บทที่ 372 ควรฆ่า

คู่ชะตาบันดาลรัก

สีหน้าของเชิ่งชีเปลี่ยนไปเขาถามเสียงแหบ “พวกท่านรู้ได้อย่างไร”

หมิงเวยเหลือบมองโหวเหลียงแล้วพูดช้าๆ “ท่านโหวพูดหลายรอบว่ามีพิษ…บอกชัดเจนเช่นนี้พวกเราจะไม่เข้าใจได้อย่างไร”

เชิ่งชีจ้องมองโหวเหลียงอย่างขุ่นเคือง “เจ้าหลอกข้า!”

โหวเหลียงซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของทั้งสองเพราะรู้สึกว่าตนเองจะปลอดภัย เขาสะบัดแขนเสื้อที่ขาดรุ่งริ่งอย่างมาดนักปราชญ์แล้วพูดว่า “เจอกับอำนาจอิทธิพลมาข่มขู่ก็ไม่ยอมสยบท่านคงเข้าใจอะไรข้าผิดไป”

ก่อนหน้านี้ยังดูมีท่าทีรักตัวกลัวตายอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับมีใบหน้าที่เด็ดเดี่ยวผึ่งผาย เชิ่งชีอุตส่าห์วางแผนอย่างดีเพราะความผิดพลาดนี้ทำให้เขาตะโกนด้วยความโกรธว่า “ตายซะเถอะ!”

พูดจบเขาก็ยกมือขึ้นเผยอาวุธลับออกมาความหยิ่งในศักดิ์ศรีของโหวเหลียงหายไปทันทีเขาหนีหัวซุกหัวซุน

“แม่นางช่วยข้าด้วย!”

“ติง!” หมิงเวยขว้างหินออกไปทำให้อาวุธลับตกลงมา การเคลื่อนไหวนี้ส่งผลต่ออาการบาดเจ็บภายในนางไอออกมา

เชิ่งชียิ้มเยาะ “พวกท่านพบแล้วอย่างไรคนหนึ่งอ่อนแรงไร้พลังอีกคนรักตัวกลัวตาย ส่วนอีกคนไม่เข้าใจวิชาทั้งหมดพวกท่านจะทนได้นานเพียงใดกัน!” พูดจบเขาก็ยกกริชในมือแล้วพุ่งเข้ามาหาทันที

“ตัวฝู!” หมิงเวยตะโกน “สนใจฝีเท้า”

“เจ้าค่ะ!” ตัวฝูพุ่งออกไปแล้วทำตามคำแนะนำของนาง

“เหมิง”

ตัวฝูก้าวเท้าออกมา จังหวะกริชของเชิ่งชีค่อยๆ วาดผ่านนางไป

“ซุ่น”

เชิ่งชีตวัดกริชตัวฝูพลิกตัวกลับและกระโดด เกิดช่องโหว่ตรงหน้าจึงตวัดกริชออกไป การจู่โจมครั้งนี้ทำให้เชิ่งชีถอยออกมา

“อู๋ว่าง”

ตัวฝูบุกประชิดกริชหมุนกลับมาอีกทาง

เชิ่งชีหัวเราะ “เจ้าเก่งกาจเช่นนี้ข้าจะเล่นกับเจ้าเอง!” คำว่าเจ้าที่เขาเอ่ยถึงไม่รู้ว่าหมายถึงตัวฝูหรือหมิงเวย

โหวเหลียงหลบอยู่หลังพุ่มไม้เฝ้าดูการต่อสู้อย่างระมัดระวังพลางอธิษฐานในใจว่าตัวฝูต้องชนะ! ตนทำผิดต่อบุรุษผู้นี้มากหากไม่ชนะชีวิตเขาจบสิ้นแน่

เมื่อเหลือบมองก็เห็นว่าหมิงเวยกำลังมองมาที่ตนอยู่นางกำลังแนะนำตัวฝู แต่มือที่ไพล่หลังอยู่กำลังทำท่าทาง

โหวเหลียงมองไปในทิศทางที่นางกำลังชี้ไปทันใดนั้นก็พบว่าท่อนไม้ไผ่ที่สูงตระหง่านเป็นพิเศษซึ่งก่อนหน้าที่เขาเดินผ่านยังไม่เห็นเลย…

หมิงเวยยิ้มให้เขา

โหวเหลียงคุ้นเคยกับการสังเกตสีหน้าและคำพูด หลายวันมานี้เขาศึกษานิสัยของหมิงเวยอย่างละเอียด ดังนั้นเขาจึงขยับตำแหน่งอย่างระมัดระวังยืนอยู่ด้านหลังต้นไผ่และประคองมันเบาๆ

หมิงเวยพยักหน้า มือห้อยอยู่อย่างนั้นไม่ขยับ โหวเหลียงถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่มือก็จับไว้ไม่ขยับ

