ตอนที่ 622

Elixir Supplier

622 ความพิการที่เกิดจากปัญหาการเคลื่อนไหวระยะยาว

 

โฮ่ง!โฮ่ง!

 

ซานเซียนคาบถังน้ำและวิ่งไปที่แปลงสมุนไพร มันใช้ปากคาบถังน้ำ และตักน้ำจนเต็มถัง จากนั้น มันก็วิ่งกลับมาที่ต้นไม้ที่เพิ่งปลูกเสร็จ ถึงแม้ว่า ซานเซียนจะวิ่งเร็วราวกับสายลมและสายฟ้า แต่น้ำในถังกลับไปกระเด็นออกมาเลย

 

“ฉันยกหน้าที่รดน้ำต้นไม้ให้นายแล้วกันนะ” หวังเย้าพูด “นายมีปัญหาไหม?”

 

โฮ่ง! ซานเซียนดูเหมือนจะพอใจกับงานที่มันได้รับ มันชอบที่จะไปนั่นมานี่ วิ่งไปกลับระหว่างแปลงสมุนไพรและต้นไม้เหล่านี้ มันไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิด

 

“โอ้ นายดูจะมีความสุขมากเลยนะ!” หวังเย้าลูบหัวซานเซียน

 

ในตอนที่เขาเดินลงไปจากเขา หวังเย้าก็ยังคงเห็นซานเซียนวิ่งรดน้ำต้นไม้อย่างมีความสุข

 

 

ที่ชานเมืองของเขตเหลียนชาน ชายวัย 50 คนหนึ่งนั่งอยู่ที่ม้านั่งและกำลังขยับนิ้วมือของตัวเองอยู่ เขาใช้มือซ้ายถือลูกวอลนัทเอาไว้สองลูก เขาบังคับนิ้วมือให้ขยับลูกวอลนัทอย่างช้าๆ แต่นิ้วมือกลับไม่เชื่อฟังคำสั่งของเขา เขาไม่สามารถถือลูกวอลนัทได้ถนัดมือ จนทำให้ลูกวอลนัทหล่นลงไปที่พื้น เขาก้มตัวลงเพื่อใช้มือข้างขวาเก็บเก็บลูกวอลนัทขึ้นมา แล้ววางกลับลงไปที่มือข้างซ้าย เขาเริ่มหมุนลูกวอลนัทอีกครั้งอย่างช้าๆ

 

อยู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกมา หญิงสาววัย 20 เดินเข้ามา “พ่อ รู้สึกดีขึ้นบ้างรึยังคะ?”

 

“อืม พ่อรู้สึกดีกว่าเมื่อวานมาก” เขาพูด “การรักษาของหมอดูเหมือนจะได้ผลดี”

 

เขารู้สึกได้ว่า นิ้วมือของเขาสามารถควบคุมได้ดีกว่าเมื่อวาน แขนของเขาก็ดูเหมือนจะมีความยืดหยุ่นมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ได้ชัดเจนมากนัก ดังนั้น เขาจึงไม่แน่ใจว่ามันไม่ใช่แค่ภาพลวงตา

 

“ไว้พรุ่งนี้ ลองพยายามดูอีกทีแล้วกัน” เขาพูด

 

 

หลังจากที่หวังเย้าทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ขึ้นไปบนเนินเขาซีชานและมองหาจุดที่มีปัญหา เขาพบว่า ดอกแดนดิไลและหญ้าหางกระรอกยังคงยืนต้นอยู่ ดังนั้น เขาจึงนำน้ำแร่โบราณรดลงไป

 

หลังกลับมาที่เนินเขาหนานชานแล้ว เขาก็เริ่มทำการทดลองยาตัวใหม่ เขาตั้งใจที่จะเน้นไปที่ตัวยาที่สามารถรักษาโรคทั่วไปได้ เช่น โรคความดันโลหิตสูงแลเบาหวาน หลังจากที่ได้รักษาคนไข้ที่เป็นเส้นเลือดอุดตัน เขาก็ตัดสินใจทดลองตัวยาที่สามารถขับลิ่มเลือดที่อุดตันเส้นเลือดไปด้วย

 

