ตอนที่ 620

Elixir Supplier

620 ไม่พอก็ต้องพอ

 

“ก็เพราะวันนี้เป็นงานศพพ่อของฉันน่ะสิ” หวังเฟิงยี่พยายามหาข้ออ้าง

 

“ช่างเป็นลูกชายที่กตัญญูจริงๆนะ” ครอบครัวของคนไข้เตียงข้างๆพูดขึ้นมา

 

“ไปกันเถอะ!” หวังเฟิงยี่ลุกออกจากเตียงโรงพยาบาล และพยายามอดทนกับความเจ็บปวดที่ยังคงอยู่

 

ภรรยาของเขารู้สึกมึนงงกับท่าทีของเขา เธอคิดในใจว่า บางทีสามีของเธออาจจะเปลี่ยนไปแล้ว หวังเฟิงยี่ไม่เคยกลับไปเยี่ยมพ่อของเขาเลย ยกเว้นแค่วันตรุษจีนเท่านั้น เขาไม่เคยเอาของอะไรไปให้พ่อของเขาเลยสักครั้ง แถมยังหยิบเอาไข่กับบะหมี่จากบ้านพ่อของกลับไปบ้านของตัวเองอีกด้วย แล้วอยู่ดีดีเขาจะเปลี่ยนกลายเป็นลูกกตัญญูขึ้นมาดื้อๆแบบนี้ได้ยังไงกัน?

 

หวังเฟิงยี่เดินโซเซออกจากโรงพยาบาลด้วยอาการมึนศีรษะ และกลับไปที่หมู่บ้าน

 

ในขณะเดียวกัน พี่น้องของเขาก็ยังคงอยู่บนเนินเขาตงชาน

 

ชาวบ้านทุกคนล้วนนำร่างของคนที่พวกเขารักไปฝังไว้บนเนินเขาตงชาน อาจารย์ดูฮวงจุ้ยมากกว่าหนึ่งคน ที่แนะนำว่าเนินเขาตงชานเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการฝังร่างของผู้เป้นที่รักของคนในครอบครัว

 

กระดาษเงินกระดาษทองถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน และเสียงประทัดที่ดังอย่างต่อเนื่อง พี่น้องของหวังเฟิงยี่ต่างร่ำไห้กับการจากไปของพ่อของพวกเขา

 

หวังเย้ามองดูเนินเขาตงชานจากยอดเนินเขาหนานชาน

 

“ผมขอโทษ ขอให้คุณจากไปอย่างสงบ” หวังเย้าพูดเสียงเบา

 

เขาเริ่มต้นสวดบทในคัมภีร์เต๋า

 

ทุกคนค่อยๆหยุดร้องไห้และลงมาจากเนินเขาตงชาน ทิ้งไว้เพียงร่างของชายชราที่ถูกฝังอยู่ใต้ผืนดิน

 

เมื่อหวังเฟิงยี่กลับไปถึงที่บ้าน พี่น้องของเขาก็กลับลงมาจาเขาพอดี พวกเขาต่างรู้สึกประหลาดใจที่ได้เห็นเขา

 

“เฟิงยี่ ทำไมถึงได้กลับมาตอนนี้ล่ะ?” หวังเฟิงจี้ถาม “นายไม่เป็นไรแล้วเหรอ?”

 

“ไม่ยังไม่ดีเท่าไหร่หรอก” หวังเฟิงยี่พูด “แล้วร่างของพ่ออยู่ไหนล่ะ?”

