ตอนที่ 621

Elixir Supplier

621 ปลูกต้นไม้ให้เป็นกำแพงธรรมชาติ

 

“ฉันย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่นดีไหม?” หวังเฟิงยี่ถาม

 

“ย้ายโรงพยาบาลเหรอ? แล้วจะย้ายไปที่ไหนล่ะ?” ภรรยาของเขารู้สึกกังวล เขารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลโดยไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลยสักนิด และอาการของเขายังดูเหมือนจะแย่ลงอีกด้วย ถึงแม้ว่าสามีของเธอจะเป็นตัวปัญหา แต่เขาก็ดีกับเธอและลูกๆมาก ทั้งบ้านต้องพึ่งพาแค่เขาคนเดียว เธอจึงได้แต่หวังว่า เขาจะไม่ป่วยหนักหรือเป็นโรคที่ต้องใช้เวลารักษาตัวนาน

 

“ไปที่ห่ายชิวหรือไม่ก็โรงพยาบาลในตัวจังหวัด” หวังเฟิงยี่พูด “หมอที่นี่ไม่เห็นจะเก่งเลยสักนิด”

 

ตอนที่เขาพูดออกมานั้น หมอคนหนึ่งก็เดินเข้ามาพอดี สีหน้าของหมอจึงเข้มขึ้นเล็กน้อย “ใครบอกว่าเรารักษาใครไม่ได้กัน?”

 

หมอทำหน้าบึ้งตึงและเมินใส่หวังเฟิงยี่ จากนั้น เขาก็เดินเข้าไปหาคนไข้สองคนที่นอนอยู่เตียงข้างๆเพื่อถามอาการ แล้วจึงเดินออกไปจากห้อง

 

ภรรยาของหวังเฟิงยี่รีบวิ่งตามออกไป และกลับมาในเวลาไม่นาน

 

“เป็นยังไงบ้าง?” หวังเฟิงยี่ถาม

 

“พูดเสียงเบากว่านี้มันจะตายหรือยังไง?” ภรรยาของเขาพูด “หมอไม่พอใจมาก แต่เขาก็จะทำเรื่องย้ายโรงพยาบาลให้”

 

“แค่ขอตกลงก็พอแล้ว ฉันไม่สนหรอกว่าเขาจะพอใจหรือไม่พอใจ” หวังเฟิงยี่พูด เขาไม่ได้มีความประทับใจอะไรกับหมอพวกนี้อยู่แล้ว

 

ในวันเดียวกันนั้น หวังเฟิงยี่ถูกส่งตัวไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลห่ายชิว

 

“อาการของเขาหาได้ยากมาก!” หลังจากทำการตรวจดูอาการของเขาแล้ว แพทย์ของโรงพยาบาลห่ายชิวก็พูดขึ้นมา จากนั้นไม่นาน เขาก็โทรหาผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำและปรึกษาแผนการรักษาคนไข้รายนี้

 

“โอ้ ในที่สุด ก็เจอหมอที่น่าเชื่อถือได้สักที” หวังเฟิงยี่รู้สึกโล่งใจ แต่เขาก็ยังคงรู้สึกปวดหัวอยู่ไม่หาย

 

ในหมู่บ้านกลางเขา หวังเย้าปลูกเมล็ดจื๋อตานที่ได้มาใหม่ลงไปในจุดที่เหมาะสมในแปลงสมุนไพรของเขา หลังจากนั้น เขาก็โทรไปเพื่อสั่งต้นไม้และต้นไม้ทรงพุ่มจำนวนหนึ่ง เขาต้องการใช้ต้นไม้เป็นกำแพงธรรมชาติ เพื่อปิดทางเข้าออกทั้งทางทิศตะวันตก, ทิศตะวันออก, และทิศใต้ เหลือเพียงทางเข้าเล็กๆที่ทางทิศเหนือเท่านั้น

 

ในคืนนั้น เขาใช้เวลาศึกษาอยู่นาน เขาหยิบเอากระดาษที่เขียนกราฟเอาไว้ออกมา จากนั้น เขาก็วาดเขียนไปจนกระทั่งเที่ยงคืน

 

เช้าของวันต่อมา หวังเย้าเดินลงไปจากเขา เขาเจอเข้ากับเวินหว่านและลูกชายของเธออยู่ที่ริมน้ำ ลูกชายของเวินหว่านจับมือเพื่อพยุงตัวเธอเอาไว้ และพากันเดินไปอย่างช้าๆ

