ฮูหยินผู้เฒ่ากัวประหลาดใจเป็นอย่างมาก
โจวเสาจิ่นถึงได้รู้สึกว่าหม่าฟู่ซานมาได้ไม่ถูกเวลาเท่าไรนัก
กลัวว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวกับท่านน้าฉือคงจะเข้าใจผิดคิดว่าเขามาเพื่อหนุนหลังตน
โจวเสาจิ่นรีบอธิบายว่า “ข้าเป็นคนเรียกเขามาเจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้อยากให้เขาช่วยส่งของบางอย่างกลับเป่าติ้ง”
เกรงว่าคนข้างกายของเสาจิ่นคงจะกลัวนางเสียเปรียบ จึงตั้งใจคาบข่าวไปบอกกระมัง
ทว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับไม่มีอารมณ์มาสนใจเรื่องพวกนี้แต่อย่างใด
เดิมทีก็เป็นความผิดของพวกเขาตั้งแต่แรก เสาจิ่นจะยอมปล่อยให้ตนเองถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวได้หรือ
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ไปเถิด! ดูว่าหม่าฟูซานมาหาเจ้าด้วยเรื่องอะไร”
นางรู้ดีว่าไม่อาจปกปิดฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้
โจวเสาจิ่นรู้สึกละอายใจเล็กน้อย ออกมาจากเรือนหลักของเรือนหานปี้ซาน แล้วไปพบหม่าฟู่ซาน
หม่าฟู่ซานไม่ได้มาคนเดียว ยังพาชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำสองสามคนมาด้วย เพียงแต่ทิ้งทุกคนไว้ที่ด้านนอกเรือนหานปี้ซานเท่านั้น ตามคำกล่าวของเขาบอกว่า “พวกข้ามิได้มาทะเลาะกับตระกูลเฉิง เพียงอยากจะปกป้องคุณหนูรองไม่ให้ถูกผู้อื่นบีบบังคับรั้งตัวเอาไว้เท่านั้นขอรับ”
ตอนเห็นนางยังมองสำรวจจากหัวจรดเท้าอย่างไม่ปิดบัง กลัวว่านางจะสูญเสียเส้นผมไปสักเส้นหนึ่ง
หากมิใช่เพราะบิดาให้ความสำคัญกับนาง หม่าฟู่ซานจะปฏิบัติกับนางเช่นนี้ได้อย่างไร
โจวเสาจิ่นรู้สึกแสบจมูกขึ้นมา ยิ่งรู้สึกอยากจะไปเป่าติ้งมากขึ้น ตาไม่เห็นจะได้ไม่ต้องรู้สึกกวนใจ หากอยู่ที่นี่แล้วได้เห็นหน้าท่านน้าฉือทุกวัน ซ้ำยังต้องได้ยินฮูหยินผู้เฒ่ากัวกับหยวนซื่อคุยเรื่องแต่งงานของท่านน้าฉืออีก ชีวิตในแต่ละวันคงจะเหมือนเนื้อที่ถูกเฉือนด้วยมีดทื่อไร้ความคมเล่มหนึ่ง เจ็บปวดชอกช้ำถึงทรวง เพียงแต่ต่อให้เจ็บเพียงใดก็มิอาจร้องออกมาได้
นางกล่าวกับหม่าฟู่ซานว่า “มีท่านน้าฉืออยู่ด้วย ข้าย่อมไม่เป็นไร เพียงแต่เรื่องบางเรื่องข้ามิอาจอธิบายให้ท่านพ่อฟังตรงๆ ได้ ท่านช่วยเขียนจดหมายถึงท่านพ่อให้ข้าที บอกว่าข้าอยากไปฉลองปีใหม่ที่เป่าติ้ง ประเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้า ท่านมารับข้าก็แล้วกัน ไม่ว่าท่านพ่อจะตอบกลับมาเช่นไร ข้าก็มิอาจอาศัยอยู่ที่ซอยจิ่วหรูได้อีกต่อไปแล้ว”
