวกับว่าหัวของซ่งเทียนเป็นสิ่งที่เขาสามารถเด็ดมาเมื่อไหร่ก็ได้

“ขอรับ !” เหล่าแม่ทัพตะโกนดังลั่นพร้อมขวัญกำลังใจที่พุ่งสูงขึ้น !!!

…หากพวกเขาต้องต่อสู้กับกองทัพหนิงเพียงลำพัง พวกเขาคงจะรู้สึกกลัว ด้วยจ้านอู่ตี้นั้นเก่งกาจเกินไป แต่เมื่อมีถังหยินอยู่ ทุกอย่างมันก็ต่างออกไป นับประสาอะไรกับการต่อสู้กับศัตรูเพียง 2 หมื่น แม้ว่ามันจะเป็น 2 แสนหรือ 2 ล้าน พวกเขาก็กล้าที่จะติดตามถังหยินต่อไป !!!

ถึงแม้ถังหยินจะไม่เก่งในด้านกลยุทธ์สั่งการเท่าจีหยิง แต่ศักดิ์ศรีของเขาในสายตาของทหารไม่สามารถเทียบได้ แม้ว่าจะมีจีหยิงซักสิบคนรวมกันก็ตาม !!!