 

“สวัสดีค่ะ หมอหวัง” เวินหว่านพูด

 

“สวัสดีครับ หลายวันมานี้ คุณเป็นยังไงบ้างครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ดีค่ะ” เวินหว่านพูด “ฉันสามารถนอนหลับได้ดี และมีแรงขึ้นเยอะเลยล่ะค่ะ ตอนนี้ ฉันยังกินได้เยอะขึ้นด้วยนะคะ แล้วอากาศในหมู่บ้านนี้ก็ดีมาก ฉันเลยชอบออกมาเดินเล่นตอนเช้าๆแบบนี้น่ะค่ะ”

 

“ดีครับ ดูจากอาการของคุณตอนนี้ คงจะทำได้แค่ออกแรงเบาๆเท่านั้น” หวังเย้าพูด “คุณควรใส่ใจเรื่องการพักผ่อนและการบำรุงเป็นสิ่งแรกนะครับ”

 

“โอ้ ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณนะคะ” เวินหว่านพูด

 

เธอเชื่อว่า ตัวเธอสามารถกลับมาหายดีได้ เธอยังคงมีชีวิตอยู่ เธอจึงรู้สึกขอบคุณชายหนุ่มคนที่ ที่ทั้งอายุน้อยและเป็นหมอมากฝีมือ

 

“ยินดีครับ” หวังเย้าพูด

 

ระหว่างทาง ทั้งสามก็พบกับชาวบ้านอยู่ประปราย เวินหว่านและลูกชายเคยพบชาวบ้านเหล่านี้มาแล้วหลายครั้ง พวกเขาจึงค่อนข้างคุ้นหน้าค่าตากันพอสมควร ในตอนแรก ชาวบ้านเพียงทักทายพวกเขาอย่างเป็นมิตรเท่านั้น ตอนนี้ พวกเขาอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว ชาวบ้านหลายคนจึงเริ่มนำของมาให้พวกเขาด้วย มีทั้งไข่, ไก่และเป็ด รวมไปถึงผักและแพ่นแป้งทอดด้วย

 

ชาวบ้านหลายคนรู้ว่า มีคนนอกห้าคนที่เข้ามาเช่าบ้านอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน ในหมู่พวกเขานั้นมาเพื่อรับการรักษาจากหวังเย้า ก่อนหน้านี้ ซุนหยุนเชิงก็มาที่หมู่บ้านเพื่อรักษากับหวังเย้าอยู่ช่วงหนึ่งเช่นเดียวกัน พวกเขารู้สึกทึ่งที่ได้เห็นว่า มีแต่คนรวยๆที่มาเป็นคนไข้ของหวังเย้า ตอนนี้ พวกเขาจึงได้รู้แล้วว่า ชายหนุ่มที่ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยหัวเราะเยาะได้กลายเป็นผู้มากความสามารถไปแล้ว

 

“สองพี่น้องคู่นั้นไปไหนแล้วล่ะ?” เวินหว่านกำลังพูดถึงเฉินหยิงและเฉินโจวกับลูกชายของเธอ เพราะพวกเขาเคยเจอหน้ากันอยู่หลายครั้ง

 

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ” ฟ่านโยวเหรินพูด

 

แสงแดดให้ความรู้สึกอบอุ่น เวินหว่านและลูกชายพากันเดินเรียบแม่น้ำไปทางทิศใต้ของหมู่บ้าน และเดินกลับ

 

หวังเย้าแวะไปที่บ้าน ก่อนที่จะเดินไปที่คลินิก เขาได้เตรียมยาตัวใหม่เอาไว้ เพราะเมื่อระบบอัพเกรด เขาก็ได้รับความเข้าใจใหม่ๆเกี่ยวกับตัวยามากขึ้น

 

ในตอนเช้า มีชายวัยประมาณ 50 มาที่คลินิก เขามีร่างกายที่ผอมแห้งและแก้มตอบ เขามีอาการเส้นเลือดในสมองอุดตัน แขนและขาข้างซ้ายของเขาได้รับผลกระทบจากอาการป่วย ทำให้เขาขยับแขกซ้ายได้เพียงเล็กน้อย แต่ไม่สามารถกำหมัดแน่น หรือใช้ขาขวาได้อย่างเต็มที่ มันจึงทำให้เขาต้องเดินขาเป๋