 

“เราฝังเขาแล้วล่ะ?” หวังเฟิงจี้พูด

 

“อะไรนะ!” ตาของหวังเฟิงยี่แทบจะหลุดออกมาจากเบ้า พร้อมกับสะดุดล้มลงไปที่พื้น

 

“ฉันได้ยินมาว่า หวังเฟิงยี่ไม่เคยสนใจอะไรเลย แม้แต่พ่อแม่ของตัวเอง แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้เป็นแบบนั้นนะ” ชาวบ้านคนหนึ่งพูด

 

“ใช่ ทั้งๆที่เขายังป่วยอยู่ แต่ก็ยังออกจากโรงพยาบาลกลับมางานศพของพ่อตัวเอง” ชาวบ้านอีกคนพูด

 

อยู่ๆชาวบ้านก็เปลี่ยนความคิดที่มีต่อหวังเฟิงยี่

 

“เฟิงยี่ เข้าไปพักข้างในบ้านก่อนเถอะนะ” หวังเฟิงจี้พูด

 

หวังเฟิงจี้และพี่น้องคนอื่นๆได้เตรียมอาหารเอาไว้สำหรับญาติที่มาร่วมงานศพ ส่วนหวังเฟิงยี่ก็เข้าไปนอนอยู่ในห้อง เขารู้สึกมึนหัวและไม่สบาย

 

“เฟิงยี่ อยากกินอะไรสักหน่อยไหม?” หวังเฟิงจี้ถาม “ฉันจะไปเอาของกินมาให้”

 

“ฉันไม่หิว ไม่ต้องห่วง” หวังเฟิงยี่ส่ายหน้า

 

เขาไม่ได้กลับมาที่บ้านเพื่อมางานศพพ่อของตัวเอง หรือเพราะเขาสำนึกได้จึงกลับมาที่บ้าน แต่ที่เขากลับมา เพราะอาการป่วยของเขาเอง เขารู้ดีว่า อาการป่วยที่เขาเป็นอยู่นั้นเกิดจากฝีมือของหวังเย้า เขาได้ยินมาว่า หวังเย้าเป็นหมอที่รักษาเก่ง และคนมากมายต่างก็เดินทางมาเพื่อรักษากับเขา

 

หวังเฟิงยี่กลับมาเพื่อจะให้หวังเย้ารักษาเขา แต่เขาเพิ่งจะไปที่บ้านของหวังเย้าและสร้างปัญหาขึ้นที่นั่นไปเมื่อวาน ตอนนี้ เขายังไม่กล้าพอที่จะไปเจอหน้าหวังเย้า

 

มีคนไม่มากที่จะหน้าด้านหน้าทนได้ขนาดนั้น และหวังเฟิงยี่ก็เช่นเดียวกัน แต่เขารู้สึกทรมานมาตลอดทั้งวันแล้ว เขาไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป เขายินดีจะทำทุกอย่าง จะให้เขาขอโทษหรือก้มหัวให้หวังเย้าเพื่อให้เขารักษาก็ยังได้ ศักดิ์ศรีของเขาเทียบกับความทรมานที่เป็นอยู่ไม่ได้เลยสักนิด เขาอยากจะตายๆไปซะ เขาไม่อยากจะสนใจอะไรทั้งนั้นในตอนนี้

 

แน่นอนว่า สำหรับหวังเฟิงยี่แล้ว ทั้งศักดิ์ศรีและสุขภาพล้วนสำคัญเท่าๆกัน

 

“อะไรนะ? นายจะไปขอโทษหวังเย้าอย่างนั้นเหรอ?” หวังเฟิงจี้รู้สึกประหลาดใจ เขารู้ว่า น้องชายของเขาเป็นคนดื้อรั้น ดังนั้น เขาจึงไม่คิดว่า หวังเฟิงยี่จะยอมรับผิดง่ายๆแบบนี้ได้ “ทำไมล่ะ?”

 

“พี่พูดว่าอะไรนะ? ฉันไม่ได้ยินเลย” หวังเฟิงยี่ถามกลับเสียงดัง

 

นอกจากจะรู้สึกปวดหัวและมึนหัวแล้ว การได้ยินของหวังเฟิงยี่ก็ยังมีปัญหาด้วยเช่นกัน แม้จะมีคนพูดเสียงดังๆหรือยืนพูดอยู่ข้างหูของเขา เขาก็ยังได้ยินชัดอยู่ดี

 

“ฉันถามว่า ทำไม” หวังเฟิงจี้พูด

 

“เพราะสิ่งที่ฉันลงไปมันผิดน่ะสิ” หวังเฟิงยี่พูดเสียงดัง

 