เฉิงสวี่พักฟื้นอยู่ในห้องหลังฉากกั้นของฮูหยินผู้เฒ่ากัว
หม่าฟู่ซานพยักหน้ารับคำ พลางกล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้วขอรับ พรุ่งนี้เช้าจะมารับคุณหนูรอง”
ขณะที่โจวสเาจิ่นกำลังส่งเขาออกไปนั้น ชุนหว่านก็พรวดเข้ามาราวสายลม
“คุณหนูรองเจ้าคะๆ!” นางหอบหายใจ ทว่านัยน์ตากลับเปล่งประกายดั่งดวงดาวบนท้องฟ้าก็ไม่ปาน “นายท่านสี่เก่งกาจยิ่งนัก เพียงพูดไม่กี่คำ ก็พลิกสถานการณ์เปลี่ยนให้คุณชายใหญ่สวี่ถูกคนวางยา แล้วไปล่วงเกินแม่นางจี๋อิ๋งขณะไม่มีสติ…”
“หา!” โจวเสาจิ่นกับหม่าฟู่ซานต่างตกตะลึงพรึงเพริด โจวเสาจิ่นยิ่งแล้วใหญ่เอ่ยถามว่า “เช่นนั้นแม่นางจี๋อิ๋งเป็นอย่างไร ถูกทำโทษหรือไม่ ท่านน้าฉือพูดอะไรไปบ้าง เจ้ารีบเล่าให้ข้าฟังเร็วๆ เข้า”
โยนเรื่องไปให้สาวใช้ผู้หนึ่ง ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว
หม่าฟู่ซานยังไม่ออกไป ยืนอยู่ที่ประตูฟังชุนหว่านเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโถงนั่งเล่น “…ฮวนสี่กับต้าซูถูกเรียกตัวไป ทว่ายังไม่ได้ซักถามก็ถูกโบยด้วยกระดานไม้คนละสิบครั้งเสียก่อนแล้ว ต้าซูยังดี ทว่าฮวนสี่ยืนแทบไม่ไหว ต้องให้บ่าวเด็กช่วยประคองไว้ขณะถูกสอบปากคำเจ้าค่ะ” คงเป็นเพราะนึกถึงสภาพน่าสังเวชในตอนนั้น สีหน้าของชุนหว่านซีดเผือดเล็กน้อย “ฮวนสี่กับต้าซูต่างสาบานว่า คุณชายใหญ่สวี่ไม่เคยกินยาจำพวกผงห้าศิลามาก่อนเจ้าค่ะ จากนั้นนายท่านใหญ่เหมี่ยนของจวนสี่ที่ถูกส่งตัวไปค้นเรือนตัวจย้าก็กลับมาบอกว่าในเรือนของคุณชายใหญ่สวี่ไม่มีของประเภทนั้นอยู่เจ้าค่ะ…ตอนนี้ทุกคนต่างถกกันว่าใครเป็นคนมอบของพวกนั้นให้คุณชายใหญ่สวี่ เรื่องของคุณหนูรองกลับไม่มีผู้ใดสนใจเลยสักนิด นายท่านสี่จึงปล่อยข้ากลับมา บอกว่าสองสามวันนี้ให้ข้าอยู่แต่ในเรือน อย่าออกไปที่ไหน หากมีเรื่องอะไรอาจจะเรียกข้าไปสอบถามอีกก็ได้เจ้าค่ะ!”
โจวเสาจิ่นยกยิ้มมุมปากบางเบา
นางรู้ดีว่า มีท่านน้าฉืออยู่ด้วย นางจะต้องปลอดภัยไร้รอยแผลอย่างแน่นอน
“แล้วจี๋อิ๋งเล่า” โจวเสาจิ่นเอ่ยถาม “ปล่อยนางกลับมาด้วยหรือเปล่า นางไม่ได้มาพร้อมกับเจ้าหรือ”
ท่านน้าฉือใส่ความนางเช่นนี้ นางจะต้องโกรธมากเป็นแน่!