 

“คุณเป็นมานานแค่ไหนแล้วครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ตั้งแต่พฤศจิกาหรือไม่ก็ธันวาปีที่แล้วค่ะ เขาต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเกือบ 20 วัน” ผู้หญิงที่มาพร้อมกับเขาพูด

 

“คุณเป็นโรคเบาหวานใช่ไหมครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ใช่ ผมป่วยเป็นเบาหวาน” ชายคนนั้นพูด

 

“ตอนนี้ คุณกินยาอยู่รึเปล่าครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ไม่ได้กิน แต่ฉีดอินซูลิน” ชายคนนั้นพูด

 

“มาครับ ผมขอตรวจดูหน่อย” หวังเย้าตรวจดูอาการของคนไข้อย่างละเอียด เขาแทบจะไม่มีฟันเหลืออยู่ในปากแล้ว “คุณยังสูบบุหรี่อยู่ไหมครับ?”

 

“ไม่สูบ ผมเลิกแล้ว” ชายคนนั้นพูด

 

“คุณพอจะขยับได้บ้างไหมครับ?” หวังเย้าถาม

 

คนไข้ขยับแขนของเขา เขาสามารถขยับแขนได้ แต่ก็ไม่สามารถงอได้ตามต้องการ และนิ้วมือของเขาก็ยังไม่ยืดหยุ่นด้วย มือซ้ายของเขาเย็นกว่ามือขวา มันเป็นสัญญาณที่เห็นได้จากภายนอกว่าเกิดจากอาการของเส้นเลือดอุดตัน

 

“นั่งลงครับ” หวังเย้านวดรักษาตามจุดฝังเข็มบนร่างกายของเขา เพื่อขับเลือดที่อุดตันอยู่ในแขนซ้าย, ร่างกายด้านซ้ายท่อนบน, ขาซ้าย, และศีรษะ “คุณรู้สึกยังไงบ้างครับ?”

 

“มันเย็นนิดหน่อย แต่ตอนนี้ ผมรู้สึกอุ่นและร้อนด้วย” คนไข้พูด

 

เดิมเขาเป็นไม่ชอบความเย็นอยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อร่างกายด้านซ้ายของเขาที่เย็นลง หลังจากการนวดนานกว่าหนึ่งชั่วโมง เขาก็รู้สึกได้ว่า ร่างกายของเขาอุ่นขึ้น

 

หวังเย้าหยิบเข็มออกมาสามเล่ม และฝังลงไปบนจุดฝังเข็มบริเวณศีรษะของเขา เขาหมุนและกดอยู่สองสามครั้ง ก่อนที่จะดึงเข็มออก

 

“อย่าเพิ่งรีบกลับนะครับ” หวังเย้าพูด “คุณต้องนั่งพักสักครู่ก่อน แล้วค่อยกลับ อีกสองสามวันให้กลับมาอีกทีนะครับ ประมาณเจ็ดวันก็น่าจะเห็นผลแล้ว”

 

อาการของคนไข้ยังถือว่าค่อนข้างดี ระยะเวลาที่เขาป่วยนั้นค่อนข้างสั้น ยิ่งเขาระมัดระวังในการใช้ชีวิตมากขึ้น อาการป่วยของเขาจึงไม่ได้แย่ลง

 

“ได้ครับ” คนไข้นั่งอยู่กับที่และลองขยับนิ้วมือของตัวเองดู

 

“ไม่ต้องกังวลนะครับ คุณต้องค่อยๆรักษาตัวเพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวกลับมา” หวังเย้าพูด

 

“หมอคะ แค่นวดจะพอเหรอคะ? ไม่ต้องให้เขากินยาด้วยเหรอคะ?” ภรรยาของคนไข้ถาม

 

“ตอนพวกคุณมารอบหน้า ผมจะให้ยาไปกินตามอาการนะครับ” หวังเย้าพูด

 

เขารู้สึกว่า คนไข้รายนี้สามารถรักษาหายได้ด้วยการนวดและการฝังเข็ม โดยที่ไม่จำเป็นต้องกินยาเลย

 

“ได้ครับ” คนไข้พูด “ค่ารักษาเท่าไหร่ครับ?”