แม้แต่แขกที่อยู่ในห้องทานอาหารก็ยังได้ยินเขาพูด

 

“เขาไปทำอะไรผิดมาเหรอ?” แขกคนหนึ่งถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

 

“นั่นเสียงพูดของหวังเฟิงยี่ใช่ไหม? เขารู้สึกผิดเรื่องอะไรเหรอ?” แขกอีกคนถาม

 

แขกที่มางานต่างรู้สึกสงสัยในคำพูดของเขา หลังจากที่พวกเขาพากันกลับไปแล้ว หวังเฟิงจี้พาหวังเฟิงยี่ไปที่บ้านของหวังเย้าเพื่อขอโทษ

 

หวังเฟิงฮวาและจางซิวหยิงต่างก็ประหลาดใจที่ได้เห็นหวังเฟิงยี่ พวกเขาไม่คิดว่า วันต่อมา หวังเฟิงยี่จะมาที่บ้านของพวกเขาเพื่อขอโทษ เมื่อดูจากท่าทีไร้มารยาทของเขาเมื่อวานแล้ว การเปลี่ยนแปลงในวันนี้จึงดูกะทันหันเกินไป

 

“เสี่ยวเย้าไม่อยู่บ้านหรอก ช่วยรอสักเดี๋ยวได้ไหม?” จางซิวหยิงพูด

 

พวกเขารออยู่ประมาณ 30 นาที ก่อนที่หวังเย้าจะลงมาจากเนินเขาหนานชาน

 

“ผมรักษาคุณไม่ได้หรอก” หวังเย้าพูด เมื่อเขาเหลือบไปมองหน้าหวังเฟิงยี่

 

“เสี่ยวเย้า ได้โปรดเถอะนะ” หวังเฟิงจี้พูด

 

“ลุงเฟิงจี้ ก็อย่างที่ผมบอกไป ผมรักษาเขาไม่ได้จริงๆ” หวังเย้าพูด

 

เขาต้องทำอะไรบางอย่าง เพื่อให้หวังเฟิงยี่จดจำให้ขึ้นใจว่า เขาไม่ควรมายุ่งกับคนในครอบครัวของเขา ถ้าไม่อย่างนั้น เขาก็จะไม่หยุดสร้างปัญหา

 

“ฉันขอโทษจริงๆนะ เฟิงฮวา, ซิวหยิง, เสี่ยวเย้า ที่ฉันทำไปเมื่อวานมันเกินที่จะให้อภัย ฉันรู้ว่าพวกเธอเป็นคนจิตใจดี ได้โปรดให้อภัยฉันเถอะนะ!” หวังเฟิงยี่แทบจะหลั่งน้ำตาออกมา เขารู้สึกทรมานจนอยากจะตายไปให้พ้นๆ เขากำลังจะคุกเข่าลงไปที่พื้น

 

“อย่าทำแบบนี้เลย!” หวังเฟิงฮวาหยุดเขาเอาไว้ “เสี่ยวเย้า?”

 

“พ่อ ผมรักษาเขาไม่ได้จริงๆ” หวังเย้าพูด

 

พ่อแม่ของเขามักจะใจอ่อนกับคนในหมู่บ้านเสมอ แต่เขาไม่ใช่ เขาต้องการให้หวังเฟิงยี่ทรมานไปอีกสักสองสามวัน เพื่อที่เขาจะได้จดจำมันไปตลอดทั้งชีวิตของเขา

 

สุดท้าย หวังเฟิงจี้และหวังเฟิงยี่ก็กลับไปโดยไม่ได้อะไรเลย

 

“แม่งเอ้ย! ไอ้เด็กสวะเอ้ย!” หวังเฟิงยี่รู้สึกโมโหอย่างมาก ทันทีที่เดินพ้นประตูบ้านของหวังเย้ามา เขาก็เริ่มสบถคำหยาบออกมาอย่างไม่รอช้า

 

