บทที่ 374 สติปัญญา

คู่ชะตาบันดาลรัก

หยางชูสั่งให้องครักษ์ถอยออกไป อาสวนและคนอื่นๆ จึงออกไปรอข้างนอกอย่างเชื่อฟัง

องครักษ์ของเหลียงจางก็ถูกให้ออกไปเช่นเดียวกัน และทั้งสองฝ่ายยืนอยู่ในห้องโถงคนละฝั่งกัน อย่างไรก็ว่างไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว…

อาสวนคารวะให้หัวหน้าองครักษ์ “ข้าน้อยมีนามว่าหยางสวน ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอะไรหรือ”

มีคำกล่าวไว้ว่ามือที่ยื่นมาย่อมไม่ตบคนที่ส่งยิ้มให้ซึ่งอาสวนเองก็พูดพลางส่งขวดสุราไปให้

หัวหน้าองครักษ์ได้กลิ่นก็รู้ว่าเป็นสุราชั้นดีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า แต่มือผลักออกไปอย่างสุภาพ “อยู่ในหน้าที่ไม่สามารถดื่มได้ขอบคุณน้องหยางมาก ข้ามีนามว่าหูเว่ยพี่น้องทั้งหลายเรียกข้าว่าพี่หู”

“พี่หูช่างทำหน้าที่ของตนเองได้ดีจริงๆ”

อาสวนยกนิ้วให้แล้วส่งขวดสุราให้ “มารยาทในการพบปะจะเรียกเก็บคืนได้อย่างไร นี่เป็นสุราอวี้เจียวที่ข้านำมาจากเมืองหลวงไม่ถือว่าเป็นของล้ำค่า แต่ก็เป็นของหายาก ตอนนี้พี่หูดื่มไม่ได้เลิกงานค่อยชิมก็ได้ มันเป็นความปรารถนาของน้องชาย”

หูเว่ยตาเป็นประกายสุราอวี้เจียวเป็นสินค้าของเจ๋อกุ้ยโหลวซึ่งมีราคาสูงมาก กระเป๋าตุงๆ นี้หนักประมาณสองจิน มีอย่างน้อยร้อยตำลึงทำไมจะไม่แพงเล่า เขาเป็นนักดื่มที่เก่งผู้หนึ่ง ในฐานะองครักษ์ของเหลียงจางจึงมักจะไม่ได้รับของขวัญใดๆ เลย ดังนั้นเขาจึงหยิบมันขึ้นมาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจ”

อาสวนหัวเราะและพูดคุยกับหูเว่ย ภาระหน้าที่ของทั้งสองก็คล้ายคลึงกัน ทั้งสองมาจากเมืองหลวงเพื่อติดตามเจ้านายจึงเป็นหัวข้อสนทนาที่ดีไม่นานพวกเขาก็เข้ากันได้อย่างดี

มีเขาเป็นตัวอย่างขุนศึกตระกูลหยางคนอื่นๆ จึงทำตาม และได้พูดคุยกับองครักษ์ของเหลียงจางอย่างรวดเร็ว สีหน้าของหูเว่ยเปลี่ยนไปเมื่อมีเสียงดังออกมาจากห้องโถงจึงถือกระบี่รีบพุ่งเข้าไป

เขาก้าวไปเพียงก้าวเดียว จู่ๆ ก็มีแรงมหาศาลจากด้านหลัง กระบี่คาดเอวถูกใครบางคนคว้าไป และเมื่อเขาจะหันหลังกลับคอก็ถูกใครบางคนโอบไว้

“พี่หูอย่าไปเลย!” อาสวนหัวเราะ “พวกเราคุยกันสนุกอยู่เลย!”

หูเว่ยตกใจเขาโต้ตอบไปว่า “พวกเจ้ามาก่อเรื่องหรือ พี่น้องข้า…”

เขายังพูดไม่ทันจบสีหน้าของเหล่าขุนศึกตระกูลหยางที่พูดคุยกับทหารของเขาเมื่อครู่อย่างมีความสุขเปลี่ยนไปทันที พวกเขารีบวิ่งไปข้างหน้าโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

ในเรื่องของจำนวนแน่นอนว่าคนของจวนย่อมมีมากกว่า แต่อาสวนและคนอื่นจู่โจมอย่างฉับพลันขณะที่อีกฝ่ายเผลอชิงฉวยโอกาสก่อนเป็นฝ่ายแรก

“อย่าขยับ! หากพวกท่านขยับ พี่น้องข้าตกใจง่ายเวลาตกใจจะชอบเตลิด คงไม่ดีหากเผลอทำร้ายพี่หูเข้า!”

