ภายในตรอกแสนทรุดโทรม ท่อนฟืนและหญ้าฟางวางกองเกลื่อนกลาดเต็มไปหมดจนแทบไม่มีทางให้เดิน
จู่ๆ ก็มีกลุ่มคนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสันงามตาปรากฏตัวขึ้น คนในตรอกจึงพากันออกมาดู แม้จะประหลาดใจไม่น้อยแต่สายตาที่มองมานั้นก็ดูหวาดหวั่นนัก
เพราะเรื่องเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว เหล่าแม่นมตระกูลเฉิงที่ตามเฉิงเจียวเหนียงมาด้วย คิดว่าจะมีเรื่องใหญ่โตเสียแล้ว จึงตกใจวิ่งหนีไปก่อน พอเฉิงเจียวเหนียงเข้ามาในเขตของเรือนฝั่งเฉิงใต้ พวกนางจึงไม่ได้ตามมา การปรากฏตัวของผู้ติดตามตระกูลโจวและแม่นางน้อยผู้นี้กลายเป็นที่ประหลาดใจของคนในตรอก
เสื้อผ้าชั้นดี ใบหน้าที่เผยออกมาเพียงครึ่งภายใต้หมวกคลุมใบใหญ่ ก็เพียงพอที่จะรู้ได้ว่าแม่นางน้อยที่สวมหมวกอยู่นั้นงามเพียงใด สาวใช้ก็ดูฉลาดหลักแหลม ผู้ติดตามร่างใหญ่กำยำล่ำสัน แถมยังพูดสำเนียงต่างถิ่นอีกด้วย
คนเช่นนี้มาทำอะไรในที่แบบนี้
“ตามหาคน ตามหาคน” พ่อบ้านเฉาตะโกนเอ่ย
“ตามหาผู้ใดหรือ” ผู้เฒ่าคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยถาม ท่าทางดูเคารพนบนอมเป็นอย่างมาก
“เฉิงผิง” พ่อบ้านเฉาตอบ
เฉิงผิงอย่างนั้นหรือ
ทุกคนสบตากัน สีหน้าดูสงสัย ราวกับว่าไม่มีผู้ใดรู้จัก
“เฉิงผิงอย่างนั้นหรือ” ผู้เฒ่าถามก่อนจะส่ายหน้า “ที่นี่ไม่มีคนชื่อนี้หรอก”
พูดจบก็ชี้นิ้วไปอีกฝั่ง
“พวกเจ้าลองไปถามฝั่งเฉิงเหนือดู”
มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าคนพวกนี้น่าจะเป็นพวกเศรษฐี ก็คงคบหาสมาคมกับคนมีเงินด้วยกันกระมัง แม้จะแซ่เฉิง แต่ตระกูลเฉิงที่อยู่ฝั่งนี้ของพวกเขานั้นแสนขัดสน
“จอมต้มตุ๋น” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย
พอคำพูดนั้นเอ่ยออกไป ผู้คน ณ ที่นั้นก็พากันชะงักงัน
นี่กำลังด่ากันหรือ
“ตามหาจอมต้นตุ๋น” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย
ทุกคนเข้าใจในทันใด
“เจ้ามาตามหาจอมต้มตุ๋นนั่นหรือ” ผู้เฒ่าถามพลางก้าวเข้ามาใกล้
เฉิงเจียวเหนียงพยักหน้า
“มาตามหาจอมต้มตุ๋นนี่เอง!”
“จอมต้มตุ๋นชื่อเฉิงผิงหรอกหรือนี่”
“จอมต้มตุ๋นก่อเรื่องอีกแล้วละสิท่า ข้าบอกตั้งแต่แรกว่าอย่าให้เขาอยู่ที่นี่…”
เสียงถกเถียงดังขึ้นจากทั่วสารทิศ
ในที่สุดก็หาเจอ เฉิงเจียวเหนียงถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เขาพักอยู่ที่ใด” นางถาม
“เขาน่ะหรือ เดิมทีอยู่กับเรือนแม่นางซู่แถวนั้นกระมัง” ผู้เฒ่าเอ่ยพลางมองผู้คนรอบๆ
“แต่ตอนนี้ไม่ได้อยู่แล้ว สองสามวันก่อนพายุพัดจนเรือนพังไปหมดแล้ว คนเขาก็เก็บไม้ไปทำฟืนแล้วล่ะ เขายังหาที่อยู่ไม่ได้เลย หาที่ซุกหัวนอนแถวนี้ไปวันๆ….” ใครคนหนึ่งตะโกนบอก
“โธ่ แม่นางน้อย จอมต้มตุ๋นนั่นหลอกเอาเงินจากพวกท่านหรือ ถึงเขาจะแซ่เฉิง แต่ก็ไม่นับว่าเป็นคนตระกูลเฉิงเหมือนพวกข้าหรอกนะ” มีคนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
เฉิงเจียวเหนียงเงียบฟังก่อนจะยกมือขึ้น
“ตามหา” นางเอ่ย
พ่อบ้านเฉาเข้าใจในทันใด พลางก้าวเข้ามาข้างหน้า
“ไปตามเขามา” เขาเอ่ยก่อนจะปลดถุงเงินที่เอวขึ้นมาแกว่งไปมา “นี่คือเงินรางวัล”