แน่นอนว่า หวังเย้าได้ยินมันทั้งหมด ฉันคิดถูกจริงๆด้วยสินะ เขายังทรมานไม่พอ

 

“โอ๊ย!” อยู่ๆหวังเฟิงยี่ก็ยกมือขึ้นกุมหัวตัวเอง

 

“ตอนนี้ นายเป็นอะไรไปอีกล่ะ?” หวังเฟิงจี้ถาม

 

“ฉันรู้สึกปวดหัวมากๆเลย” หวังเฟิงยี่พูด

 

อยู่ๆเขาก็รู้สึกเจ็บแปล๊บเข้ากลางกระหม่อม อาการปวดหัวของเขาเกิดจากสิงโตคำรามของหวังเย้า โชคดีที่หวังเย้าไม่ได้ใส่กำลังทั้งหมดของเขาลงไปด้วย หวังเฟิงยี่แค่ต้องพักผ่อนและทำใจให้สงบ ความโกรธมีแต่จะไปกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและทำให้อาการของเขาแย่ลง การโมโหหวังเย้า ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเขาเลยสักนิด

 

“ฉันขอนั่งหน่อยนะ” หวังเฟิงยี่พูด

 

เสียงกระหึ่มกลับมาดังในหูของเขาอีกครั้ง

 

หลังหวังเฟิงยี่และหวังเฟิงจี้กลับไปแล้ว หวังเย้าก็กลับไปที่คลินิกของเขา ไม่นาน คลินิกของเขาก็เริ่มคึกคัก คนไข้ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่มีอาการป่วยเล็กๆน้อยๆ

 

หวังเย้าได้อัพเกรดระบบอย่างที่ตั้งใจไว้ รางวัลที่ได้รับในครั้งนี้คือ ทักษะหนึ่งอย่างและเมล็ดพันธุ์สมุนไพรรากหนึ่งถุง

 

สมุนไพรรากที่เขาได้ก็คือ จื๋อตาน เมล็ดของมันดูคล้ายกับดอกกล้วยไม้ขนาดเล็ก ก้านของมันเป็นสีแดงและมีลำต้นเป็นสีเขียว มันมีดอกสีขาวและม่วง

 

มันสามารถกำจัดตัวก่อโรคในหัวใจและช่องท้องได้ รวมไปถึงรักษาโรคดีซ่าน, ลดพิษในเลือด, และช่วยให้ปัสสาวะดีขึ้น มันเป็นสมุนไพรรากระดับกลาง

 

หวังเย้าได้รับทักษะการสกัดยา อยู่ๆความรู้จำนวนมากก็ไหลทะลักเข้าสู่สมองของเขา ซึ่งมีทั้งความรู้เกี่ยวกับสมุนไพร เช่น ธรรมชาติของสมุนไพรแต่ละชนิด และการนำพวกมันมาผสมกัน รวมไปถึง ความสัมพันธ์ระหว่าหยินหยาง และธาตุทั้งห้า เขารู้สึกได้ถึงความรู้ที่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุด เขามีความเข้าใจในสมุนไพรแต่ละชนิดมากขึ้นไปอีก

 

มันเหมือนกับการพุ่งตัวไปตามเส้นทางลม หรือขึ้นไปอยู่บนยอดเขา หวังเย้าสูดลมหายใจเข้าลึกๆ การก้าวไปข้างหน้าแต่ละก้าวนั้นไม่ง่ายเลย มันจะเป็นเรื่องยากขึ้นเรื่อยๆสำหรับการอัพเกรดในครั้งต่อๆไป

 

ด้านนอกเริ่มมืดลง ภายในร้านอาหารสไตล์ตะวันตกร้านหนึ่งในตัวเมืองเหลียนชาน คู่รักคู่หนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะติดริมหน้าต่าง และกำลังพูดคุยกันกระหนุงกระหนิง พวกเขาดูกำลังตกหลุมรักกันและกัน

 

อาหารและเครื่องดื่มภายในร้านล้วนมีราคาแพง และรสชาติก็ยังไม่ได้ดีมากด้วย ภายในร้านเต็มไปด้วยคู่รักหนุ่มสาว