อาสวนยิ้มแล้วหยิบขวดสุราที่เอวของหูเว่ยกลับไป ตั้งร้อยกว่าตำลึงจะทำให้เสียของไม่ได้

โชคดีที่เสียงของหยางชูดังออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว “พวกเจ้าทำอะไรกัน อาสวน อย่าหยาบคายกับคนของแม่ทัพเหลียงพวกเขาเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่ปกป้องบ้านเมืองทำเช่นนี้ไม่เหมาะสม”

ประโยคนี้ฟังดูปกติ แต่น้ำเสียงไม่ถูกต้องนัก ปกป้องบ้านเมือง สี่คำนี้ฟังดูเหมือนกำลังเสียดสี แต่อาสวนก็เชื่อฟังเป็นอย่างดี เขาปล่อยหูเว่ยทันที และน้อมรับความผิด “ขอรับ ข้าน้อยผิดไปแล้ว”

เหล่าทหารของจวนแม่ทัพหรือจะเสียเปรียบ ทันทีที่พวกเขาปล่อยมือก็คิดจะโจมตี แต่เสียงของเหลียงจางดังมาจากข้างใน “หยุดซะ ข้ากำลังคุยกับหลานหยาง พวกเจ้าก่อเรื่องอะไรกัน”

หูเว่ยประหลาดใจ “แม่ทัพเหลียง พวกเขา…”

เขาไม่ใช่คนโง่การเคลื่อนไหวเมื่อครู่หมายความว่าเกิดการทะเลาะวิวาทภายในห้อง ยิ่งกว่านั้นคนของตระกูลหยางหยาบคายเกินไปพวกเขาเคลื่อนไหวก่อน หากไม่เอาคืนแล้วพวกเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

เหลียงจางพูด “พวกเราจะไม่พูดเรื่องนี้อีกพวกเจ้าตื่นเต้นอะไรไปเฝ้าประตูให้ข้าซะ!”

หูเว่ยทำได้เพียงกลั้นใจตอบ “ขอรับ…”

ภายในห้องโถงเหลียงจางนั่งตัวตรงและถามเสียงต่ำ “พอใจหรือยัง”

หยางชูพยักหน้าทั้งรอยยิ้ม “ดีมากเลยขอรับทำให้แม่ทัพเหลียงหนักใจแล้ว อ้อ ไม่สิ ท่านอาเหลียง!”

เหลียงจางเรียกหลานชายเขาก็ควรเรียกท่านอาสิ!

เหลียงจางรู้สึกขยะแขยงกับคำว่าท่านอาเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดหวังว่าหยางชูจะกล้าได้กล้าเสียจนกล้าทำอะไรบางอย่างในจวนของเขา และยังถูกอีกฝ่ายควบคุมไว้เสียอีก

จากนั้นอีกฝ่ายก็หยิบยาเม็ดสีแดงแล้วโยนเข้าปากของตน จากนั้นก็พูดว่านี่เป็นพิษกู่ของราชวงศ์ก่อน หากไม่ได้รับยาแก้พิษ พิษจะโจมตีในหนึ่งเดือนและเขาจะเน่าจากภายในสู่ภายนอก

ยาลับของราชวงศ์ก่อนดีตรงไหนกันจากสติปัญญาของเหลียงจางเขาไม่เชื่อ แต่เขาหวงแหนชีวิตของเขา แล้วถ้าเป็นจริงล่ะ คิดไปคิดมาคำขอของหยางชูก็ไม่รุนแรงเกินไป แต่เขาแค่ไม่กล้าเดิมพันกับมัน

“ท่านต้องการยืมเส้นทางข้าจะเขียนใบมอบอำนาจให้ท่าน” เหลียงจางพูด “แต่ท่านต้องอยู่ที่นี่ไม่เช่นนั้นหากท่านไม่กลับมา…” หยางชูส่ายหน้า

เหลียงจางพูดอย่างโกรธเคือง “ข้าเลือกที่จะปิดตาข้างนึงแล้วท่านต้องการอะไรอีก”

หยางชูสะบัดชายกระโปรงแล้วนั่งลง “ท่านอา ใจร้อนมากไปก็ไม่ดี เรื่องช่วยคนไม่ควรใจร้อนพวกเรามาคุยกันดีๆ ดีกว่า”

ผีสิที่อยากคุยกับเจ้า! แต่เพื่อชีวิตเล็กๆ เหลียงจางทำได้เพียงกัดฟันพูด “ท่านคิดจะทำอย่างไร”

หยางชูยิ้ม “ท่านบอกสถานการณ์ที่ท่านรู้มาก่อน ข้ารู้ว่านกอินทรีของกองทัพซีเป่ยมีหน้าที่รับผิดชอบข่าวกรองของศัตรู”