ฉับพลันรอยยิ้มของชุนหว่านก็มลายหายไป ตอบว่า “นายท่านสี่บอกว่า คุณชายใหญ่สวี่ถูกแม่นางจี๋อิ๋งทำร้าย แม้ว่าคุณชายใหญ่สวี่จะเป็นบุรุษสูงเจ็ดฉื่อคนหนึ่ง แต่นายกับบ่าวนั้นมีฐานะต่างกัน แม่นางจี๋อิ๋งจึงถูกคุมขังไว้ชั่วคราว รอให้เรื่องของคุณชายใหญ่สวี่ตรวจสอบจนเป็นที่กระจ่างแล้วค่อยมาจัดการแม่นางจี๋อิ๋งเจ้าค่ะ!”
โจวเสาจิ่นรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา
นางเป็นคนเรียกตัวจี๋อิ๋งมา
หากว่านางไม่เรียกจี๋อิ๋งมา จี๋อิ๋งก็คงจะไม่ก่อเรื่องเช่นนี้
“เจ้ารู้หรือไม่ว่านางถูกขังอยู่ที่ใด” โจวเสาจิ่นเอ่ยถาม
ชุนหว่านน้ำตาเอ่อคลอ พลางกล่าวว่า “ข้าไม่ทราบเจ้าค่ะ นางถูกซักถามเสร็จก็ถูกอาไหวซานพาตัวไปแล้ว เรื่องที่นางถูกคุมขังก็เป็นชิงเฟิงที่มาบอกข้าเจ้าค่ะ ข้ารีบมารายงานคุณหนูรอง เลยไม่ได้ซักถามให้ละเอียด คิดว่าประเดี๋ยวเมื่อคนที่โถงนั่งเล่นแยกย้ายกันแล้ว ค่อยไปสอบถามชิงเฟิงใหม่เจ้าค่ะ”
“เจ้าไปเดี๋ยวนี้เถิด!” โจวเสาจิ่นกล่าวเสียงเคร่งเครียด “ถ้าไม่มีเหตุสุดวิสัยอะไร พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะกลับไปถนนผิงเฉียว แต่หากยังไม่รู้ข่าวคราวของจี๋อิ๋ง พวกเราจะกลับไปได้อย่างไร”
ชุนหว่านก็ไม่อยากจะอยู่ที่ซอยจิ่วหรูแล้วเหมือนกัน
แต่ก่อนเป็นเพราะคุณหนูรองยังเด็ก ไม่รู้ประสีประสาอะไร ต้องมีคนชี้แนะและคอยดูแล ตอนนี้คุณหนูรองกระทำอะไรก็มีขั้นมีตอน บ้านเดิมของตระกูลโจวทางด้านโน้นมีเพียงบ่าวไพร่ หากคุณหนูรองไปอยู่ก็จะเป็นใหญ่ที่สุด มีอิสระมากขึ้น!
นางพยักหน้าหงึกๆ แล้ววิ่งออกไปอย่างรวดเร็วปานควัน
หม่าฟู่ซานอดถอนหายใจไม่ได้พลางกล่าวว่า “เรื่องราวคราวนี้ถือว่าติดค้างนายท่านสี่แล้ว! หากมิใช่พราะเขา ต่อให้คุณหนูรองจะไม่เป็นอันใด แต่ถูกผู้หลักผู้ใหญ่ของตระกูลเฉิงเรียกตัวไปซักถามที่โถงนั่งเล่นเช่นนั้น หากถูกแพร่งพรายออกไปก็คงจะเกิดข่าวลือเสียๆ หายๆ บุญคุณครั้งนี้ ต้องบอกให้นายท่านทราบอย่างแน่นอนขอรับ”
“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น!” ไม่ว่าต่อไปจะเป็นเช่นไร โจวเสาจิ่นก็หวังว่าบิดากับเฉิงฉือจะสนิทสนมกันได้
ทั้งสองคนล้วนเป็นคนสำคัญของนาง