 

“ทำไมนายไม่กินล่ะ?” หญิงสาวถามด้วยรอยยิ้ม

 

 

“ฉันแค่อยากจะมองดูหน้าเธอน่ะสิ เธอสวยพอจะเป็นอาหารสำหรับฉันได้เลย” ชายหนุ่มพูด

 

“หยุดพูดได้แล้ว!” ใบหน้าของหญิงสาวแดงก่ำ หญิงสาวล้วนชอบคำหวานจากคนที่พวกเธอชอบพอ

 

“กินข้าวเสร็จแล้ว เราไปดูหนังกันดีไหม?” ชายหนุ่มถาม

 

“อืม” หญิงสาวพูด

 

คู่รักหลายคู่ต่างพากันไปดูหนังหลังจากที่ทานอาหารเย็นเสร็จ หลังจากนั้น พวกเขาก็มักจะนั่งคุยกันในร้านคาเฟ่ต่อ มันแทบจะกลายเป็นธรรมเนียมไปแล้ว

 

หนังที่ฉายอยู่ไม่ได้น่าสนใจมากนัก โรงหนังมีขนาดเล็ก และมีคนอยู่ในโรงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น มีคู่รักนั่งอยู่ในโรงทั้งหมดสามคู่ สองคู่ต่างกำลังกอดจูบและไม่ได้หันไปสนใจหนังที่กำลังฉายอยู่เลย

 

ชายหนุ่มค่อยๆยื่นมือออกไปโอบไหล่แฟนสาวของเขา มือของเขาเริ่มลูบไล้ไปตามร่างกายของหญิงสาว

 

“คนนิสัยไม่ดี!” แฟนสาวของเขาหัวเราะคิกคัก

 

“ฮะฮา!” ชายหนุ่มหัวเราะออกมา

 

หลังดูหนังจบ พวกเขาก็กลับไปที่อพาร์ทเมนต์ของชายหนุ่มและใช้เวลาอยู่ร่วมกัน พวกเขามอบความรักให้แก่กัน ไม่ว่าเท่าไหร่ก็ไม่พอสำหรับคนทั้งคู่

 

แต่แล้ว หลังร่วมรักเสร็จ อยู่ๆชายหนุ่มก็รู้สึกปวดร้าวขึ้นที่ท้องน้อยของเขา

 

“โอ๊ย!” ชายกรีดร้องออกมา

 

“เป็นอะไรไปเหรอ?” หญิงสาวถามด้วยความเป็นห่วง

 

“ไม่มีอะไร แค่ปวดท้องน่ะ บางที อาจจะเป็นเพราะเมื่อกี้ฉันดื่มเหล้าไปก็ได้” ชายหนุ่มพูด

 

“อ่อ” หญิงสาวพูด “ฉันเหนื่อยแล้ว เรานอนกันดีไหม?”

 

“โอเค” ชายหนุ่มโอบแฟนสาวเอาไว้ในอ้อมกอด เขาไม่สามารถหลับลงได้ และคิดไปถึงคำแนะนำของหวังเย้า

 

บางที ฉันไม่ควรจะมีเซ็กซ์มากเกินไป

 

 

ภายในโรงพยาบาลเหลียนชาน หวังเฟิงยี่กำลังนอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล และอาเจียนออกมาไม่หยุด

 

“ดูสิ! ฉันบอกแล้วว่าอย่าไป แต่พี่ก็ไม่ฟัง เห็นแล้วรึยัง? ตอนนี้อาการก็มาแย่ลงไปอีก!” ภรรยาของเขาโมโห

 

หวังเฟิงยี่ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจ เขาไม่มีแม้แต่แรงที่จะไปเถียงภรรยาของเขา เขาปวดหัวอย่างหนักและรู้สึกทรมานอย่างมาก เขาเพิ่งจะอาเจียนไปและรู้สึกอ่อนแรงอย่างมาก แค่ขยับนิดเดียว ก็ไปกระตุ้นอาการป่วยของเขาได้แล้ว