เหลียงจางกระตุกยิ้มมุมปากนกอินทรีเป็นหน่วยงานหนึ่งของหวงเฉิงซือซึ่งมีหน้าที่หลักในการสอดแนมข้อมูล หยางชูพูดถึงเรื่องนี้แสดงว่าเขาต้องรู้

“ท่านไม่พูดย่อมได้” เขาพูดอีกว่า “เส้นทางเหล่านั้นของหวงเฉิงซือข้าคุ้นเคยเป็นอย่างดีหากคิดจะเปิดเผยพวกเขาย่อมไม่ใช่เรื่องยาก” เหลียงจางก็ตื่นตัวในทันที

หากสถานะของนกอินทรีถูกค้นพบเรื่องนี้คงไปถึงหูของฮ่องเต้ แม้เขาจะใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้องเพื่อผลประโยชน์หรือเพื่อเป้าหมายบางอย่าง แต่ความไร้สามารถนี้ทำให้ฮ่องเต้รู้…

“ท่านอยากรู้อะไร”

เขาถอนหายใจหยางชูไม่มีความเกรงใจเลยแม้แต่น้อย “ท่านรู้สถานการณ์ของนางใช่หรือไม่ ตอนนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง”

เหลียงจางตอบ “นางไปก่อเรื่องที่เขาเทียนเสิน หน่วยนกอินทรีได้สอดแนมเหตุการณ์นี้แล้ว ซูถู องค์ชายเจ็ดแห่งเผ่าหมาป่าหิมะกำลังไล่ตามนางคิดจะจับนางกลับไปเพื่อลงโทษตามกฎ ตอนนี้พวกเขาอยู่ระหว่างทางยังมีเวลาอีกไม่กี่วันกว่าจะถึงเป่ยเทียนเหมิน”

“นางปลอดภัยดีหรือไม่บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

“เรื่องนี้ข้าไม่รู้ การรายงานข้อมูลกลับมาต้องใช้เวลา ข้อมูลล่าสุดคือครึ่งเดือนก่อนพวกเขากำลังเดินทางไปตามทะเลสาบนั่วเจีย” หยางชูนึกถึงแผนที่ในหัว

ซูถูผู้นี้ไล่ตามนางเมื่อครึ่งเดือนที่แล้วบ่งบอกว่าเขาเข้าใจเส้นทางของนางเป็นอย่างดี ช่วงสุดท้ายของการเดินทางจึงเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุด

“อีกฝ่ายพาคนไล่ตามนางมากี่คน”

“สิบกว่าคนได้” หมายความว่าไม่มีผู้ไล่ตามคนใหม่หรือ

หยางชูรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย และเมื่อเห็นแววตาของเหลียงจาง เขาก็ตะโกนขึ้นว่า “ยังมีเบาะแสอีกใช่หรือไม่ ท่านอาคิดให้ชัดเจนไม่เช่นนั้นหากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา ข้าจะไม่ให้ยาถอนพิษท่าน!”

เหลียงจางโกรธมากเขาที่เป็นถึงแม่ทัพฝ่ายขวาอยู่ในตำแหน่งที่ขุนนางจากเมืองหลวงเห็นเขายังต้องให้ความเคารพ แต่เด็กจากตระกูลหยางที่ไม่เป็นที่โปรดปรานผู้นี้ทำกับเขาเหมือนเขาเป็นคนใช้ เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าหยางชูสุภาพกับเขาอยู่

ทางด้านช่องแคบไป๋เหมินเนื่องจากภูมิประเทศค่อนข้างราบเรียบ สงครามจึงมักเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามเป่ยเทียนเหมินเป็นประตูด่านที่คอยปกป้องไม่ให้หูเหรินบุกเข้ามาโจมตีได้

แต่เหลียงจางที่คอยคุ้มกันประตูด่านนี้จะนำทัพอย่างไร ฝีมือของเขาถดถอยแม้แต่องครักษ์ของเขายังถูกขุนศึกตระกูลหยางปราบอย่างง่ายดาย เขาควรเคารพผู้บังคับบัญชาผู้นี้งั้นหรือ

ชีวิตอยู่ในมือของอีกฝ่ายเหลียงจางไม่มีทางเลือกจึงได้แต่อดกลั้น “ข่าวที่เพิ่งได้รับในวันนี้ น่าซู องค์ชายสิบสามแห่งเผ่าหมาป่าหิมะนำคนไปสมทบกับผู้เป็นพี่ชายแล้ว คาดว่า…มีทหารม้าหลายพันนาย”

…………