เขารู้ว่า เขาไม่สามารถใช้ยาผงละลายลิ่มเลือด ซึ่งเป็นสูตรยาที่ได้จากระบบมาใช้รักษาคนไข้ได้ เพราะมันจำเป็นต้องมีสมุนไพรรากเป็นสมุนไพรตัวหลัก ซึ่งมีราคาสูงมาก คนไข้ทั่วไปนั้นไม่สามารถจ่ายราคาของตัวยานี้ได้

 

การเคลื่อนไหวของแขนและขาที่มีปัญหา สามารถสร้างความกดดันให้กับตัวคนไข้ได้มากกว่าโรคเบาหวาน เพราะไม่มีใครอยากเป็นคนพิการ

 

หวังเย้าเคยพบเจอกับคนที่การเคลื่อนไหวมีปัญหามามากกว่าหนึ่งคน ซึ่งเกิดจากอาการเส้นเลือดอุดตันในสมอง ในแววตาของพวกเขานั้น หวังเย้าสามารถมองเห็นได้ถึงความไม่ยินยอม, ความรู้สึกหมดหนทาง, และจิตใจที่ย่ำแย่

 

หากปัญหาเกิดขึ้นในระยะยาว มันยังจะส่งผลต่อจิตใจของพวกเขาด้วย ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่หวังเย้าคิดจะเริ่มจากตรงนี้ ด้านหนึ่ง เขาสามารถรักษาอาการป่วย อีกด้าน เขาก็สามารถกระจายชื่อเสียงของเขาให้มากขึ้นได้ ซึ่งอันหลัง ถือเป็นภารกิจที่เขาต้องทำ

 

หม่าฮวาง, ป่ายจื๋อ, ป่ายเฉา, ตู่ฮัว, ฟางเฟิง, กานเฉา…เขาเลือกสมุนไพรมาบางส่วนและบดสมุนไพรทั้งหมดให้กลายเป็นผงละเอียด เขาใช้ตระแกรงกรองและนำมาบดอีกรอบ จนกระทั่ง ทั้งหมดกลายเป็นผงละเอียด แล้วเขาจึงเก็บพวกมันเอาไว้ในถุง

 

สำหรับประสิทธิภาพของตัวยานนั้น ยาน้ำถือว่าให้ผลเร็วที่สุด แต่น่าเสียดาย ที่การเก็บรักษาค่อนข้างยาก เขาจึงตัดสินใจทำเป็นยาเม็ด ซึ่งง่ายต่อการเก็บรักษาและให้ผลที่แน่นอน

 

เช้าวันต่อมา คนไข้ที่มีอาการเส้นเลือดอุดตันในสมองก็กลับมาที่คลินิกพร้อมกับลูกสาวของเขา

 

“คุณรู้สึกดีขึ้นบ้างรึเปล่าครับ?” หวังเย้าถาม

 

“อืม มันดีขึ้นมานิดหน่อย” คนไข้พูด

 

“คุณฝึกแบบไหนอยู่เหรอครับ?” หวังเย้าถาม

 

เพราะอาการที่เขาเป็นอยู่ ทำให้เขาไม่สามารถทำงานอย่างคนปกติได้ บ้านของเขาตั้งอยู่ใกล้กับตัวเมือง เขาเป็นเจ้าของบ้านหลังหนึ่งและที่ดินอีก 4-5 ไร่ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถทำงานได้ เขาจึงปลูกพืชผักและเลี้ยงไก่กับกระต่าย ในเวลาว่าง เขาก็มักจะเดินช้าๆไปรอบหมู่บ้าน

 

“อืม โอเค นั่งลงด้วยครับ” หวังเย้าตรวจดูร่างกายของเขาอีกครั้ง “จับมือผมแน่นๆนะครับ”

 

ผิวที่ฝ่ามือของคนไข้ค่อนข้างหยาบกระด้าง และนิ้วมือของเขาก็ค่อนข้างหน้า สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า เขาทำงานที่ให้แรงงาน ตอนนี้ มือที่ถูกยกขึ้นมาแทบจะไม่มีแรงเลย

 

หวังเย้าฝังเข็มลงไปที่ศีรษะ, ไหล่, และแขนของคนไข้ ในระหว่างการรักษา ก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก

 

พันจวินเดินเข้ามาในคลินิก “อาจารย์”

 

“วันนี้ พี่ไม่ไปทำงานเหรอครับ?” หวังเย้าถาม “นั่งก่อนสิครับ ถ้าอยากดื่มชาก็จัดการเองได้เลยนะครับ”

 

“อ้าว อาจารย์ยุ่งอยู่เหรอ” พันจวินนั่งลงและมองดูหวังเย้าฝังเข็ม การลงมือของเขานิ่งเรียบและแม่นยำ

 

ในเมื่อพันจวินตั้งใจที่จะเรียนเรื่องการนวดรักษา เขาก็จำเป็นที่จะต้องจดจำจุดฝังเข็มทั้งหมดในร่างกายของมนุษย์ให้ได้ มันจำเป็นต้องใช้ทั้งความจำและความแม่นยำ

 

การนวดนั้น หากทำผิดพลาด มันก็อาจจะไม่กลายเป็นปัญหา หากกดลงไปในจุดที่ใกล้ๆกันก็ถือว่าไม่ผิด แต่การฝังเข็มนั้นต่างออกไป การฝังเข็มจำเป็นต้องใช้ความแม่นยำที่แน่นอน การฝังเข็มลงไปผิดจุด ก็สามารถทำให้เกิดปัญหาใหญ่ได้ และอาจจะนำไปสู่ความตายได้เลย มีเรื่องเล่าว่า ฮวาถัว(หมอยาจีน)รับคนไข้คนหนึ่งมารักษาด้วยการฝังเข็ม และเกิดความผิดพลาดขึ้น คนไข้รายนั้นไม่หายจากอาการป่วย และเสียชีวิตในอีกไม่กี่วันต่อมา

 

หลังจากที่ฝังเข็มลงไปแล้ว หวังเย้าก็รออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะดึงเข็มออก การดึงเข้มนั้นเต็มไปด้วยทักษะขั้นสูง พันจวินไม่เข้าใจเรื่องการฝังเข็มเลย แม้แต่นิดเดียวก็ไม่มี ดังนั้น เขาจึงทำได้แค่มองเท่านั้น

 

ประมาณ 20 นาทีต่อมา การฝังเข็มก็จบลง หวังเย้าเริ่มการนวดรักษาให้กับคนไข้ โดยการไปกระตุ้นให้เกิดการขับเลือดที่คั่งค้างในเส้นเลือดให้หลุดออกไป

 

เมื่อเห็นแบบนี้ ดวงตาของพันจวินก็เป็นประกายขึ้นมา เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่เขาได้ใช้เทคนิคการนวดกับคนไข้ที่คลินิกพี่สาวของเขาเท่านั้น ผลตอบรับจากเรื่องนี้ดีมาก และเขาก็ยังได้รับคำชื่นชมจากคนไข้อยู่หลายคน ยิ่งเขาได้นวดรักษาคนไข้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองยังเรียนรู้ได้ไม่พอมากเท่านั้น ดังนั้น เขาจึงไม่สามารถรักษาบางโรคได้ ถ้าหากเป็นอาจารย์ของเขา เขาก็คงจะสามารถรักษาได้ในทันที

 

“มาครับ ลองจับแน่นๆดู” หวังเย้านวดให้กับคนไข้ พร้อมทั้งบอกให้เขาลองขยับแขนและนิ้วมือดู “ค่อยๆออกแรงช้าๆ ไม่ต้องกังวลนะครับ”

 

พันจวินถาม “อาจารย์ นี่คือโรคอะไรเหรอ?”