หลังจากส่งหม่าฟู่ซานกลับไปแล้ว ชุนหว่านก็ยังไม่กลับมา นางจึงบอกให้ปี้เถาและคนอื่นๆ จัดเก็บข้าวของ
แม้เรื่องที่เกิดขึ้นในโพรงหินจะยังไม่แพร่งพรายออกไปในซอยจิ่วหรู แต่พวกสาวใช้ที่ค่อนข้างมีหน้ามีตาในจวนหลักต่างทราบกันหมดแล้ว
เสี่ยวถานยืดคอชะเง้อมองอยู่ที่ประตู เอ่ยถามโจวเสาจิ่นอย่างเศร้าใจว่า “คุณหนูรอง ท่านจะไปแล้วหรือเจ้าคะ”
โจวเสาจิ่นอึ้งงันไปชั่วขณะ เดินไปโอบแขนเสี่ยวถานเบาๆ
นับตั้งแต่นางได้มาเข้าๆ ออกๆ อยู่ที่เรือนหานปี้ซานเป็นต้นมา เสี่ยวถานก็ปรนนิบัตินางมาโดยตลอด ยิ่งกว่านั้นหลังจากที่นางย้ายเข้ามาที่นี่ ก็ถูกส่งตัวมารับใช้ในเรือนของนาง
เสี่ยวถานนั้นนอกจากจะฉลาดหลักแหลมแล้ว ยังร่าเริงสดใสอีกด้วย กระทำสิ่งใดก็ค่อนข้างเป็นการเป็นงาน
วันนี้นางต้องไปแล้ว จึงรู้สึกเสียดายที่ต้องแยกจากกับคนที่เคยปรนนิบัติอยู่ข้างกายเหล่านี้
แต่ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา
นางให้ปี้เถาห่อเงินยี่สิบเหลี่ยงกับที่ติดผมทองคำสองชิ้นมอบให้ปี้อวี้ และห่อเงินสิบเหลี่ยงกับที่ติดผมทองชุบสองชิ้นมอบให้เฝ่ยชุ่ย “ตอนที่พวกนางออกเรือนข้าคงไม่อยู่ที่เมืองจินหลิงแล้ว ถือเป็นของขวัญแต่งงานที่ข้ามอบให้พวกนางล่วงหน้าก็แล้วกัน”
ปี้เถาเก็บของแล้วออกไป
โจวเสาจิ่นนำเสื้อผ้าอาภรณ์เก่าๆ บางตัวมอบเป็นรางวัลให้คนอื่นๆ บ่าวเช่นเสี่ยวถาน ก็มอบเป็นเครื่องประดับทองกับเงินสองสามชิ้น
จู่ๆ เรือนฝูชุ่ยก็เงียบเหงาขึ้นมาในทันใด มีบรรยากาศโศกเศร้าเสียใจที่ต้องแยกจากกันเล็กน้อย
ชุ่ยหวนมาพร้อมกับเฉิงเจีย
โจวเสาจิ่นตกเงินรางวัลให้ชุ่ยหวนเป็นเงินสิบเหลี่ยง กำไลทองคำฝังอัญมณีคู่หนึ่งและเครื่องประดับไข่มุกทะเลใต้คู่หนึ่ง
เฉิงเจียละอายใจจนดวงหน้าแดงเถือกทั้งหน้า จับมือของโจวเสาจิ่นพลางเอ่ยให้คำมั่นสัญญาไม่หยุดว่า “ข้าจะต้องไปถามพี่ชายใหญ่ให้แน่ชัด เหตุใดเขาถึงใช้ชุ่ยหวนไปทำธุระกะทันหันอย่างนั้น ข้ารอเจ้าอยู่ที่ศาลาหมั่นฟางนานสองนานก็ไม่เห็นเจ้ามาสักที หากมิใช่เพราะชุ่ยหวนมาหาข้า ข้าก็คงยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น… พี่ชายสวี่เป็นอย่างไรบ้าง คงไม่ได้ทุบตีเขาจนดูไม่ได้กระมัง ไม่เช่นนั้นกลัวว่าจี๋อิ๋งคงไม่มีชีวิตดีๆ แล้วเป็นแน่!”