ท่ามกลางแสงแดดที่สาดส่อง ถุงปักดิ้นทองส่งประกายระยิบระยับในแววตาของทุกคน หลังจากทุกอย่างชะงักงันไปชั่วพริบตา ภายในตรอกก็โกลาหลขึ้นมาในทันใด
ผู้ใหญ่วิ่งตามเด็กออกไป แม้แต่ผู้เฒ่าก็ยังไม่เว้น บ้างที่ถือกระจาดอยู่ก็โยนกระจาดทิ้ง บ้างที่ถือเสื้อผ้าอยู่ก็โยนเสื้อผ้าทิ้ง แยกย้ายกันวิ่งออกไปทั่วสารทิศ เหล่าแม่นมตระกูลเฉิงที่เพิ่งตามมาถึงก็ถูกชนเข้าเพราะหลบไม่ทัน
“ทำอะไรของพวกเจ้าน่ะ” เหล่าแม่นมตะโกนลั่น พวกนางตกใจกับภาพที่ได้เห็น
สำหรับฮูหยินใหญ่เฉิงแล้วพวกนางคือแม่นมที่เก่งกาจ แต่สำหรับคนฝั่งเฉิงใต้แล้วไม่มีผู้ใดรู้จักพวกนาง หามีโอกาสได้พบกันอยู่ไกลๆ ก็เพียงแค่ส่งยิ้มทักทาย แต่ยามนี้นางยืนอยู่ใกล้จนเกินไป ใกล้จนถูกชนจนแทบยืนไม่มั่น ทั้งยังไม่มีผู้ใดส่งยิ้มทักทายให้แก่พวกนาง แต่ละคนต่างวิ่งออกไปด้วยสายตามุ่งมั่น
ไม่นานทุกคนก็พากันวิ่งออกไปจนหมด ตรอกที่แสนวุ่นวายเมื่อครู่เหลือเพียงเฉิงเจียวเหนียงและเหล่าผู้ติดตาม
“นายหญิง นั่งรอก่อนเถิดขอรับ” พ่อบ้านเฉาสั่งให้คนยกขอนไม้สำหรับเตรียมทำฟืนมา เขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าเป็นของบ้านใด
เฉิงเจียวเหนียงรวบกระโปรงแล้วนั่งลง
เหล่าแม่นมตระกูลเฉิงหันมามองหน้ากันพร้อมส่งสายตา
“นายหญิง ฮูหยินตามหาท่าน ท่านกลับไปก่อนเถิดเจ้าค่ะ” คนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยขึ้น
“ข้ายังมีธุระ หากเสร็จแล้วข้าจะไปพบนาง” เฉิงเจียงเหนียงตอบ
จองหองนัก!
เหล่าแม่นมตกตะลึง
ตามหลักแล้วหากพูดรู้ความ พวกนางก็จะคะยั้นคะยออีกสักคำสองคำ แต่หากเจอคนพูดไม่รู้ความก็จะลากตัวพาเดินออกไป แต่ยามนี้คำพูดโน้มน้าวคงใช้ไม่ได้ผลกับแม่นางผู้นี้ นั่นก็แปลว่านางพูดไม่รู้ความ แต่ถึงจะดื้อดึงอย่างไรพวกนางก็ไม่รู้จะลากตัวออกไปอย่างไร… ก็ดูเหล่าชายหน้ายักษ์สิบกว่าคนที่ยืนข้างๆ นั่นสิ เชื่อได้ว่าหากพวกนางทำท่าทางจะจู่โจมเข้าไป เหล่าชายพวกนั้นคงกลืนกินพวกนางลงท้องเหมือนเสือที่หิวโหยเป็นแน่
ทุกอย่างพลันชะงักลง แน่นอนว่ามีเพียงเหล่าแม่นมเท่านั้นที่ชะงักไป
ไม่ว่าพวกนางจะคิดหรือกังวลเรื่องใด เฉิงเจียวเจียงและคนอื่นๆ ก็ไม่ได้มีท่าทีสนใจเลยแม้แต่นิด
หลังจากคนที่นั่นพากันวิ่งออกไป ก็เริ่มมีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นจากทางอื่น ไม่นานเสียงดังก็แผ่กระจายไปทั่วสารทิศ
แต่ที่น่าเสียดายก็คือ จนกระทั่งตะวันตกดินสุดท้ายแล้วก็ไม่มีผู้ใดพบร่องรอยของเฉิงผิงแต่อย่างใด
“แม่นาง เจ้านั่นต้องหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งแน่นอน แต่ก่อนก็เคยก่อเรื่องเช่นนี้มาแล้ว” ผู้เฒ่าเอ่ย “เจ้านั่นถูกไล่ตีจนเคยชินเสียแล้ว ซ่อนตัวเก่งนัก… ท่านกลับไปก่อนดีหรือไม่ พวกข้าจะตามหากันต่อ”
“ใช่เจ้าค่ะนายหญิง กลับกันก่อนเถิด” แม่นมรีบเอ่ยโน้มน้าว
เฉิงเจียวเหนียงยืนขึ้น
“ก็ได้ เช่นนั้นพวกเจ้าตามหากันต่อไป” นางเอ่ยก่อนจะหันหลังเดินจากไป
พ่อบ้านเฉาโยนถุงเงินในมือออกไป
แม้จะเป็นยามพลบค่ำทว่าผู้เฒ่านั้นยังคงรับถุงไว้ได้อย่างว่องไว
“หากหาเจอแล้วจะมีเงินรางวัลให้อีก เงินนี่ถือเสียว่าเป็นค่าเหนื่อย!” พ่อบ้านเฉาเอ่ย
ในถุงนี้มีเงินหนึ่งก้วนได้กระมัง! นี่แค่ค่าเหนื่อยอย่างนั้นหรือ! ช่างมีเมตตาเหลือเกิน!
