ตอนที่ 1264 กลับบ้าน (3)
หลังจากผ่านไฟสงครามมา แคว้นฉีก็ค่อยๆฟื้นตัวจากบาดแผลสงคราม ไฟสงครามไม่ได้เผาความตั้งใจของประชาชนแคว้นฉี พวกเขามุ่งมั่นที่จะหลุดพ้นจากความยากลำบาก และได้สร้างบ้านเกิดของพวกเขาขึ้นอีกครั้งด้วยสองมือของตัวเอง
กองทัพรุ่ยหลินเป็นกองกำลังที่สูญเสียหนักที่สุด หลังจากบาดแผลส่วนใหญ่หายแล้ว พวกเขาก็เริ่มรับสมัครทหารใหม่เข้าสู่กองทัพรุ่ยหลิน
พวกผู้เยาว์ที่มุ่งมั่นจะปกป้องแคว้นของพวกเขาหลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ พวกเขาอยากจะเป็นคนของกองทัพรุ่ยหลินเพื่อที่วันหนึ่งจะได้ต่อสู้ปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขาได้
ในช่วงนี้กล่าวได้ว่าหลงฉียุ่งมากจนมือจะหลุดจากตัวอยู่แล้ว ก่อนหน้าที่กองทัพรุ่ยหลินยังไม่ได้ปล่อยข่าว ก็มีคนมากมายในเมืองหลวงแคว้นที่มีความกระตือรือร้นสูงมารออยู่แล้ว ตอนนี้ข่าวเรื่องกองทัพรุ่ยหลินเปิดรับสมัครทหารใหม่เพิ่งประกาศออกไป จำนวนคนที่มาสมัครอธิบายได้แค่ว่า ล้นทะลัก
ทุกๆวันหลงฉีจะนั่งอยู่หน้าค่ายกองทัพรุ่ยหลิน ทำการประเมินพวกผู้เยาว์ที่มาสมัครเข้ากองทัพอย่างเข้มงวด เขายุ่งมากจนไม่มีเวลาแม้แต่จะจิบน้ำ
ทหารที่กองทัพรุ่ยหลินมองหาในครั้งนี้จะต้องมีอายุระหว่าง 16-22 ปี กองทัพรุ่ยหลินก่อตั้งขึ้นเป็นเวลาหลายปี ผ่านการรบทั้งเล็กและใหญ่มาแล้ว ทหารรุ่นเก่าของพวกเขาล้มตายกันไปทีละคนโดยมีทหารเลือดใหม่มาเติมเต็มช่องว่างเป็นระยะ แต่หลังสงครามใหญ่เมื่อเร็วๆนี้ กองทัพรุ่ยหลินสูญเสียคนไปมากกว่าครึ่ง และต้องใช้เวลานานในการสะสมกำลังคนกว่าจะสร้างกองทัพรุ่ยหลินขึ้นมาใหม่ได้ ดังนั้น จวินเสี่ยนจึงตั้งเป้าหมายที่คนหนุ่มๆ และเมื่อพวกเขาถูกลับจนกลายเป็นดาบที่แหลมคมแล้ว พวกเขาก็จะอยู่ในช่วงอายุที่ดีที่สุด
และในการรับสมัครของกองทัพรุ่ยหลินครั้งนี้ มีกฎเหล็กอยู่ 1 ข้อนั่นคือ ความจงรักภักดี!
พลังที่อ่อนแอสามารถขัดเกลาได้อย่างช้าๆ ร่างกายที่ไม่แข็งแรงก็สามารถพัฒนาได้ด้วยการฝึกฝนอย่างหนัก แต่ถ้าความเชื่อและอุปนิสัยของคนๆนั้นมีข้อบกพร่อง ไม่ว่าจะมีพรสวรรค์มากเพียงใด กองทัพรุ่ยหลินก็จะไม่มีวันยอมรับพวกเขา
ตราบใดที่พวกเขาไม่แย่จนเกินเยียวยาและนิสัยผ่านเกณฑ์ ทุกคนก็จะมีโอกาสได้เข้าร่วมกับกองทัพรุ่ยหลิน
ผู้ชายทุกคนที่อายุเกินกำหนดล้วนแต่เศร้าเสียใจ บางคนถึงกับไปถามหลงฉีว่าพวกเขาต้องการหน่วยพลาธิการหรือไม่ พวกเขาจะยอมทำต่อให้เป็นแค่งานจิปาถะหรืองานทำอาหารให้กับกองทัพรุ่ยหลิน……
คำถามทั้งหมดนี้ทำให้หลงฉีแทบจะเป็นบ้าไปจริงๆ เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
หลงฉีกำลังยุ่งอยู่ตอนที่ทหารรุ่ยหลินคนหนึ่งนำข่าวมาบอก ทันทีที่เขาได้ฟัง เขาก็ลุกขึ้นทันทีและมอบหน้าที่ในการรับสมัครทหารให้กับทหารอีกคน ก่อนจะหันกลับและวิ่งเข้าไปในค่ายกองทัพรุ่ยหลิน
ที่ลานฝึก จวินชิงกำลังฝึกทหารกลุ่มใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมกองทัพ เหตุผลที่กองทัพรุ่ยหลินกลายเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งนั้น ไม่ใช่แค่เพราะบารมีของตัวอักษรที่อ่านได้ว่า “กองทัพรุ่ยหลิน” เท่านั้น แต่มันประสบความสำเร็จได้ด้วยการฝึกฝนอย่างเข้มงวดแบบต่อเนื่อง ไม่มีการอู้หรือเกียจคร้าน กองทัพรุ่ยหลินถึงยังรักษาชื่อเสียงของตัวเองเอาไว้ได้
จวินชิงมองทหารใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมกองทัพก็ต้องผ่านการฝึกโหดกันแล้ว ในแววตาของเขาไม่มีความเมตตาเลยสักนิด ความยากลำบากที่พวกเขาเผชิญอยู่ในตอนนี้จะเพิ่มโอกาสให้พวกเขารอดชีวิตกลับมาจากสนามรบที่พวกเขาจะต้องเผชิญในอนาคตได้
พวกผู้เยาว์ที่ผ่านการคัดเลือกเบื้องต้นเหล่านี้ สุดท้ายจะยังอยู่กับกองทัพรุ่ยหลินหรือไม่นั้นก็ยังไม่อาจรู้ได้ เนื่องจากอีกหนึ่งปีข้างหน้ากองทัพรุ่ยหลินจะดำเนินการคัดกรองอีกรอบ ทุกคนที่ไม่ผ่านเกณฑ์จะต้องออกจากกองทัพรุ่ยหลิน
“ท่านอ๋องน้อย!” หลงฉีวิ่งเข้ามาข้างในอย่างเร่งรีบและกระซิบสองสามคำข้างหูของจวินชิง
ใบหน้าที่ดุดันของจวินชิงพลันเปล่งประกายด้วยความดีใจ เขาสั่งให้พวกทหารใหม่ฝึกฝนต่อไป ก่อนจะหันหลังวิ่งออกไปจากลานฝึก
กลุ่มผู้เยาว์ที่ถูกจวินชิงฝึกโหดเงยหน้าขึ้นพลางหอบหายใจ พวกเขาเห็นจวินชิงวิ่งจากไป สีหน้าของทุกคนดูงงงวยอย่างมาก