อีกด้านหนึ่ง หมิงเวยยิ่งบอกยิ่งเร็ว ตัวฝูเองยิ่งจู่โจมยิ่งเร็วขึ้น การต่อสู้กับเชิ่งชียากที่จะแยกออก เชิ่งชีรู้สึกอัดอั้นในใจ

เขาซ่อนอยู่ในทุ่งหญ้ามานานกว่าสิบปี แผนการทุกอย่างกลับพังลงเพราะหมิงเวย ตอนนี้ขอเพียงจับหมิงเวยมาทรมานได้ถึงจะสามารถขจัดความโกรธของตนได้ แต่สาวใช้ผู้นี้รับมือยากมาก ท่วงท่าหยาบๆ แต่พลังภายในกลับพลุ่งพล่าน ทำให้เขาต้องรับมืออย่างสุดกำลัง

“ต้าโหย่ว หลิน ฟู่ ข่าน หมิงอี๋ กุยเม่ย…”

ตำแหน่งการก้าวเท้าถูกเอ่ยออกมาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งตัวฝูออกแรงอย่างราบรื่นยิ่งรู้สึกว่าพลังของนางไม่มีที่สิ้นสุด

ในตำแหน่งกุยเม่ยไหล่ขวาของเชิ่งชีอยู่ตรงหน้านางพอดีนางจึงใช้ฝ่ามือซ้ายตบออกไป

เชิ่งชีบิดตัวฝ่ามือลมของตัวฝูมาถึงก็สายเกินไปที่จะสกัดกั้นหรือหลบ เขาถูกกระแทกจนกระเด็นออกไปหลายก้าว

ในตอนนั้นเอง ฝ่ามือของหมิงเวยที่ห้อยรออยู่ก็กำแน่น โหวเหลียงที่ได้รับคำสั่งจับไม้ไผ่แน่นแล้วกดอย่างแรง

“อัก…”

เชิ่งชีเห็นบางอย่างที่เป็นสีเขียวเต้นระบำอยู่เต็มไปทั่วท้องฟ้า พื้นดินใต้ฝ่าเท้าของเขายวบลงจนเขาทรุดตัวลงกับพื้น ธนูไม้ไผ่พุ่งออกมาอย่างไม่เป็นระเบียบ เขายกกริชมาฟันทิ้ง แต่ก็ยังมีอันหนึ่งพุ่งออกมาจากใต้ฝ่าเท้าแทงเข้าไปที่ต้นขาของเขาโดยตรงอยู่ดี

ไม่ต้องรอสัญญาณจากหมิงเวยตัวฝูก็พุ่งเข้าไปหาเขาทันที ดวงตาของเชิ่งชีแดงก่ำไม่คิดว่าสตรีผู้นี้จะเจ้าเล่ห์เพทุบายเช่นนี้ นางสามารถวางกับดักได้ในเวลาอันสั้น เขาคำรามเสียงดังอย่างไม่คิดสงวนท่าทีอีกต่อไป

จนถึงตอนนี้อุบายอะไรก็ใช้ไม่ได้แล้ว

หมิงเวยหยุดรายงานจังหวะฝีเท้าเชิ่งชีเคลื่อนไหวไม่ได้แล้วจึงทำได้แต่เพียงอาศัยความแข็งแกร่งต่อต้านตัวฝู ทำได้เพียงมองการเคลื่อนไหวของตัวฝู

หลังจากนั้นไม่นานตัวฝูก็มีบาดแผลมากมายตามตัว ดวงตาของเชิ่งชีเป็นสีแดง แม้ว่าต้นขาของเขาจะสูญเสียการเคลื่อนไหว เลือดไหลหมดตัว แต่ก็ยังคงดุร้ายสุดขีดซึ่งเขาก็ได้แทงไหล่ของตัวฝูด้วยกริชเล่มเดียว

“อา!” เสียงร้องนี้ไม่ได้เป็นเสียงของตัวฝู แต่เป็นของโหวเหลียง กริชแทงเข้าไปลึกมากอาจแทงทะลุถึงกระดูก

นี่เป็นครั้งแรกที่ตัวฝูได้เจอการต่อสู้ที่อันตรายแล้วก็เป็นครั้งแรกที่นางได้รับบาดเจ็บสาหัสซึ่งนางเจ็บปวดมากจนน้ำตาไหลออกมา แต่นางก็กัดฟันและใช้ประโยชน์จากกริชของเชิ่งชีที่แทงกระดูกของตน ใช้โอกาสที่อีกฝ่ายไม่สามารถดึงกริชกลับมาได้แทงกริชออกไป

“สวบ!” เลือดสาดกระเซ็นกริชแทงในจุดตันเถียน[1] กำลังภายในของเชิ่งชีก็แตกสลายในทันที