ภายในตรอกก็พลันโกลาหลวุ่นวายขึ้นมาในทันใด
พวกเขายืนมองแม่นางน้อยที่ถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนหันหลังเดินจากไป ผ้าคลุมผืนใหญ่ปลิวไสวในยามค่ำคืน
“นางคือผู้ใดกัน” ผู้เฒ่าเอ่ยถามพึมพำขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“มีทั้งแม่นมของฮูหยินใหญ่และฮูหยินรองคอยติดตาม ท่าทางทุกคนก็ดูเกรงกลัวนางนัก คงเป็นแขกตระกูลใหญ่โตของฝั่งโน้นกระมัง” มีคนเอ่ยขึ้นเสียงดัง
เพราะเมื่อครู่ทุกคนมัวแต่รีบพากันออกไป หลายคนจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นเหล่าแม่นม ถึงจึงจะเห็นแต่ก็ไม่ทันได้ทักทาย พอมาหยุดดูเอาตอนนี้ ทุกคนที่เพิ่งได้สติก็เห็นว่ามีแม่นมเดินตามหลังแม่นางผู้นั้นอีกเป็นขบวน
“ข้านึกออกแล้ว!” มีคนตะโกนขึ้น “คนบ้าที่เพิ่งกลับมาเมื่อวานซืนอย่างไรเล่า! ข้าจำเสื้อผ้าของนางได้!”
เสียงคนโต้ตอบเริ่มดังขึ้นหลังประโยคนั้น
“ใช่ ใช่ ข้าก็นึกออกแล้ว ผู้ติดตามพวกนั้นด้วย!”
“ไม่ผิดแน่ ไม่ผิดแน่ เป็นนางแน่นอน ตอนนั้นข้ายังพูดว่าคนอะไรงามดั่งนางฟ้า!”
“ไม่เหมือนคนบ้าเลยสักนิด! คนพวกนั้นตาบอดหรืออย่างไร มากล่าวหากันว่าเป็นคนบ้า!”
ค่ำคืนนี้ความวุ่นวายในฝั่งเฉิงใต้คงยากจะสงบลง ส่วนฝั่งเฉิงเหนือก็ไม่ดีกว่ากันไปสักเท่าไหร่
“คือผู้ใดกัน”
ฮูหยินใหญ่เฉิงไม่มีแรงแม้แต่จะนั่ง ตั้งแต่กลับมาจากข้างนอกก็เอาแต่นอน แม้แต่มื้อเย็นก็ยังไม่ได้กิน นางมองแม่นมที่สืบข่าวกลับมาแล้วเอ่ยถามอย่างไร้เรี่ยวแรง
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ก็ไม่รู้เจ้าค่ะ” แม่นมเอ่ย “ชายผู้นั่นเพิ่งจะมาอยู่กับเราที่นี่เมื่อปีก่อน”
“ปีก่อนรึ” ฮูหยินใหญ่เฉิงได้ยินดังนั้นก็หยัดตัวลุกขึ้นนั่ง “เช่นนั้นก็ไม่ใช่คนตระกูลเฉิงน่ะสิ แล้วเหตุถึงให้เขาอยู่ที่นี่ รีบไล่ออกไป รีบไปไล่ออกไป!”
“ข้าเองก็ยังไม่มั่นใจเจ้าค่ะ ได้ยินว่ามาจากสู่โจว นายท่านเป็นคนให้เขาอยู่ที่นี่ เรื่องเป็นมาอย่างไรไม่มีผู้ใดรู้แน่ชัด วันๆ ไม่ทำการทำงานอะไร ต้มตุ๋นคนไปทั่วหากินไปวันๆ วันหนึ่งอยู่ที่หนึ่ง อีกวันก็ไปอยู่อีกที่หนึ่ง คนฝั่งนู้นก็รำคาญเสียจนไม่รู้จะทำเช่นไร ได้ยินมาว่าหลอกแม้กระทั่งเด็กเล็ก…” แม่นมเอ่ย
…………………………………..