 

“ปัญหาการเคลื่อนไหวที่เกิดจากเว้นเลือดอุดตัน” หวังเย้าพูด

 

เป็นธรรมดาที่พันจวินจะรู้จักโรคนี้ มันเป็นโรคที่เห็นได้บ่อยมาก ซึ่งมักจะเกิดได้จาก ความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, หรือโรคที่คล้ายกันนี้ อาการของมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในตอนเริ่มแรก คนอาจจะไม่รู้ตัวและคิดว่า แค่รู้สึกเหนื่อยหรือเพราะพักผ่อนน้อยเกินไป แต่หลังจากที่ได้หลับแล้ว ก็จะพบว่า พวกเขาไม่สามารถขยับปากไม่ให้เบี้ยว หรือขยับแขนขาได้ สำหรับนั้น หากรักษาช้าไปเพียงแค่ชั่วโมงเดียวก็อาจจะส่งผลร้ายแรงได้เลย

 

“โรคนี้สามารถรักษาด้วยการนวดอย่างเดียวได้ไหม?” พันจวินถาม

 

“มันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์อีกทีครับ” หวังเย้าพูดในขณะที่รักษาคนไข้ไปด้วย “ถ้าอาการหนัก การนวดอย่างเดียวคงไม่พอ มันจำเป็นต้องใช้ยาและการฝังเข็มเข้าช่วยด้วย แต่ถ้าอาการไม่หนักมาก การนวดอย่างเดียวก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”

 

“อาจารย์ช่วยอธิบายมากกว่านี้ได้ไหม?” พันจวินถาม

 

“ได้สิ” หวังเย้านวดรักษาคนไข้ และอธิบายเรื่องการรักษาไปด้วย เขาไม่ได้พูดถึงการรักษาด้วยการนวดอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงข้อควรระวังในการใช้ชีวิตด้วย แบบนี้ ก็จะทำให้คนไข้และลูกสาวของเขาไม่รู้สึกเบื่อด้วย พวกเขายังรับฟังอย่างตั้งใจไปพร้อมกับพันจวิน

 

“การฟื้นตัวของคนไข้ที่ป่วยหนัก ยังต้องให้ความสำคัญในเรื่องของการใช้ชีวิตและการออกกำลังกายด้วย” หวังเย้าพูด “และยังต้องควบคุมน้ำตาลในเลือดให้ดี”

 

ถ้าหากเกิดการอุดตันของเส้นเลือดขึ้นมาอีก และไม่ได้รับการรักษาที่ดีหรือทันเวลา มันก็อาจจะทำให้สถานการณแย่ลงได้ คนไข้อาจจะต้องนั่งรถเข็นหรือเคลื่อนไหวไม่ได้อีกตลอดชีวิต

 

หวังเย้านวดแขน, ขา และร่างกายท่อนบนของคนไข้ เมื่อไปถึงส่วนหัว พันจวินก็มองดูไม่ให้คลาดสายตา และถามคำถามมากขึ้น ในตอนนี้ เขายังไม่ได้นวดรักษาในส่วนศีรษะของคนไข้ที่คลินิกพี่สาวของเขา เพราะเขายังมีความกังวลอยู่ ศีรษะนั้นต่างไปจากส่วนอื่นๆในร่างกาย

 

“จำที่ผมบอกเอาไว้ให้ดี บางโรคสามารถใช้วิธีนี้รักษาได้ แต่บางโรคก็ไม่ได้” หวังเย้าพูด

 

“อืม ฉันจะจำเอาไว้” พันจวินพูด

 

“คุณก็มีคลินิกเหมือนกันเหรอ?” คนไข้ยิ้มและถาม หลังจากได้รับการฝังเข็มและนวดรักษาจากหวังเย้าแล้ว เขาก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมาก และการอยู่นิ่งนานๆก็ทำให้เขารู้สึกเบื่อ

 

“เปล่าหรอกครับ ผมไม่มีคลินิก แต่ผมเป็นหมออยู่ในโรงพยาบาล” พันจวินพูด

 

“หมอ? อยู่โรงพยาบาลไหนเหรอ?” คนไข้ถาม

 

“โรงพยาบาลเหลียนชาน แผนกฉุกเฉินครับ” พันจวินตอบ

 

สองพ่อลูกต่างพากันอยู่ในอาการตกตะลึง หมอจากโรงพยาบาลประจำเขตกลับมาเรียนรู้การรักษาที่คลินิกเล็กๆแบบนี้ แล้วยังเรียกชายหนุ่มว่า “อาจารย์” อีกด้วย นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว

 

หวังเย้าไม่ได้พูดอะไรมากในเรื่องนี้

 

หลังจบการรักษา สองพ่อลูกก็จ่ายค่ารักษาและจากไป