 

“200 หยวนครับ” หวังเย้าพูด

 

ภรรยาของคนไข้คิดในใจ แพงมาก! คลินิกรักษาคนไข้ข้างนอกคิดเงินค่านวดแค่ 50 หยวนต่อครั้งเท่านั้น ถึงเธอจะคิดแบบนั้น แต่เธอก็ยังหยิบเงินออกมาจ่ายอยู่ดี

 

“มีเรื่องอะไรที่ฉันต้องระวังไว้บ้างไหมคะ?” ภรรยาของคนไข้ถาม

 

“ผมเขียนไว้ในนี้แล้วครับ” หวังเย้าเขียนข้อควรระวังและส่งมันให้กับเธอ “อีกสองวันให้กลับมาอีกรอบนะครับ”

 

ผู้เป็นภรรยาพยุงตัวสามีของเธอเดินออกไปจากคลินิก

 

“ค่ารักษาแพงมากเลย อย่ามาที่นี่อีกเลยดีกว่านะ” คนไข้พูด

 

“ขอแค่เขาสามารถรักษาคุณได้ เราก็จะมา ถึงจะต้องจ่าย 2,000 หรือ 20,000 ก็ตาม” ภรรยาของเขาพูด “ฉันได้ฟังจากเพื่อนมาว่า หมอคนนี้รักษาเก่งมาก”

 

“ก็ได้ เราจะลองดูอีกสักครั้งก็แล้วกัน” สามีของเธอพูด

 

ตอนกลางวัน หลี่ชื่อหยูขับรถบรรทุกมาพร้อมกับต้นไม้และต้นทรงพุ่ม ซึ่งเป็นแค่ส่วนหนึ่งที่หวังเย้าสั่งไปเท่านั้น

 

“มาเร็วมากเลยนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“เรามีของอยู่ในร้านส่วนหนึ่งน่ะครับ ผมก็เลยอยากจะเอาทั้งหมดนี่มาส่งให้คุณก่อน” หลี่ชื่อหยูพูด

 

“ขอบคุณนะครับ เราขึ้นไปบนเขากันเถอะ” หวังเย้าพูด

 

และเหมือนเช่นเคย ต้นกล้าต้นไม้ทั้งหมดถูกขนลงไว้ที่ตีนเขา

 

“พวกนี้มันเยอะมากเลยนะครับ” หลี่ชื่อหยูพูด “คุณจัดการทั้งหมดคนเดียวไหวเหรอ?”

 

“ไม่อยู่แล้วครับ” หวังเย้าพูด

 

“ผมจะเอามาส่งพรุ่งนี้อีกชุดหนึ่งนะครับ” หลี่ชื่อหยูพูด

 

หลังจากที่เขาขับรถจากไปแล้ว หวังเย้าก็ยุ่งกับงานตรงหน้า ต้นกล้าเหล่านี้ไม่ได้หนักมาก แต่การขนย้ายก็ค่อนข้างลำบาก เขาขึ้นลงเขาอย่างรวดเร็ว ไม่นาน เขาก็จัดการขนย้ายต้นกล้าททั้งหมดเสร็จ

 

หลังกินข้าวที่บ้านเสร็จ หวังเย้าก็กลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน เพื่อปักจุดที่เขาจะลงต้นกล้า ซึ่งมีต้นไม้ปลูกอยู่ก่อนแล้วชุดหนึ่ง ต้นไม้เหล่านั้นไม่ได้ปลูกเรียงกันเป็นระเบียบ แต่พวกมันถูกปลูกเอาไว้ในจุดที่ใช้สำหรับปิดกั้นทางเดินเข้าออกของถนน ในครั้งนี้ หวังเย้าต้องการจะเชื่อมต้นไม้ทั้งหมด เพื่อปิดตายเส้นทางนี้

 

เช้าวันต่อมา คลินิกเปิดทำการ ไม่มีคนไข้มารักษา แต่เป็นเฉินหยิงและเฉินโจวที่มาเยี่ยมเขา

 

ในตอนกลางวัน หวังเย้าแขวนป้ายเอาไว้หน้าประตูและเดินขึ้นไปบนเขา เขาลงมือขุดหลุมและปลูกต้นไม้ลงไป โดยมีซานเซียนคอยช่วยเหลือตลอดทั้งบ่าย จากนั้นไม่นาน ต้นไม้ชุดใหม่ก็ปรากฏขึ้นมาตามแนวเนินเขาซีชาน

 

“ซานเซียน ไปเอาน้ำมาที”