โจวเสาจิ่นนึกถึงเฉิงเจียที่ด่วนจากไปในชาติก่อน
คิดว่าเรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องบอกให้เฉิงเจียรู้
นางแบกรับเรื่องไม่น่าอภิรมย์เหล่านั้นไว้คนเดียวก็พอแล้ว
“ท่านน้าฉือตรวจสอบแล้ว” โจวเสาจิ่นปลอบนาง “เจ้าอย่าไปสร้างปัญหาเพิ่มอีกเลย มีแต่จะทำลายสายสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องเสียเปล่าๆ เจ้ารอออกเรือนอย่างสบายใจไปจะดีกว่า”
เฉิงเจียจับมือของโจวเสาจิ่นไว้แน่น ในใจรู้สึกหนักหน่วง
ตามคำบอกเล่าของชุ่ยหวน พี่ชายของนางจะต้องมีส่วนร่วมด้วยอย่างแน่นอน
แต่ให้นางไปตรวจสอบพี่ชายที่คอยปกป้องอยู่ข้างหลังนางและปฏิบัติกับนางดั่งเป็นอัญมณีล้ำค่ามาตั้งแต่เล็ก…นางครุ่นคิดแล้วก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก
เฉิงเจียไม่กล้าไปตรวจสอบ
ถ้อยคำของโจวเสาจิ่นทำให้นางรู้สึกราวกับได้ปลดภาระอันหนักอึ้งออกไป ทว่าความละอายใจกลับไม่ลดน้อยลงมีแต่ทวีเพิ่มมากขึ้น
นางกล่าวอย่างออดอ้อนว่า “เสาจิ่น เช่นนั้นเจ้ารอให้ข้าแต่งงานแล้วค่อยไปเป่าติ้งเถอะ ไม่อย่างนั้นจะถือว่าเจ้ายังกล่าวโทษข้าอยู่”
ประหนึ่งว่าพูดเช่นนี้แล้ว นางถึงจะรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างตนกับเสาจิ่นไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป ในใจของนางจึงรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
โจวเสาจิ่นยิ้มน้อยๆ พร้อมกับพยักหน้าให้นางสบายใจ แต่มิได้กล่าวอะไร
เฉิงเจิ้งทำกับนางเช่นนี้ แม้นางจะไม่คิดเรื่องแก้แค้น แต่ก็มิอาจไปร่วมงานแต่งของเฉิงเจียเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้
ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันอีกทีก็แล้วกัน!
ถ้ายังอยู่จินหลิง จะไปส่งเฉิงเจียสักหน่อย แต่หากไม่ได้อยู่จินหลิงแล้ว…ก็ถือว่าพวกนางไม่มีวาสนานี้ก็แล้วกัน!
โจวเสาจิ่นสูดลมหายใจเข้ายาวๆ พูดคุยสัพเพเหระกับเฉิงเจียนานพักหนึ่ง แล้วยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าตนไม่ได้กล่าวโทษเฉิงเจียแต่อย่างใด เฉิงเจียถึงได้กลับไปโดยมีชุ่ยหวนประคองเอาไว้
เมื่อถึงเวลาจุดตะเกียงยามค่ำ ชุนหว่านก็กลับมา
นางรายงานให้โจวเสาจิ่นฟังด้วยสีหน้าผ่อนคลาย “แม่นางจี๋อิ๋งถูกขังอยู่ในห้องข้างของตัวเอง โดยมีสาวใช้เด็กสองคนเฝ้ายามเอาไว้ เห็นได้ชัดว่านายท่านสี่เพียงต้องการขังนางเป็นพิธีเท่านั้นเจ้าค่ะ”
โจวเสาจิ่นรู้สึกวางใจลงได้ เอ่ยถามว่า “เช่นนั้นไปเยี่ยมนางได้หรือไม่”