ตัวฝูแทงกริชอย่างหมดท่าความรู้สึกของการใช้อาวุธมีคมแทงเข้าเนื้อนั้นไม่ดีเอาเสียเลย เลือดไหลออกมาตามร่องเลือดบนกริชกลิ่นคาวหนักมากจนทำให้ผู้คนอยากอาเจียน ก่อนหน้านี้อย่าว่าแต่คนเลยไก่นางยังไม่เคยฆ่าเลยด้วยซ้ำ

นางเข้าจวนตระกูลหมิงตั้งแต่เด็กในฐานะสาวใช้ส่วนตัวของคุณหนูนางเคยทำงานหนักเช่นนี้ที่ไหนกัน แต่นางไม่สามารถถอยหลังกลับไปได้อีกแล้ว

เพราะหากนางถอยทั้งสามคนในที่นี้คงอยู่ภายใต้คมดาบของเชิ่งชีเป็นแน่

หางตาเหลือบไปเห็นหมิงเวยเห็นว่ามือของนางออกแรงบิด

ตัวฝูจึงบิดตาม พอขยับกริชเลือดก็ไหลเร็วขึ้นในที่สุดก็มาถึงจุดสิ้นสุด

เชิ่งชีเบิกตากว้างเขามองสองนายบ่าวแล้วร่างของเขาก็ล้มลง ตัวฝูปล่อยมือแล้วยืนนิ่ง หมิงเวยฝืนลุกขึ้น และเดินไปอย่างช้าๆ

เลือดไหลออกจากปากของเชิ่งชีเขามองหมิงเวยอย่างไม่พอใจและพยายามเค้นเสียงถามออกไป “ท่าน…เป็นผู้ใดกันแน่”

หมิงเวยก้มหน้ามองเขาด้วยแววตาสงบนิ่ง “ศัตรูของตำหนักดวงดาว”

สิ้นเสียงนางก็ยกเท้าขึ้นเหยียบกริชแล้วกระทืบอย่างแรง

เชิ่งชีกระอักเลือดออกมาครั้งสุดท้ายแววตาของเขาค่อยๆ เลื่อนลอย

“หวา!” ตัวฝูหมุนตัวไปอาเจียน

หมิงเวยตบนางเบาๆ “อย่ากลัวเขาเป็นคนไม่ดีสมควรตายแล้ว”

ตัวฝูอาเจียนอาหารเย็นออกมาจนหมดนางเช็ดน้ำตาไปพลางพูดว่า “บ่าวรู้แล้วเจ้าค่ะ คุณหนู บ่าวแค่ แค่…”

“ไม่ชินหรือ” หมิงเวยยิ้ม “ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็ชิน บางครั้งเพื่อปกป้องคนบางคนก็ต้องฆ่าคนบางคน แม้ฟังดูอาจโหดร้าย แต่เราก็จำเป็นต้องเลือก”

“เจ้าค่ะ”

หมิงเวยนั่งลงค้นศพของเชิ่งชีตัวฝูพูดว่า “คุณหนู บ่าวเองเจ้าค่ะ!”

นางส่ายหน้า “เจ้าไม่รู้หรือว่าตัวเองบาดเจ็บอยู่รีบไปรักษาตัวเร็ว”

“ข้าเองๆ!” โหวเหลียงรีบเข้ามาประจบประแจง

แม้เขาจะเตือนไปก่อนล่วงหน้าแล้ว แต่เขาก็เป็นคนพาคนไม่ดีนี้เข้ามาเลยกลัวว่าหมิงเวยจะคิดเยอะ

หมิงเวยไม่คัดค้านอะไรมองดูเขาใช้ยาห้ามเลือดอย่างเร่งรีบแล้วพูดว่า “ท่านโหวไม่ขายพวกเราหายากมากเลย!”

โหวเหลียงทำสีหน้าจริงจัง “พวกเราร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตั้งนานข้าเองก็มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีนะ!”

“งั้นหรือ”

แววตาของหมิงเวยเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม โหวเหลียงจึงพูดเสียงเบา “คนผู้นี้ดุร้ายเกินไป หากแม่นางตายเขาคงฆ่าข้าตามไปด้วยอย่างแน่นอน”

นี่คือเหตุผลหลักใช่หรือไม่ โหวเหลียงพูดจบเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติแต่อย่างไรก็คิดไม่ออกจึงพันแผลให้ตัวฝูก่อน

ขณะที่เขากำลังพันแผลทันใดนั้นเขาก็ร้องออกมาโหวเหลียงผงะแล้วกรีดร้องว่า “ข้า ข้าได้ทานยาพิษของเขาไปด้วย!”

…………..

[1] จุดตันเถียน : มีสามแห่งคือ ที่ตรงกลางระหว่างคิ้ว (ตันเถียนบน) ตรงกลางหัวใจ (ตันเถียนกลาง) และตรงท้องน้อย (ตันเถียนล่าง)