“ไม่ได้เจ้าค่ะ!” ชุนหว่านกล่าวอย่างเสียใจว่า “บอกว่าเป็นคำสั่งของนายท่านสี่ ให้แม่นางจี๋อิ๋งสำนึกผิดอยู่ในห้องข้างเจ้าค่ะ”
โจวเสาจิ่นจึงบอกชุนหว่านว่า “พรุ่งนี้ก่อนที่จะไปพวกเราทำขนมเล็กๆ น้อยๆ ไปให้นาง เพื่อร่ำลานางก็แล้วกัน”
ชุนหว่านพยักหน้าอย่างเศร้าใจ
ทั้งสองคนช่วยกันเก็บข้าวของลงในหีบด้วยกัน
ฝานหลิวซื่อเข้ามากระซิบบอกพวกนางว่า “ได้ยินฉีเอ๋อร์บอกกว่า คุณชายใหญ่เจิ้งของจวนสามตรวจสอบพบว่ามียาอยู่ในน้ำชาเจ้าค่ะ แต่ตอนนั้นมีเพียงบ่าวเด็กข้างกายคุณชายใหญ่สือกับคนที่คอยปรนนิบัติรินน้ำเติมชาในโถงรับรองเท่านั้นที่เข้าไปในห้องน้ำชาได้ บ่าวเด็กของคุณชายใหญ่สือให้การว่า เขาเพียงได้รับคำสั่งของคุณชายใหญ่สือให้ไปยกน้ำร้อนให้สะใภ้ใหญ่สือเท่านั้น ทว่าบ่าวข้างกายของสะใภ้ใหญ่สือกลับจำไม่ได้ว่าเขาได้เอาน้ำร้อนไปให้หรือเปล่า เนื่องจากวันนี้มีคนมากมาย…นายท่านสี่ฉือบอกว่า ในเมื่อเรื่องนี้สืบต่อไปไม่ได้แล้ว ก็พักเอาไว้ก่อนชั่วคราว ทั้งยังบอกอีกว่ายาประเภทนี้ราคาไม่ถูก เกรงว่าคนที่หอฉินโหลวฉู่จะใช้กันอย่างแพร่หลาย ให้เริ่มสืบหาจากสถานที่เหล่านั้นจะดีกว่า รอให้ได้ผลลัพธ์แล้วค่อยว่ากันอีกที…
…ว่ากันว่าคุณชายน้อยคนโตของจวนรองได้ยินแล้วประเดี๋ยวก็หน้าแดงประเดี๋ยวก็หน้าซีด พยายามอธิบายให้นายท่านสี่ฉือไม่หยุด…
…นายท่านสี่ฉือนอกจากจะไม่ได้ตำหนิพวกเขาแล้ว ยังปลอบพวกเขาว่า แม้แต่คนอย่างคุณชายใหญ่สวี่ยังถูกคนลอบเล่นงานได้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังเช่นคุณชายใหญ่สือ! บอกให้คุณชายใหญ่ไม่ต้องห่วง คนขาวสะอาดอย่างไรก็คือคนขาวสะอาด ส่วนคนเปื้อนโคลนอย่างไรก็คือคนเปื้อนโคลน…
…คุณชายใหญ่สือได้ยินแล้วก็ซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก คุกเข่าลงต้องการโขกศีรษะให้นายท่านสี่ฉือ…
…ทว่าสีหน้าของคุณชายใหญ่เจิ้งกลับไม่สู้ดีนัก ดูเหมือนเหนื่อยล้ามากอย่างไรอย่างนั้น บางทีอาจเป็นเพราะรู้สึกอิจฉา แต่พอคุณชายใหญ่สือลุกขึ้นมาเขาก็ยิ้มออกมา ยังยิ้มอย่างอบอุ่นยิ่งนัก ไม่แข็งกระด้างเหมือนก่อนหน้านี้สักนิดเลยเจ้าค่ะ!”
เฉิงฉือเดินหมากกระดานนี้ได้ดียิ่ง!
สอบสวนครึ่งหนึ่งและปล่อยวางไว้อีกครึ่งหนึ่ง
ปล่อยให้จวนรองกับจวนสามสงสัยกันต่อไป
ทั้งยังทำให้รู้สึกหวั่นกลัวตลอดเวลาได้อีกด้วย
นี่ถึงจะเป็นการทรมานที่ดีที่สุด
โจวเสาจิ่นรู้สึกเชื่อมั่นในตัวเฉิงฉือมากยิ่งขึ้น
………………………………………………………………….